ในฐานะนักโฆษณาดิจิทัล หนึ่งสิ่งที่ต้องควบคุมให้ดีนั่นคือ “งบประมาณในการทำแคมเปญออนไลน์” เพราะนี่คือปัจจัยที่จะช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Bidding Strategy หรือการตั้งค่าแคมเปญเพื่อควบคุมงบประมาณ ก็ดูเหมือนจะเป็นอีกแนวทางที่มาแรง พร้อมช่วยสร้างผลลัพธ์การทำโฆษณาให้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ โดยไม่ทำให้เกิดการบานปลาย
อย่างไรก็ตาม การจะใช้กลยุทธ์ Bidding Strategy ก็ไม่ได้เป็นเรื่องง่าย หากไม่ศึกษาให้ดีเสียก่อน และในบทความนี้เราจะพาไปศึกษากับความรู้เบื้องต้นที่ใช้ได้จริง พร้อมตอบชัด ๆ ว่า Bidding Strategy คืออะไร มีรูปแบบไหนบ้าง เพื่อให้คุณนำไปปรับใช้กับแคมเปญโฆษณาได้อย่างเหมาะสม
เข้าใจ Bidding Strategy กลยุทธ์นี้คืออะไร?
Bidding Strategy คือกลยุทธ์ที่นำมาใช้ในการเสนอราคาทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นทาง Google ก็ดี หรือแม้กระทั่งการทำโฆษณาบนโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยหลักการสำคัญของกลยุทธ์ดังกล่าว จะเป็นการมุ่งเน้นไปที่การกำหนดงบประมาณโฆษณาให้คุ้มค่า ภายใต้ความคาดหวังในผลลัพธ์ที่ต้องตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ของแคมเปญ และสามารถวัดประสิทธิภาพได้สูงที่สุด
รู้จักประเภทของ Bidding Strategy ก่อนเริ่มยิงแอด
แน่นอนว่ากลยุทธ์การ Bid ราคาต้นทุนโฆษณาก็ย่อมต้องมีอยู่หลากหลายวิธี แต่ถ้าจะให้แบ่งเป็นประเภทย่อย ๆ ตามที่รู้จักกันโดยทั่วไป และยังไม่เจาะจงลงเฉพาะกลยุทธ์ที่แพลตฟอร์มอย่าง Facebook นำเสนอมาให้เลือกใช้ สิ่งแรกที่นักการตลาดมือใหม่ควรเรียนรู้ คือ “ประเภทของการ Bidding Strategy” ซึ่งแบ่งแยกตามกลไกการตั้งค่า โดยจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 2 ประเภท ได้แก่
- การเสนอราคาด้วยตัวเอง (Manual Bidding) : เป็นกลไกการเสนอราคาต้นทุนด้วยตัวเอง โดยอาศัยการกำหนดค่าตามข้อมูลที่มีการวิเคราะห์จากราคาค่าเฉลี่ยแคมเปญที่ผ่านมา หรืออ้างอิงจากราคาที่อยู่ในงบประมาณที่รับไหว เหมาะสำหรับคนที่เข้าใจสถานการณ์ของแคมเปญตัวเอง ทำให้คุณสามารถจัดสรรงบโฆษณาได้อย่างมั่นใจ
- การเสนอราคาแบบอัตโนมัติ (Automated Bidding) : เป็นกลไกการเสนอราคาต้นทุนผ่าน Learning Machine หรือ AI ของแพลตฟอร์มนั้น ๆ ซึ่งจะเป็นการเสนอราคาแบบอัตโนมัติ โดยให้ AI เป็นผู้วิเคราะห์ ดูแล และจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการตามความเหมาะสม
ประเภทของ Bidding Strategy บน Facebook
หลักการทำ Bidding Strategy บนแพลตฟอร์ม Facebook นั้น ทั้งสะดวกสบายและเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะทางผู้ให้บริการนำเสนอตัวเลือกกลยุทธ์ที่พร้อมจะตอบสนองได้อย่างหลากหลาย มาให้คุณเลือกใช้ตามความเหมาะสม โดยอยู่บนพื้นฐานการตัดสินใจที่มีวัตถุประสงค์ของแคมเปญเป็นตัวกำหนด เพื่อให้คุณเลือกได้อย่างยืดหยุ่นว่าต้องการจะแสดงโฆษณาดังกล่าวต่อใคร และเสนอราคาเท่าไหร่ในการแสดงโฆษณาแต่ละครั้ง
ซึ่งประเภทของการทำ Bidding Strategy ใน Facebook มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 รูปแบบ โดยจะมีความแตกต่างทางด้านการควบคุมงบประมาณ การเข้าถึง และการวัดผลที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
Lowest Cost
เป็นการปรับต้นทุนในการแสดงโฆษณาไปยังกลุ่มหมายโดยใช้ AI ของ Facebook เป็นผู้ดูแลและวิเคราะห์การวางแผนต้นทุน ทำให้วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับมือใหม่ ไม่มีประสบการณ์ยิงแอด เพราะไม่ต้องวางแผนเอง แถมยังสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปคำนวณค่าเฉลี่ยและค่า Cost Per Result เพื่อใช้เป็นเกณฑ์การ Bid ในอนาคตได้อีกด้วย
Cost Cap
กลยุทธ์การกำหนดต้นทุนที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการควบคุมงบประมาณในการโฆษณา โดยสามารถกำหนดค่าเฉลี่ย Cost Per Result ได้เอง ซึ่งทาง Facebook ก็จะทำการแสดงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยจะใช้ต้นทุนราคา Cost Per Result ที่ใกล้เคียงกับราคาที่ตั้งค่าเอาไว้นั่นเอง
Bid Cap
กลยุทธ์นี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมราคาเสนอสำหรับการแสดงโฆษณาแต่ละครั้งได้ตามความต้องการ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของแคมเปญที่สูงและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งกรณีนี้จะเหมาะสำหรับนักการตลาดที่เจนสนาม รู้ราคาค่าเฉลี่ยของ Cost Per Result เป็นอย่างดี เพื่อวางแผนเสนอราคาที่สูงกว่า เพิ่มโอกาส Bid ชนะคู่แข่งทางการตลาดทั้งหลักและรอง เพื่อแย่งชิงพื้นที่การแสดงโฆษณาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง และมีประสิทธิภาพสูงสุด
Target Cost
สำหรับ Bidding Strategy อย่าง Target Cost คือกลยุทธ์ที่จะมาช่วยควบคุมต้นทุนโฆษณา ซึ่งมองผิวเผินอาจจะไม่ได้ต่างจากกลยุทธ์ Cost Cap มากนัก แต่จุดเด่นของวิธีนี้ก็คือ “การกำหนดเป้าหมายตาม Conversion” เช่น ต้องการตั้งเป้าหมาย Conversion เป็นยอดซื้อ (Purchase) ก็ให้กำหนดกับทาง Facebook ไปเลยว่าต้องการหาผลลัพธ์กลุ่มเป้าหมายที่มียอดซื้อขาย โดยให้ราคาต้นทุนอยู่ที่ 200 บาท ซึ่งการทำแบบนี้ก็จะช่วยให้คุณสามารถใช้ต้นทุนได้อย่างคุ้มค่า และหาผลลัพธ์กลุ่มเป้าหมายในการแสดงโฆษณาได้อย่างเที่ยงตรงมากกว่า Cost Cap นั่นเอง
ข้อดีของ Bidding Strategy
- ช่วยให้โฆษณาปรากฏต่อกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญ: เพิ่มประสิทธิภาพการยิงแอด Facebook พร้อมช่วยผลักดันการแสดงโฆษณาของคุณให้มีประสิทธิภาพ นำเสนอไปยังผู้ที่มีแนวโน้มจะสนใจสินค้าหรือบริการได้อย่างตรงจุด
- ช่วยให้โฆษณาเข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น: เพิ่มเปอร์เซ็นต์การเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการแสดงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายที่กว้างมากขึ้นจากการกำหนด Bidding Strategy ที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสการมองเห็นโฆษณาได้จากผู้ชมที่หลากหลาย ทั้งกลุ่มเป้าหมายหลักและรอง
- วัดประสิทธิภาพแคมเปญได้อย่างแม่นยำ: Facebook จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างชัดเจน โดยข้อมูลในส่วนนี้จะช่วยให้คุณสามารถนำไปใช้วางแผนและวิเคราะห์การยิงโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บางครั้งการควบคุมงบประมาณด้วยกลยุทธ์ Bidding Strategy อย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายทางการตลาดได้ ลองมาเพิ่มประสิทธิภาพการยิงแอด Facebook ที่เหนือกว่าด้วย Mandala Analytics จาก Mandala AI เครื่องมืออัจฉริยะที่จะช่วยรวบรวม Insight ให้คุณรู้จักกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ทดลองใช้ฟรีได้แล้ววันนี้ ปรึกษาเราได้เลยที่
https://www.mandalasystem.com/contact_us
ข้อมูลอ้างอิง
- Manual Bidding vs. Automated Bidding: Essential Knowledge. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567
- Bid Strategy คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อการทำโฆษณาใน Facebook. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567