เรียกว่านักการตลาดหลาย ๆ คนคุ้นหู คุ้นตากับ กับคำว่า ‘Data Tracking’ มาพอสมควร หากหลายคนยังไม่คุ้นชินกับคำเหล่านี้ วันนี้เราเลยอยากจะชวนมาทำความเข้าใจ และพามาดูความสำคัญของการติดตามและวัดผลข้อมูลว่ามีความสำคัญอย่างไร แล้วทำไมหลาย ๆ ธุรกิจจึงต้องให้ความสำคัญ รวมถึงจะวัดผลและติดตามข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างไรในมุมมองเจ้าของกิจการและนักการตลาด ถ้าพร้อมแล้วก็มาดูไปพร้อม ๆ กันเลย
Data Tracking คือ ?
Data Tracking’ คือ การติดตามข้อมูลต่าง ๆ ที่เราตั้งค่าเอาไว้ เพื่อเอาตัวเลขเหล่านั้นมาวิเคราะห์ ประเมิน แก้ไขและปรับปรุง เพื่อวัดผลกลยุทธ์และวางแผนการตลาดได้ตรงเป้า ตอบวัตถุประสงค์ที่วางไว้นั่นเอง โดยนักการตลาดสามารถหยิบไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะนำไปทำแคมเปญการตลาด ทดสอบพฤติกรรมของลูกค้า หรือเช็กข้อมูลบางอย่างที่ต้องการ
ประโยชน์ของการทำ Data Tracking
Data Tracking ช่วยในการวางแผนการตลาด กำหนดกลุ่มเป้าหมาย วางไอเดียแคมเปญ ไปจนถึงสร้าง ‘Execution Plan’ ทุก Touch Point ย่อมต้องมีตัวเลข และค่าต่าง ๆ กำกับไว้เสมอ เพื่อนำตัวเลขและค่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแคมเปญที่เราวางไว้ ไปวิเคราะห์ ปรับปรุง เปรียบเทียบ คาดการณ์ผลลัพธ์เพื่อทำกำไรหรือหลีกเลี่ยงการขาดทุน ไปจนถึงการกำหนดแผน ‘Risk Management’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับแบรนด์ได้ทันท่วงที
จะเห็นได้ว่าการติดตามค่าต่าง ๆ ได้ ย่อมทำให้เราได้รับรู้ถึงบรรทัดฐานของแผนการตลาดที่คิดไว้ จะดำเนินการหรือตัดสินใจต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ก็ด้วยตัวเลขที่ปรากฏ ไม่ต้องพึ่งพิงอารมณ์และความรู้สึกที่อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอน และวัดผลไม่ได้นั่นเอง
Data Tracking ควรแทร็กอะไรบ้าง ?
เมื่อทำความเข้าใจกับการแท็กกิ้งกันแล้ว ก็มาดูกันว่าประโยชน์และการติดตามข้อมูลต่าง ๆ ในสายการตลาดเค้านิยมแทร็กอะไรกันบ้าง และทำไมจึงต้องแท็กกิ้งดาต้าเหล่านี้ มาดูไปพร้อมกันเลย
Event – นิยมแทร็กสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าเว็บไซต์หรือหน้าโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนของผู้ที่คลิกเข้ามาผ่านลิงก์ อีเมล์หรือเว็บไซต์ หน้าไหนที่คนกำลังเข้าดูอยู่ หรือใครกำลังส่งฟอร์มแบบสอบถาม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เราได้เอาไปปรับปรุง และดูว่าจุดใดต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน นั่นเอง
Browser and Devices – การแท็กกิ้งที่จุดนี้ก็เพื่อนำข้อมูลของผู้ใช้งานผ่านเว็บไซต์หรือเครื่องมือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บแล็ต สมาร์ททีวี เกมคอนโซล ฯลฯ เพื่อนำไปปรับปรุงเนื้อหาให้เข้ากับเครื่องมือที่กลุ่มเป้าหมายใช้ และมอบประสบการณ์ การใช้งานที่ตรงกลุ่มและตอบโจทย์กับผู้ใช้งานมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา UX/UI การคัดสรรเนื้อหาที่เฉพาะเจาะจง เป็นต้น
Contact Information – แน่นอนว่าข้อมูลของผู้ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากเราติดตามข้อมูลของผู้ใช้งานได้มากขึ้น ก็ย่อมวางแผน กำหนดเป้าหมายแคมเปญการตลาดได้ลึกและแม่นยำขึ้น ที่สำคัญข้อมูลเหล่านี้ก็จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากผู้ใช้งานด้วยเช่นกัน
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเบื้องต้นที่นักการตลาดหลาย ๆ คนให้ความสำคัญและนิยมกำหนดค่าการแท็กกิ้ง แต่ก็ยังมีอีกหลายเงื่อนไขและตัวแปรที่นักการตลาดหลาย ๆ คนนำไปแท็กกิ้ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้ข้อมูลและกลยุทธ์ได้มากแค่ไหนนั่นเอง
ทำไมธุรกิจถึงจำเป็นต้องมีการทำ Data Tracking
เชื่อว่าพอหลาย ๆ คนอ่านมาถึงตรงนี้ก็พอจะมีไอเดียและคิดได้ว่า ควรจะเริ่มศึกษาและลองใช้การแท็กกิ้งกับแคมเปญการตลาดกันดูบ้างแล้วไม่มากก็น้อย แต่ก็ยังมีคำตอบบางข้อที่อาจจะตรงใจนักการตลาด เพื่อตอบคำถามได้ว่าทำไมถึงต้องทำการตามติดข้อมูลเอาไปทำการตลาด มาดูไปพร้อมกันเลย
รู้จักลูกค้า – การจะรู้จักลูกค้าได้นั้น ไม่ใช่แค่เพียง ชื่อ เพศ อายุ รายได้ แต่หากทำการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลได้ลึกพอ และแม่นยำพอ เราจะรู้ได้ว่าลูกค้าเรามีพฤติกรรมยังไง ชอบอ่านหนังสืออะไร ชอบเมนูอะไร เป็นติ่งดารานักร้องคนไหน มีสเปคแบบไหน มีนิสัยใจคออย่างไร สิ่งเหล่านี้สามารถนำไปต่อยอดเพื่อไปจัดกลุ่มลูกค้า จัดสเปคตรัมความถี่ ไปจนถึงทำ Persona ได้ตรงใจแบรนด์มากที่สุดนั่นเอง
รู้คีย์เวิร์ด ความต้องการ – ไม่ว่าเทรนด์ไหนกำลังมา ไวรัลไหนกำลังเป็นกระแส หากมีระบบการติดตามแท็กกิ้งที่แม่นยำและเป็นระบบมากพอ การรับมือการตลาดย่อมไม่พลาด แถมยังเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้กับแคมเปญที่วางกลยุทธ์ได้เป็นอย่างดี
รู้ช่องทางการสื่อสาร – แน่นอนว่าหากจำแนกหรือรู้ข้อมูลแพลตฟอร์มของลูกค้าที่เข้าใช้บริการ ก็ย่อมง่ายต่อการนำข้อมูลที่ได้ติดตามไปวิเคราะห์ เพื่อทำการตลาด และสื่อสารไปหาลูกค้าได้ตรงกลุ่ม และตรงใจลูกค้าได้ในที่สุด
วิเคราะห์-ประเมิน-วัดผล – การได้ข้อมูลที่ถูกต้องย่อมนำไปสู่การวิเคราะห์ ประเมินและวัดผลได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางการตลาดได้ในเวลาอันสั้นแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีตามมา ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการตลาดหลายคนฝันหา ซึ่งการแท็กกิ้งที่ดีจะรองรับความต้องการเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน
เพิ่มโอกาสปิดการขาย – การขายได้เป็นสิ่งสำคัญกัยนักการตลาดทุกคนอยู่แล้ว ยิ่งการที่รู้ข้อมูลแล้วนำไปสู่การเพิ่มโอกาสด้านการขาย ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะข้อมูลที่แทร็กเอาไว้สามารถนำไปพลิกแพลง ไปวางแผน เพิ่มโอกาสการขายได้มากขึ้นนั่นเอง
ขั้นตอนการติดตามข้อมูลเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด
หากต้องการปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยข้อมูลที่แท็กกิ้ง ก็สามารถเริ่มทำง่าย ๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน โดยเริ่มต้นที่ วาง Data Tracking Plan เพื่อให้ได้แผนการติดตามข้อมูลที่ตอบโจทย์มากที่สุด จำเป็นต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้
- ต้องการแท็กกิ้งข้อมูลอะไร ไม่ว่าจะเป็นลิงก์ รูปภาพ ข้อความ สถานที่ กลุ่มเป้าหมาย อายุ เป็นต้น
- แท็กกิ้งผ่านช่องทางไหนบ้าง หากตอบว่าทุกช่องทาง คงไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เพราะจะทำให้ข้อมูลที่ได้เยอะเกินกว่าแคมเปญต้องการ เพราะฉะนั้นควรจะจำกัดเงื่อนไขและตีกรอบให้แคบลงเพื่อโฟกัสกับข้อมูลที่ได้มา ไม่ว่าจะเป็น ผ่านเว็บไซต์ อีเมล์ หรือหน้าเพจโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
- ทำไมต้องแท็กกิ้งข้อมูลนั้น เพื่อให้กำหนดเป้าหมายและวางกระบวนการเพื่อเก็บข้อมูลที่จะไปตามโจทย์ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
เมื่อตอบคำถามและวางแผนการแท็กกิ้งเรียบร้อยแล้ว กระบวนการที่สำคัญและจำเป็นต้องมีคือการวิเคราะห์รายละเอียด วิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มาเพื่อตอบโจทย์แคมเปญให้ดีที่สุด ซึ่งมีกระบวนการดังนี้
- ตั้งจุดประสงค์ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ว่าต้องการข้อมูลเหล่านี้ไปทำอะไร มีเป้าหมายอะไร ก็เพื่อระบุข้อมูลที่ได้มาว่าตอบโจทย์แล้วหรือยัง หากยังจำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มไปได้อีกนั่นเอง
- ระบุการกระทำได้ การมีแผนแท็กกิ้งที่ดีจำเป็นต้องระบุได้ว่าจะให้ความสำคัญกับการกระทำใดของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการคลิก การชมวีดีโอ หรือดาวน์โหลด การแท็กกิ้งที่ดีก็สามารถตอบได้ว่าผู้ใช้งานเหล่านั้นมีการคลิก ยอดวิว หรือดาวน์โหลดเท่าไหร่ หากสมมุติว่าตัวเลขการคลิกน้อย ก็อาจจะเป็นเพราะผู้ใช้งานไม่สนใจ ก็อาจจะปรับคอนเทนต์หรือปรับกลุ่มเป้าหมายในโฆษณาเพื่อเพิ่มยอดคลิกได้ เป็นต้น
ตั้งค่าโมเดลการแท็กกิ้ง ตรวจสอบและเลือกโมเดลที่จะแท็กข้อมูลให้ตอบโจทย์การใช้งานให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน หรือการแสดงผลลัพธ์ที่ตรงกับแผนการตลาดได้มากแค่ไหน เพื่อแสดงข้อมูลและค่าที่สามารถนำไปใช้ต่อได้หรือไปวิเคราะห์ให้ได้มากที่สุดด้วย
ธุรกิจของคุณได้มีการทำ Data Tracking หรือยัง
เรียกว่าตัวเลขเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตลาดออนไลน์มากที่สุด เพราะจำเป็นต้องนำข้อมูลที่มากมายมหาศาลในโลกออนไลน์เปลี่ยนมาตัวเลขและวัดผลให้ตอบโจทย์กับแผนการตลาดที่ตั้งเป้าไว้ หากแท็กข้อมูลผิดไปสักค่านึง การตัดสินใจ การวิเคราะห์ หรือประเมินแผนการตลาดอาจจะผิดเพี้ยน ไม่แสดงข้อมูลที่แท้จริงออกมา ส่งผลไปถึงผลกำไรที่ควรจะได้ หรือการขาดทุนที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับธุรกิจได้เลย
เชื่อได้ว่าหากนักการตลาดอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ ก็คงได้เห็นความสำคัญของระบบแท็กกิ้งที่ส่งผลต่อการทำการตลาดบนโลกออนไลน์ไม่มากก็น้อยแล้วหละเนอะ