Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

สรุปทุกแนวทางการแก้ปัญหาค่าแอด Facebook, IG แพงด้วยตัวเอง

สรุปทุกแนวทางการแก้ปัญหาค่าแอด Facebook, IG แพงด้วยตัวเอง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ IG คือกลยุทธ์การตลาดที่ผู้ประกอบการร้อยทั้งร้อยต่างเลือกใช้ เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งยังช่วยให้นักการตลาดสามารถกำหนดให้โฆษณาไปปรากฏบนฟีดของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด แต่ปัญหาที่ผู้ประกอบการหลายคนกำลังเผชิญคือ ค่าแอดแพงจนทำให้ต้นทุนการขายแพงตามไปด้วย 

หากใครที่กำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ อย่าเพิ่งท้อหรือหมดกำลังใจไป เพราะในบทความนี้มีวิธีการแก้แอดแพงแบบง่าย ๆ เพียงแค่เข้าใจหลักการเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยเฉพาะการรู้ข้อมูล Insight จากโลกออนไลน์ ที่ทำให้สามารถเข้าใจกลุ่มเป้าหมายตัวจริง

ข้อมูล Insight จากกลุ่มเป้าหมายคือข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถออกแบบกลยุทธ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาแอดแพงจากการวางกลยุทธ์ที่ผิดพลาดได้อย่างตรงจุด หากใครกำลังมองหาเครื่องมือรวบรวมความคิดเห็นของผู้คนบนโซเชียลมีเดีย เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาประยุกต์ในการยิงโฆษณาอยู่ ขอแนะนำ Mandala Analytics เครื่องมือด้านการตลาดสุดล้ำจาก Mandala AI ที่จะรวบรวมทุกข้อมูล Insight มาให้นักการตลาดได้ทราบ สามารถทดลองใช้บริการได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย

ทันทุกเทรนด์บน IG ใช้ Mandala AI

1. เจาะกลุ่มเป้าหมายตัวจริง

ในกรณีที่เจอกับปัญหาค่าแอดแพง ขั้นตอนแรกให้ผู้ประกอบการย้อนกลับมาทบทวนอีกครั้งว่าเราได้กำหนดให้ใครเป็นกลุ่มเป้าหมาย และคนกลุ่มดังกล่าวใช่เป้าหมายของเราจริง ๆ หรือไม่

รายละเอียดส่วนนี้สามารถสังเกตได้ง่าย ๆ จากยอดการมีส่วนร่วม อย่างยอดการกดไลก์, กดแชร์ และคอมเมนต์ ไปจนถึงยอดขายที่เกิดจากการโฆษณา ถ้ายอดทั้งหมดมีน้อย อาจจะต้องวิเคราะห์กันใหม่อีกครั้งว่ากลุ่มเป้าหมายที่จ่ายเงินซื้อสินค้าของแบรนด์เป็นใครกัน

ตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการทำธุรกิจขายเสื้อผ้าวินเทจ บางคนอาจจะเจาะไปที่กลุ่มผู้ใหญ่ แต่ที่จริงแล้วมีกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจและซื้อเสื้อผ้าวินเทจมากกว่า หรือกิจกรรมสำหรับเด็ก กลุ่มที่จ่ายเงินซื้อคือผู้ปกครอง ไม่ใช่กลุ่มเด็ก

2. ลองใช้ A/B Testing

กลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม อาจถูกใจสื่อ และถูกกระตุ้นให้ซื้อต่างกันออกไป ลองใช้ A/B Testing หรือการทดสอบประสบการณ์ผู้ใช้งานด้วยการสร้างแบนเนอร์โฆษณาสองแบบขึ้นมาแล้วสุ่มให้โฆษณาทั้งสองแบบไปปรากฏบนหน้าฟีดของกลุ่มเป้าหมายที่มีแบบแผนการใช้งานอินเทอร์เน็ตใกล้เคียงกัน เพื่อทดสอบว่าระหว่างแบนเนอร์ทั้ง 2 แบบนั้น กลุ่มเป้าหมายของเราจะยินดีจ่ายด้วยสื่อแบบไหนมากกว่ากัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และแก้ปัญหาค่าแอดแพงจากการออกแบบโฆษณาที่ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า

3. อย่าลืมทำ Retargeting เพื่อหาลูกค้าใหม่ ๆ

การทำ Retargeting หรือการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้าเว็บไซต์ เคยกด Like กด Share หรือเคยคลิกดูรายละเอียดสินค้าผ่านแบนเนอร์อีกครั้ง ในรูปแบบของโฆษณาที่จะปรากฏตามเว็บไซต์หรือตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่กลุ่มเป้าหมายเข้าไปใช้งาน 

การเห็นโฆษณาของเราซ้ำ ๆ มีส่วนช่วยให้กลุ่มเป้าหมายจดจำแบรนด์ และกระตุ้นให้เกิดความสนใจจนนำไปสู่การสร้าง Conversion ได้ในท้ายที่สุด

เนื่องจากการเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถออกแบบโฆษณาได้อย่างตรงใจจนนำไปสู่การปิดยอดขายได้อย่างตรงจุด ดังนั้นการมีเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงข้อมูล Insight ของกลุ่มเป้าหมาย ผ่านเครื่องมือรวบรวมความคิดเห็นอย่าง Mandala Analytics จาก Mandal AI จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ในการวางกลยุทธ์ให้ถูกต้องบนโลกที่มีการแข่งขันสูง ทดลองใช้บริการฟรี หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ของเราเลย

ทันทุกเทรนด์บน IG ใช้ Mandala AI

4. อย่าใช้ Ads เดิมนานเกินไป

เวลาที่กลุ่มเป้าหมายเห็นโฆษณาในรูปแบบเดิม ๆ บ่อย ๆ แทนที่จะเกิดความสนใจ กลุ่มเป้าหมายก็อาจจะรู้สึกเบื่อได้ 

ผู้ประกอบการจึงควรเลี่ยงการใช้ Ads ตัวเดิมนานเกินไป เพราะทำให้กลุ่มเป้าหมายหมดความตื่นเต้นในตัวสินค้าและการบริการ แถมดีไม่ดียังทำให้ค่าแอดแพง เพราะ Conversion Rate จากโฆษณามีน้อย ดังนั้นเราควรรีเฟรชตัวโฆษณาเป็นระยะ เพื่อดึงดูดและกระตุ้นความสนใจจากกลุ่มลูกค้าอยู่เสมอ

5. ติด Facebook Pixel บนเว็บไซต์

เป็นการ Retargeting รูปแบบหนึ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องใส่โค้ดลงไปบนเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อเก็บพฤติกรรมการใช้งานของคนที่เข้ามายังเว็บไซต์ ซึ่งระบบจะแสดงผลให้ผู้ประกอบการทราบผ่าน Facebook โดยประโยชน์ของ Facebook Pixel ได้แก่ การติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค หรือคนที่สนใจสินค้าของแบรนด์ เพื่อให้เราออกแบบโฆษณาที่ตรงกับความต้องการได้อย่างแม่นยำ และแก้ปัญหาแอดแพงจากโฆษณาที่ไม่ตอบโจทย์ได้

6. ประเมินผลการโฆษณาเป็นระยะ

เนื่องจากการประเมินผลช่วยให้เรารู้ว่า Ads ตัวไหนทำงานได้ดี และผลลัพธ์ของ Ads ตัวไหนไม่เป็นไปตามต้องการ ดังนั้นเราจึงไม่ควรปล่อยให้ Ads รันไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีการติดตามผล หรือ Optimized เลย เพราะอาจจะทำให้ปล่อยเงินไหลไปจนค่าแอดแพงโดยไม่รู้ตัว โดยตัวอย่างของการประเมินผล เช่น การวัด Reach, Impression, Link Clicks และ Cost Per Conversion 

7. อย่ายิง Ads แค่แพลตฟอร์มเดียว

ลองหาแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ในการลงโฆษณาบ้าง เพราะต่างแพลตฟอร์มก็ต่างกลุ่มเป้าหมาย บางทีเราอาจจะยิง Ads ผิดแพลตฟอร์มจนทำให้ค่าแอดแพงโดยไม่จำเป็นอยู่ก็ได้

อยากยิงแอดไอจีและยิงแอด Facebookให้ตรงเป้าและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ต้องรู้ Insight จากโซเชียลมีเดียแบบเจาะลึก เพื่อให้สามารถปรับแต่งการยิงโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลกำไรเพิ่มมากขึ้น ลองใช้ Mandala Analytics เครื่องมือจาก Mandala AI ที่บอกข้อมูลเชิงลึกให้สามารถทำการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทดลองใช้บริการฟรี หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ของเราเลย

ทันทุกเทรนด์บน IG ใช้ Mandala AI

ข้อมูลอ้างอิง:

  1. 9 Ways to Lower Your Facebook Ad Costs. สืบค้นวันที่ 18 มิถุนายน 2567
  2. 7 Simple Ways to Lower Your Facebook Cost Per Click. สืบค้นวันที่ 18 มิถุนายน 2567
  3. 6 เทคนิค พิชิตค่าโฆษณาแพง เอาไปใช้ Optimize แอดให้ต้นทุนถูก. สืบค้นวันที่ 18 มิถุนายน 2567
  4. วิธีแก้ปัญหาค่าโฆษณา Facebook แพงขึ้น (จนไม่คุ้มที่จะขาย). สืบค้นวันที่ 18 มิถุนายน 2567
Blog Conversion Banner
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.