ในยุคที่ “ข้อมูลของผู้บริโภค” เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อการสร้างแบรนด์ ซึ่งนำไปสู่การเข้าใจลูกค้าที่ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้นักการตลาดสามารถส่งมอบประสบการณ์การซื้อสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าได้ อย่างไรก็ตาม แหล่งข้อมูลก็มีมากมายหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่ข้อมูลจากทีมดูแลลูกค้า ซึ่งข้อมูลที่มากเกินไปอาจกลับกลายเป็นอุปสรรค ด้วยจำนวนที่กระจัดกระจาย ทำให้ต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์นาน อีกทั้งยังเสี่ยงต่อความผิดพลาดได้อีกด้วย
แต่ปัญหาความยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ Customer Data Platform หรือก็คือเครื่องมือในการช่วยจัดเก็บข้อมูลลูกค้านั่นเอง แล้วเครื่องมือที่ว่านี้ทำอะไรได้บ้าง และมีความสำคัญต่อผู้ประกอบการในยุคดิจิทัลอย่างไร เราจะมาบอกให้ได้รู้กันในบทความนี้ แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์และต้องการศึกษา เก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ได้อย่างทันใจ ให้การสร้างแบรนด์ประสบความสำเร็จเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ก็สามารถปรึกษาการใช้เครื่องมือ Social Listening ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับผู้เชี่ยวชาญจาก Mandala AI ได้ฟรี
ใช้ Mandala AI ตัวช่วยการทำ CRM
รู้จัก CDP (Customer Data Platform) กัน
CDP ย่อมาจาก Customer Data Platform คือ เครื่องมือที่ช่วยในการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าจากหลากหลายแหล่ง และทำการสร้างเป็นคลังข้อมูลลูกค้าแบบครบวงจร เพื่อนำไปคิดวิเคราะห์ ให้นักการตลาดสามารถใช้วางกลยุทธ์ทางการตลาดต่อไป
ประเภทข้อมูลที่ CDP รวบรวมและจัดเก็บ
1. ข้อมูลประจำตัวลูกค้า (Identity Data)
ข้อมูลประจำตัวของลูกค้า นับได้ว่าเป็นข้อมูลส่วนแรกที่ CDP จะสามารถเก็บรวบรวมได้เมื่อลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับทางแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจะเป็นข้อมูลพื้นฐานของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นชื่อ อายุ เพศ ที่อยู่ อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ อาชีพ ระดับการศึกษา หรือแม้กระทั่งหมายเลขประจำตัวผู้ใช้งาน (ID) ซึ่งจะใช้สำหรับการระบุตัวตนและสร้างโปรไฟล์ลูกค้าแบบครบวงจร เพื่อให้ทีมการตลาดสามารถทำความเข้าใจและปรับปรุงประสิทธิภาพสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้
2. ข้อมูลเชิงบรรยาย (Descriptive Data)
ไม่ใช่เพียงแต่ข้อมูลส่วนตัวพื้นฐาน แต่ CDP ยังสามารถจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะ หรือคุณสมบัติเฉพาะของลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของการทำงาน ที่เจาะลึกถึงสถานที่ทำงาน รายได้ ตำแหน่ง รวมถึงสามารถจัดเก็บข้อมูลที่บ่งบอกถึงความสนใจ เพื่อปรับปรุงการสื่อสารกับลูกค้าแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ข้อมูลเชิงปริมาณ หรือเชิงพฤติกรรม (Quantitative or Behavioral Data)
นอกจากข้อมูลส่วนตัวเฉพาะของเหล่าลูกค้าแล้ว CDP ยังสามารถจัดเก็บข้อมูลความมีส่วนร่วมของลูกค้าที่มีต่อธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นประวัติการซื้อที่บ่งบอกถึงประเภทและจำนวนของสินค้า หรือแม้แต่การมีปฏิสัมพันธ์กับร้านค้าในโซเชียลมีเดีย เพื่อระบุความสนใจและความต้องการของลูกค้า
4. ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data)
การจัดเก็บข้อมูลในส่วนนี้นับว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่สะท้อนถึงคุณภาพของธุรกิจ โดยเป็นการจัดเก็บความคิดเห็น ความรู้สึก และประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อสินค้าและบริการ เพื่อนำมาศึกษาและทำความเข้าใจมุมมองของลูกค้า ซึ่งจะก่อให้เกิดการปรับปรุงประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความพึงพอใจและรักษากลุ่มลูกค้าที่มีอยู่
สำหรับใครที่อยากจัดเก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายให้สามารถนำมาใช้งานได้อย่างมีคุณภาพ โดยไม่ต้องเสียเวลาคาดเดาเอง แนะนำให้เลือกใช้เครื่องมือ Social Listening ที่มีประสิทธิภาพในการค้นหา
ใช้ Mandala AI ตัวช่วยการทำ CRM
ประโยชน์ของ Customer Data Platform คืออะไร
1. ช่วยให้การรวบรวมและจัดการข้อมูลลูกค้าเป็นเรื่องง่ายขึ้น
นอกจากข้อดีในการรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากหลายแหล่งได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ในบางครั้งจำนวนข้อมูลที่เยอะอาจทำให้เกิดความสับสนในการนำไปใช้ ซึ่ง CDP ก็สามารถจัดการข้อมูลลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ ทำให้ตัวแบรนด์สามารถค้นหาและเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังช่วยกรองข้อมูลไม่จำเป็น จึงช่วยลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นจากการค้นหาข้อมูลได้
2. เพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์ทางการตลาด
เนื่องจากประโยชน์ในการรวบรวมและจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ CDP จึงช่วยให้ธุรกิจ หรือแบรนด์สามารถทำความเข้าใจกับกลุ่มลูกค้าได้ดีขึ้น เพื่อนำมาปรับปรุงและกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และสามารถทำการวัดผลได้อย่างแม่นยำ
3. สร้างสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการ
ในยุคดิจิทัลที่ลูกค้ามีความต้องการอย่างหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ธุรกิจจึงจำเป็นต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง การใช้ CDP ในการรวบรวมและจัดการข้อมูลจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลลูกค้ามาพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือปรับปรุงบริการ เพื่อตอบสนองประสบการณ์การใช้งานให้ตอบโจทย์กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
4. ช่วยให้การจัดเก็บข้อมูลเป็นไปตามกฎระเบียบ
ถึงแม้ว่าการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายในปัจจุบัน แต่ก็ใช่ว่าจะไปเอาข้อมูลของใครมาก็ได้ เพราะกฎระเบียบเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่ง CDP ก็สามารถดูแลในเรื่องนี้ได้อย่างครบจบ เพราะจะทำการจัดเก็บข้อมูลเฉพาะในส่วนที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายแล้วเท่านั้น ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่แบรนด์และไม่ก่อให้เกิดปัญหาในภายหลัง
5. ส่งเสริมให้เกิด Customer Loyalty
Customer Loyalty ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากต่อธุรกิจ เพราะจะช่วยรักษาลูกค้า ส่งผลดีต่อแบรนด์ได้ในระยะยาว ซึ่งการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าจำเป็นต้องอิงจากฐานข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ความต้องการและมอบสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคนได้ ซึ่งแน่นอนว่า CDP ก็เป็นตัวช่วยสำคัญที่สามารถจัดเก็บรวบรวมรายละเอียดข้อมูลและวิเคราะห์ความสนใจให้ตรงกับลูกค้าแต่ละคนได้เป็นอย่างดี
นอกจากการใช้ Customer Data Platform ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว การทำ Social Listening เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้นักการตลาดสามารถวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายและนำไปสร้างแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพได้ไม่แพ้กัน ที่ Mandala AI มีบริการเครื่องมือ Mandala Analytics โซลูชันในการทำ Social Listening ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ผู้ประกอบการธุรกิจในยุคดิจิทัล สนใจสามารถทดลองใช้ Mandala Analytics ฟรี
ใช้ Mandala AI ตัวช่วยการทำ CRM
ข้อมูลอ้างอิง:
- Customer Data Platform (CDP) คืออะไร ทำไมทุกธุรกิจต้องมี!. สืบค้นเมื่อ 8 ธันวาคม 2566
- CDP คืออะไร ทำไมธุรกิจยุคใหม่ต้องใช้สิ่งนี้เก็บข้อมูลลูกค้า. สืบค้นเมื่อ 8 ธันวาคม 2566
- Customer Data Platform อาวุธลับช่วยให้แบรนด์ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ. สืบค้นเมื่อ 8 ธันวาคม 2566
