Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

12 เครื่องมือ CRM Tools ระดับโลก สำหรับธุรกิจเล็ก และ ขนาดใหญ่

12 เครื่องมือ CRM Tools ระดับโลก สำหรับธุรกิจเล็ก และ ขนาดใหญ่

หนึ่งในกลยุทธ์ทำการตลาดที่นักการตลาดหลายคนเลือกใช้คือการหยิบระบบ CRM มาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลลูกค้า สร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ เพื่อสร้างความพึงพอใจในการใช้สินค้าหรือบริการจากแบรนด์นั้น ๆ ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ก็เริ่มนำเครื่องมือเหล่านี้มาใช้กันอย่างแพร่หลายกลายเป็นเทรนด์ในช่วง 2-3 ปีหลังได้เลย 

แน่นอนว่าบนโลกเทคโนโลยีสมัยนี้การใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้าย่อมเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งเพราะไม่ว่าแบรนด์ไหนก็เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ๆ เพียงสไลด์เปิดหน้าจอเท่านั้น วันนี้เรารวมลิสต์เครื่องมือ CRM มาให้เหล่ามาร์เกตเตอร์ได้เลือกใช้งาน มาดูไปพร้อมกันเลย

CRM Tools คืออะไร

ระบบ CRM ที่นักการตลาดหลาย ๆ คนรู้กันอยู่แล้วคือ เป็นระบบบริหาร จัดการการมีส่วนร่วมระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ ทั้งระบบจัดเก็บข้อมูลสมาชิก ประวัติใช้บริการ-สั่งซื้อสินค้า ไปจนถึงระบบสะสมคะแนน ข้อมูลข่าวสาร และข้อเสนอพิเศษเฉพาะสมาชิก ซึ่งเครื่องมีนี้เป็นประโยชน์ต่อแบรนด์และลูกค้า ฝั่งแบรนด์ก็ได้ดูแลลูกค้าให้ได้มากที่สุด ฝั่งลูกค้าก็ได้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่แบรนด์มอบให้

แน่นอนว่าหากทั้งสองฝั่งได้ผลประโยชน์ก็สร้างความพึงพอใจและกลายมาเป็นแฟนคลับของแบรนด์นั้น ๆ ทางฝั่งแบรนด์ก็ได้ลูกค้าที่เป็นแฟนคลับ ที่ไม่ใช่แค่ช่วยกระจายข่าวสารข้อมูลอย่างเดียว แต่ยังบอกต่อแก้ประเด็นดราม่า หรือช่วยสนับสนุนผลักดันชื่อเสียงของแบรนด์ได้อีกด้วย

หากแบรนด์สามารถบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างดีย่อมสร้างผลลัพธ์ในเชิงบวกให้กับธุรกิจได้ดีขึ้น แบรนด์จะมีการถูกพูดถึงในวงกว้าง กระจายไปตามกลุ่มเป้าหมายซึมไปสู่กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ที่จะช่วยสร้างกระแสให้กับแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย


หากใครกำลังหันมาทำ CRM Marketing แล้ว เชื่อว่าลิสต์เครื่องมือที่สำคัญและน่าสนใจในการพัฒนาระบบนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรจะเลือกหนึ่งในลิสต์นี้ เป็นเครื่องมือนำไปปรับใช้กับแบรนด์ในอนาคต ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

mandala banner

12 List CRM Tools ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก

1. HubSpot

hubspot
Source: Hubspot

HubSpot เป็นเครื่องมือบริหารความสัมพันธ์ของลูกค้าที่หลาย ๆ คนนิยมใช้ เพราะเป็นการรวมข้อมูลของลูกค้า รวบรวมและแสดงผลในหน้าเดียว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปหาหลาย ๆ ชั้น แต่แสดงผลให้ดูได้ทันที

เหมาะสำหรับใคร

เรียกได้ว่าเหมาะกับบริษัทตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ที่ต้องการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วยเครื่องมือที่ใช้งานง่าย และยังมีเครื่องมือให้เลือกใช้หลากหลายตามความต้องการ

Price

สำหรับแพ็เกจราคาของเครื่องมือนี้มี 4 แพ็กเกจ

hubspot price
  • Service Hub Free | 0.00$ | – ฟรีแพ็กเกจที่ให้ทดลองใช้เครื่องมือบางอย่าง เพื่อให้มือใหม่เข้าใจวิธีการทำ CRM แบบง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน
  • Service Hub Starter | 50.00$ 2 Seats/Month | – เป็นแพ็กเกจที่เชื่อมต่อข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้งาน พร้อมกับมีเครื่องมือที่ใช้งานได้ลึกและครอบคลุมกว่าเดิม
  • Service Hub Professional | 1,781$ 5 Seats/Month | – เหมาะกับการทำงานที่ต้องการบริการลูกค้าเป็นทีมใหญ่ ช่วยเชื่อมต่อและบริการลูกค้าให้เหนือกว่าความคาดหวังพร้อมกับเครื่องมือที่มีให้เลือกใช้ครบถ้วน
  • Service Hub Enterprise | 5,000.00$ 10 Seats/Month | – สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าครอบคลุม และต้องการเครื่องมือการใช้งานที่ครบครัน พร้อมกับฟีเจอร์ที่พร้อมใช้งานได้ครบ

ประเภทของเครื่องมือ CRM

  • เป็นการทำงานผ่านระบบ Cloud, SaaS, Web-based รวมถึง Mobile: Android, iPhone. iPad พร้อมกับซัพพอร์ตการใช้งาน Email/Help Desk, Phone Support, Knowledge Base, Chat, 24/7 (Live rep) และ FAQs/Forum

Feature หลักที่น่าสนใจ

ความน่าสนใจคือการที่มีเครื่องมือให้เลือกเชื่อมต่อและใช้งานได้จริงและครบลูป เป็นตัวเลือกให้กับนักการตลาดที่ชอบการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าให้พีงพอใจมากที่สุด มีฟีเจอร์ที่เห็นทุกการพูดคุยระหว่างคนในทีมกับลูกค้าทั้งหมด อีกทั้งระบบการจัดการอัตโนมัติ การจัดลำดับงานก็น่าสนใจทำให้บริหารลูกค้าได้ตรงความต้องการมากที่สุด

ภาษาที่ซัพพอร์ต

เนื่องจากเป็นซอฟต์แวร์ที่เชื่อมต่อการทำงานได้หลากหลาย ภาษาที่รองรับก็ครบความต้องการที่ระบบสามารถเชื่อมต่อได้และใช้งานอย่างครอบคลุม

ข้อดี

  • มีการใช้งานที่ง่ายต่อพนักงานทุกระดับ ฟังก์ชันต่าง ๆ เหมาะสมกับราคา
  • สามารถมองเห็นการพูดคุยกับลูกค้าทุกช่องทาง
  • ฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ รองรับแผนหรือการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้จริง

ข้อเสีย

  • เครื่องมือหรือฟีเจอร์เพิ่มเติมมีราคาค่อนข้างแพงไม่มีตัวเลือกสำหรับผู้ใช้งานคนเดียวเพราะการที่ตัวฟีเจอร์พัฒนาเหมาะกับการใช้งานในองค์กรมากกว่า
  • แผนการทำงานที่วางไว้อาจจะซับซ้อนเมื่อต้องการใช้งานในบางครั้ง
  • การแสดงผล UTM ออกจากหน้าเพจวิวทำให้การใช้งานยากขึ้น

2. Salesforce CRM

saleforce
source: saleforce

เป็นซอฟต์แวร์ที่ให้บริการผ่านระบบ Cloud มีระบบ CRM ที่หลากหลายอีกเช่นกันที่ช่วยบริหารความสัมพันธ์และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า โดยมีฟีเจอร์ที่รองรับการใช้งานครบครันหรือเรียกว่า Customer 360 ช่วยให้สมาชิกในทีมทุกคนสามารถคาดการณ์ ดูข้อมูลเชิงลึก ระหว่างลูกค้าและความต้องการของตัวลูกค้าเอง

เหมาะสำหรับใคร

เหมาะกับองค์กรขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ครบทุกประเภทธุรกิจโดยที่สามารถแชร์สิทธิประโยชน์ของลูกค้าต่าง ๆ แสดงผลบนหน้าเฟรมเวิร์กหลักได้โดยที่ยังคงความเป็นส่วนตัวให้ด้วย

Price

สำหรับแผนราคาของซอฟต์แวร์ตัวนี้ จะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน มีทั้งโฟกัสไปที่บริษัท แผนเหมาะกับงานขาย แผนที่เหมาะกับการตลาด ซึ่งสามารถเพิ่มเข้าไปได้ แต่แผนเริ่มต้นสำหรับธุรกิจจะนั้นแบ่งเป็น 4 แผน ซึ่งแผนแรกสามารถทดลองใช้ได้ 30 วัน

saleforce price
  • Essential | 25$/User/Month | – มีครบครันเพื่อการขายและซัพพอร์ตในตัวเดียว
  • Sale Professional | 75$/User/Month | – จบการขายได้ในแอปฯ เดียว เหมาะกับทุกขนาดทีมที่ต้องใช้งาน
  • Enterprise | 150$/User/Month | – ตอบโจทย์ทุกปัญหาในการบริการลูกค้ากับทุกขนาดของธุรกิจ
  • Unlimited | 300$/Month* up to 10,000 contacts | – เหมาะกับธุรกิจที่มีการใช้เครื่องมือ Marketing Automation กับทุกขนาดของธุรกิจ

ประเภทของเครื่องมือ

ทำงานผ่านระบบ Cloud, SaaS, Web-based รวมถึง Mobile: Android, iPhone. iPad พร้อมกับซัพพอร์ตการใช้งาน Email/Help Desk, Phone Support, Knowledge Base, Chat, 24/7 (Live rep) และ FAQs/Forum เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ CRM อื่น ๆ

Feature หลัก

มีทั้งแดชบอร์ดที่แสดงการทำงาน แสดงผลการเก็บข้อมูลที่ได้มา การนำเข้าและส่งออกข้อมูล การทำรีพอร์ทและวิเคราะห์ รวมถึงการคาดการณ์ข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงยังมีฟีเจอรืปฏิทิน ฟีเจอร์ทำอีเมล์มาร์เก็ตติ้ง แสดงไปป์ไลน์ ฟีเจอร์จัดการงานอีกด้วย

ภาษาที่ซัพพอร์ต

รองรับการใช้งานที่หลากหลายภาษาและครอบคลุมทุกภาษาสากลที่นิยมใช้ รวมไปถึงการเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ต้องการ

ข้อดี

  • สามารถติดตามงานในแผนการทำงานที่วางเอาไว้ได้อย่างดีและง่ายดายเป็นอย่างมาก รวมไปถึงรีพอร์ทที่ได้นับว่าใช้งานได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ
  • สามารถรองรับการทำงานร่วมกันได้หลากหลายโปรแกรม สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ เพื่อตอบสนองต่อการบริการลูกค้าได้ทันที
  • ปริมาณการใช้งานฟีเจอร์ที่ครอบคลุมความต้องการและดูแลลูกค้าได้ครบถ้วนน่าพอใจ
  • แพลตฟอร์มนี้สามารถแก้ปัญหาด้วยการนำโปรแกรมอื่นมาประยุกต์ใช้ร่วมด้วยได้เป็นอย่างดี

ข้อเสีย

  • กระบวนการจ่ายเงินและการเก็บเงินที่ซับซ้อน
  • บางครั้งจะมีความผิดพลาดในการใช้โปรแกรมไม่ว่าจะเป็นอาการค้างหรือใช้เวลาในการประมวลผลนานกว่าที่ควร
  • เป็นโปรแกรมที่รวบรวมข้อมูลและแสดงผลเยอะเกินไป จนจำเป็นต้องเลือกใช้งานเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์

3. Monday.com

Monday.com
source: monday.com

เป็นแพลตฟอร์มเอนกประสงค์ที่ช่วยให้ทีมสามารถวางแผนงานได้อย่างดี งานไหนเสร็จแล้วหรือยังไม่เสร็จ ทำ Workflow และสามารถตั้งค่าให้ทำงานอัตโนมัติได้ง่าย สามารถปรับแต่งการทำงานได้มากอีกด้วย

เหมาะสำหรับใคร

เหมาะกับบริษัทขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่ ที่ตามหาการทำงานที่สามารถผสานได้หลายฟังก์ชัน และหลากหลายบริษัท และสามารถปรับแต่งปริมาณการใช้ให้เหมาะกับโครงการที่วางไว้ได้

Price

Monday.com price

แผนการใช้งานมีทั้งหมด 4 แผนดังนี้ 

  • Basic | 10$/3 Seats/Month | – จัดากรงานได้ง่ายในแพลตฟอร์มเดียว มีเครื่องมือพื้นฐานให้ใช้งานได้ครบ
  • Standard | 14$/3 Seats/Month | – มีเครื่องมือที่ใช้งานได้ครบและยังสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานกับทีมได้อย่างดี
  • Pro | 27$/3 Seats/Month | – สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนได้อย่างดี มีเครื่องมือและพื้นที่การใช้งานที่มากขึ้น และมีเครื่องมือ Automation ให้ใข้งานจุใจ
  • Enterprise | – $ (Contact Us) | – รองรับการใช้งานในระดับองค์กรทุกขนาด มีการใช้งานที่ปลอดภัย และมีฝ่านสนับสนุนการบริการให้กับลูกค้าเป็นส่วนตัว

ประเภทของเครื่องมือ

เป็นเครื่องมือที่รองรับการใช้งานที่ครอบคลุมกว่าเพราะสามารถใช้งานได้ผ่าน Cloud, SaaS, Web-based, Desktop – Mac, Windows, Linux รวมถึง Mobile: Android, iPhone. iPad พร้อมกับซัพพอร์ตการใช้งาน Email/Help Desk, Phone Support, Knowledge Base, Chat, 24/7 (Live rep) และ FAQs/Forum เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ CRM อื่น ๆ

Feature หลัก

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการที่มี UI ใช้งานง่าย มีกระดานแดชบอร์ดที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างดี และเอนกประสงค์ปรับแต่งให้ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างมาก อีกทั้งมีเครื่องมือ Automation ที่น่าสนใจ มีรีพอร์ตที่ดีไซน์ได้ลงตัวเหมาะกับการใช้งานได้

ภาษาที่ซัพพอร์ต

รองรับภาษาทางการที่นิยมใช้ทั่วไปแน่นอนว่ายังไม่ซัพพอร์ตภาษาไทย

ข้อดี

  • มี UI ที่น่าใช้งาน การบริการและสนับสนุนอยู่ในขั้นที่ดี
  • มีฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย ยืดหยุ่น และบริการการใช้งานที่ดี
  • จัดเรียง จัดการงานได้ง่าย สามารถติดตามงานได้สะดวกกับทุกโปรเจค
  • ปรับแต่งเครื่องมือและวิธีใช้ได้ครอบคลุม ครบถ้วน

ข้อเสีย

  • ในบางงานการการติดตามงานที่เกี่ยวโยงกันมีความสับสนบ้าง
  • ตัวชี้วัดบางอย่างหายไปจากรีพอร์ตและรีพอร์ตมีความปรับแต่งยากกว่า
  • บางฟีเจอร์สามารถใช้ได้ฟรี แต่บางฟีเจอร์ก็จำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่ม
  • ฟีเจอร์ Text areas อาจเป็นรูปแบบที่จำกัดเอาไว้

4. Freshsales

Freshsales
source: Freshsales

เป็นเครื่องมือ Sale Automation ที่เน้นไปที่ความต้องการของลูกค้า มีกระบวนการขายที่ใช้งานง่าย มีการแนะนำข้อมูลของลูกค้าด้วยระบบ AI และดูแลความสัมพันธ์ของลูกค้าได้อย่างดี ไม่ว่าจะใช้ข้อมูลอีเมล์ โทรศัพท์ ช่องแชท เป็นต้น สามารถเพิ่มพลังในการขายได้ด้วยกระบวนการอัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพการขายได้อย่างเหมาะสม

เหมาะสำหรับใคร

เหมาะกับผู้ที่ต้องการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมที่หลากหลาย เพียงแค่ใช้โปรแกรมนี้อันเดียวเรียกว่าครบ

Price

แผนการใช้งานมีทั้งหมด 4 แผนดังนี้

Freshsales price
  • Free | 0$/Month | – มีให้ทดลองใช้ครบตามต้องการที่สามารถปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านโทรศัพท์ SMS หรืออีเมล์ได้
  • Growth | 15$/Month | – เพิ่มการใช้งานอย่างระบบ Automation เข้าไปเพื่อเพิ่มการเติบโตให้กับธุรกิจ ลดงานที่ทำซ้ำ ๆ หรืองานจำนวนมากให้กับทีมได้ดี
  • Pro | 39$/Month | – จัดการงานได้หลากหลายมากขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายและช่วยทีมขายได้มากขึ้น
  • Enterprise | 69$/Month | – รองรับการใช้งานในระดับองค์กรมากขึ้น ปรับแต่งการใช้งานได้หลากหลายและตอบโจทย์การใช้งานได้ยืดหยุ่น

ประเภทของเครื่องมือ

เป็นเครื่องมือที่รองรับการใช้งานที่ครอบคลุมกว่าเพราะสามารถใช้งานได้ผ่าน Cloud, SaaS, Web-based, Desktop – Mac, Windows รวมถึง Mobile: Android, iPhone. iPad พร้อมกับซัพพอร์ตการใช้งาน Email/Help Desk, Phone Support, Knowledge Base, Chat, 24/7 (Live rep) และ FAQs/Forum เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ CRM อื่น ๆ

Feature หลัก

ฟีเจอร์ที่ใช้งานหลักและน่าสนใจคือ การปรับแต่งโมดูลการใช้งานได้ซับซ้อนและหลากหลาย สามารถตรวจสอบบันทึกใช้งานได้ มีระบบ AI ในการคาดการณ์ข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ ได้ และยังรวบรวมแชท อีเมล์ เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ที่เดียว

ภาษาที่ซัพพอร์ต

รองรับภาษาสากลที่นิยมใช้งานทั่วไป แต่ยังไม่รองรับภาษาไทย

ข้อดี

  •  สามารถใช้งานได้อย่างยิดหยุ่น
  • มีโปรแกรมซัพพอร์ตที่ดี และมีหน้าต่างการใช้งานที่ง่ายมาก
  • มีทีมบริการคอยดูแลและซัพพอร์ตการใช้งานที่ครบ

ข้อเสีย

  • การจ่ายเงินที่เป็นอัตโนมัติ
  • มีการแนะนำการใช้งานที่ยาวนาน
  • ไม่ได้มีการรวมโซเชียลเน็ตเวิร์คเข้าไปใช้งาน

5. Zoho CRM

Zoho CRM
Source: Zoho

ซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ทีมงานฝ่ายขายที่ต้องติดต่อกับลูกค้าโดยตรงสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าทุกขั้นตอน พร้อมระบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสามารถวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าได้รอบด้าน มีระบบโซลูชันมากมายที่พร้อมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

เหมาะสำหรับใคร

เหมาะกับลูกค้าทั้งองค์กรเล็กไปถึงขนาดใหญ่ ที่ต้องการสร้างการใช้งานในแบบเฉพาะของแบรนด์นั้น ๆ และต้องการระบบการขายที่ชาญฉลาด อีกทั้งยังต้องการสื่อสารกับลูกค้าแบบ Omni Channel

Price

แผนการใช้งานมีทั้งหมด 4 แผนดังนี้

Zoho CRM price
  • Standard | 14$/User/Month | – สามารถใช้เครื่องมือพื้นฐานที่สำคัญได้ สามารถใช้อีเมล์กลุ่มได้ จัดลำดับความสำคัญกับผู้ที่จะมีโอกาสมาเป็นลูกค้าด้วยระบบให้คะแนน มีแดชบอร์ดที่กำหนดได้เอง เป็นต้น
  • Professional | 23$/User/Month | – รับการแจ้งเตือนข้อมูลการขายแบบเรียลไทม์ มีระบบรับรองคุณภาพของข้อมูลที่จะมาเป็นลูกค้า สามารถจัดการสินค้าคงคลังได้
  • Enterprise | 40$/User/Month | – มีระบบ Zia Ai เพิ่มเข้ามา มีแบ่งพอร์ทของลูกค้าหลากหลายแบบ สามารถปรับแต่งและตั้งค่าตามการใช้งานได้
  • Ultimate | 52$/User/Month | – เพิ่มซอฟต์แวร์ Bi และ Zoho Analytic ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม เพิ่มขีดจำกัดที่ใช้งานซอฟต์แวร์ให้สูงขึ้น

ประเภทของเครื่องมือ

เป็นเครื่องมือที่ทำงานผ่านระบบ Cloud, SaaS, Web-based, รวมถึง Mobile: Android, iPhone. iPad พร้อมกับซัพพอร์ตการใช้งาน Email/Help Desk, Phone Support, Knowledge Base, Chat, 24/7 (Live rep) และ FAQs/Forum มีระบบบริการลูกค้า เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ CRM อื่น ๆ 

Feature หลัก

โดยทั่วไปมีฟีเจอร์สำคัญ ๆ สำหรับเครื่องมือ CRM อย่างครบถ้วน ทั้งการจัดการงาน หน้าแดชบอร์ด การเก็บข้อมูล ที่น่าสนใจคือ การสร้างโซลูชันที่ผสานการทำงานแบบกำหนดเองได้ มีโปรแกรมช่วยเหลือโอนย้ายข้อมูล และยังสามารถใช้งานร่วมกับแอปฯ อื่น ๆ อีกกว่า 500 แอปฯ

ภาษาที่ซัพพอร์ต

สามารถใช้ได้กับภาษาทั่วไปในระดับสากล และยังซัพพอร์การใช้งานภาษาไทยได้ด้วย

ข้อดี 

  • มีการใช้งานที่ง่ายเพียงแค่การคลิก ก็สามารถใช้งานระบบอัตโนมัติและการจัดการงานได้แล้ว
  • ทุกโมเดลการใช้งานผสานการทำงานได้อย่างไร้รอยต่อด้วยราคาที่คุ้มค่า
  • ง่ายต่อการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนทั้งการผสานอีเมล์ การสร้างรีพอร์ต โดยเฉพาะรีพอร์ตสำหรับลูกค้านั้น ๆ

ข้อเสีย

  • การปรับแต่งฟังก์ชันต่าง ๆ ยังขาดภาษานั้น ๆ และบางครั้งพยัญชนะหรือสระยังตกหล่น
  • ออกแบบแบบฟอร์มการใช้งานบางอย่างได้ไม่ค่อยดี
  • การจำกัดการใช้งานบางฟัก์ชันทำให้การทำงานจำกัด

6. Salesflare

salesflare
Source: Salesflare

เป็นระบบที่ผสานการใช้งานข้อมูลการโทร อีเมล์และเว็บไซต์ ฐานข้อมูลจากบริษัทอัตโนมัติ และจากนั้นจึงช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาแนวโน้มของผู้ที่จะมาเป็นลูกค้าคุณในอนาคต

เหมาะสำหรับใคร

เหมาะสำหรับบริษัทขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ที่ต้องการส่งอีเมล์ตามลำดับ และสามารถติดตามโอกาสในการขายได้ โดยที่ระบบจะเติมข้อมูลที่อยู่อัตโนมัติและจะติดตามการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าที่คุณกำลังติดต่ออยู่รวมถึงแจ้งเตือนให้ติดตามสถานะของลูกค้าคนนั้น ๆ 

Price 

แผนการใช้งานมีทั้งหมด 3 แผนดังนี้ 

salesflare price
  • Growth | 29$/User/Month | – สามารถใช้เครื่องมือพื้นฐานที่สำคัญได้ มีระบบเพิ่มข้อมูลเข้าไปในลิสต์อัตโนมัติ ระบบติดตามอีเมล์ลิงก์หรือเว็บไซต์ที่ลูกค้าเคยเข้าใช้งาน หรือส่งอีเมล์แบบเฉพาะตัวได้
  • Pro | 49$/User/Month | – รองรับการส่งอีเมล์เวิร์กโฟล์วเป็นกลุ่มไปทีมงานพร้อมติดตามผลการปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับทีมงาน ปรับแต่งข้อมูลกำหนด ตั้งค่าการใช้งานภายในทีมได้ สร้างปรับแต่งหน้าแดชบอร์ดสำหรับลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงได้
  • Enterprise | 99$/User/Month | – สามารถสอนใช้งานโปรแกรมให้กับคนในทีมได้ สามารถย้ายไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ และไม่จำกัดการหาอีเมล์ที่อยู่ในระบบของ Salesflare ได้

ประเภทของเครื่องมือ

เป็นเครื่องมือที่ทำงานผ่านระบบ Cloud, SaaS, Web-based, Desktop – Mac, Window, Linux, Chromebook รวมถึง Mobile: Android, iPhone. iPad พร้อมกับซัพพอร์ตการใช้งาน Email/Help Desk, Phone Support, Knowledge Base, Chat, 24/7 (Live rep) และ FAQs/Forum มีระบบบริการลูกค้า เช่นเดียวกับซอฟต์แวร์ CRM อื่น ๆ 

Feature หลัก

ฟีเจอร์หลัก คือ การติดตามข้อมูลผ่านอีเมล์ ลิงก์ และเว็บไซต์ ที่จะติดตามโดยอิงจากการปฏิสัมพันธ์ของลูกค้ากับแบรนด์ของคุณ เพื่อให้รู้ว่าลูกค้าสนอะไรบนหน้าเว็บไซต์ของคุณและทำการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ อีกทั้งการเชื่อมต่อการใช้งานที่ครอบคลุมและผสานการใช้งานได้หลากหลาย

ภาษาที่ซัพพอร์ต

รองรับภาษาหลักที่ใช้งานอย่างเป็นทางการแต่ยังไม่รองรับภาษาไทย

ข้อดี 

  • การใช้งานง่ายตรงกับการใช้งานจริง 
  • มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจในการใช้งานมากมายรวมถึงการดูแลลูกค้าที่น่าพึงพอใจ
  • หน้าจอตอบโจทย์ในการใช้งานจริง ฟังก์ชันการใช้งานสำหรับ CRM มีให้ครบและตอบโจทย์การใช้จริง

ข้อเสีย

  • การแก้ไขบางอย่างเป็นจำนวนมากควรจะมีตัวเลือกการตั้งค่าที่มากกว่าเดิม
  • ขาดฟีเจอร์การจัดการบัญชี
  • ราคาแพงและไม่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก
  • หากมีหลาย ๆ ธุรกิจการใช้งานอาจจะสับสนได้

7. Apptivo CRM

Apptivo CRM
Source: Apptivo CRM

อีกหนึ่งเครื่องมือในการจัดการการขาย การตลาดและงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างทรงพลัง มีฟีเจอร์ 360 ที่น่าสนใจในการดูแลลูกค้าที่น่าสนใจ รวมถึงการจัดการข้อมูลลูกค้าผ่านแดชบอร์ดที่ออกแบบมาอย่างดี สามารถใช้งานผ่าน Office 365 & G Suite ได้อีกด้วย

เหมาะสำหรับใคร 

เหมาะกับบริษัทขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ทุกรูปแบบธุรกิจ ที่คนภายในทีมสามารถใช้งานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นการส่งใบเรียกเก็บเงินผ่านอีเมล์จากลูกค้าไปยังแผนกบัญชี การติดตามสินค้าคงคลัง ติดตามซัพพลายเออร์ หรือสร้างโปรเจ็กซ์ที่จะเกิดขึ้นใหม่กับบุคคลที่ 3 แถมยังสามารถติดตามข้อมูลไปพร้อมกันได้ด้วย

Price 

แผนการใช้งานมีทั้งหมด 4 แผนดังนี้ 

Apptivo CRM price
  • Lite | 10$/User/Month | – สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ที่ทีมงานเพียงแค่จัดการยอดขายและส่งใบเสนอราคาง่าย ๆ
  • Premium | 15$/User/Month | – เหมาะกับทีมที่กำลังเติบโตที่ต้องการเครื่องมือ CRM สำเร็จที่ใช้งานง่ายในตัวเดียว
  • Ultimate | 25$/User/Month | – เหมาะกับทีมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยพร้อมกับต้องการเครื่องมือ Automation และการผสานการทำงานหลาย ๆ ซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน
  • Enterprise |  – $ (Contact Us) | – สำหรับการทำงานที่ซับซ้อนและการปรับแต่งแบบเฉพาะที่เข้ากันกับการทำงานของบริษัทนั้น ๆ

ประเภทของเครื่องมือ

เป็นเครื่องมือที่ทำงานผ่านระบบ Cloud, SaaS, Web-based, Desktop – Mac, Window รวมถึง Mobile: Android, iPhone. iPad พร้อมกับซัพพอร์ตการใช้งาน Email/Help Desk, Phone Support, Knowledge Base, Chat, 24/7 (Live rep) และ FAQs/Forum มีระบบบริการลูกค้า ระบบฝึกสอนเหมือนกับซอฟต์แวร์ CRM ชื่อดังหลาย ๆ เจ้า

Feature หลัก

มีระบบติดตามการขายอย่างครบวงจร มีระบบการจัดการโปรเจ็กซ์ที่ไม่ซับซ้อนใช้งานง่าย มีระบบใบเสนอราคาแบบออนไลน์ อีกทั้งยังมีการใช้รีพอร์ตที่ใช้งานง่าย มีระบบส่งอีเมล์การตลาดให้กับลูกค้า รวมถึงยังสอนการใช้งานและระบบดูแลลูกค้าที่คอยช่วยเหลือการใช้งานถึงที่

ภาษาที่ซัพพอร์ต

รองรับการใช้งานแค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว

ข้อดี

  • สามารถใช้งานได้ง่ายและรวดเร็ว ปรับเปลี่ยนได้ไร้รอยต่อ
  • พัฒนาประสิทธิภาพการใช้งานที่ช่วยปรับปรุงการผลิตและการติดต่อกับลูกค้าได้สมราคา
  • มีตัวเลือกและเมนูการใช้งานที่เข้าใจง่าย และทีมงานสามารถใช้ได้ทันที

ข้อเสีย

  • ยังขาดหรือตกหล่นบางฟีเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มตัวกรอง หรืออัลกอริธึมบางอย่าง
  • เทมเพลตอีเมล์บางอย่างดีไซน์ให้สับสน
  • บางเทมเพลตยากในการปรับแต่งเพื่อใช้งาน

8. Agile CRM

Agile CRM
Source: Agile CRM

แพลตฟอร์ม CRM แบบ All-in-one ที่มีระบบให้คะแนนลูกค้าเป้าหมายและการติดตามอีเมล์ สามารถใช้งานการตลาด การขายและบริการอื่น ๆ ให้เป็นไปอย่างอัตโนมัติภายในซอฟต์แวร์เดียว อีกทั้งมีการจัดคุณสมบัติการติดต่ออย่างมีประสิทธิภาพที่ช่วยให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ในระยะยาว

เหมาะสำหรับใคร 

เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ที่ต้องการการจัดการขาย การตลาด และการบริการแบบอัตโนมัต

Price

แผนการใช้งานมีทั้งหมด 4 แผนดังนี้ 

Agile CRM price
  • Free | Free/10 User/Month | – สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ที่ทีมงานเพียงแค่จัดการยอดขายและส่งใบเสนอราคาง่าย ๆ
  • Starter | 8.99$/User/Month | – เหมาะกับทีมที่กำลังเติบโตที่ต้องการเครื่องมือ CRM สำเร็จที่ใช้งานง่ายในตัวเดียว
  • Regular | 29.99$/User/Month | – เหมาะกับทีมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยพร้อมกับต้องการเครื่องมือ Automation และการผสานการทำงานหลาย ๆ ซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน
  • Enterprise |  47.99 $ (Contact Us) | – สำหรับการทำงานที่ซับซ้อนและการปรับแต่งแบบเฉพาะที่เข้ากันกับการทำงานของบริษัทนั้น ๆ

ประเภทของเครื่องมือ

เป็นเครื่องมือ CRM ที่รวบรวมการใช้งานไว้ที่เดียวแบบเบ็ดเสร็จ ที่ทำงานผ่านระบบ Cloud, SaaS, Web-based, Desktop – Mac, Window, Linux รวมถึง Mobile : Android, iPhone. iPad พร้อมกับซัพพอร์ตการใช้งาน Email/Help Desk, Phone Support, Knowledge Base, Chat, 24/7 (Live rep) และ FAQs/Forum มีระบบบริการลูกค้า ระบบฝึกสอนเหมือนกับซอฟต์แวร์ CRM ชื่อดังหลาย ๆ เจ้า

Feature หลัก

รวบรวมฟีเจอร์ทั้งการขาย การตลาด การบริการและการใช้งานร่วมกันผ่านแพลตฟอร์ม มีฟีเจอร์ Gamification ที่น่าสนใจ มี Marketing Automation ที่เหมาะกับการใช้งาน มี Landing Page Building ที่ช่วยให้สร้างช่องทางการตลาดได้ง่ายขึ้น และระบบติดตามผ่านอีเมล์ เบอร์โทรศัพท์ รวมถึงการผสานการใช้งานโซเชียลมีเดียอย่างลงตัว

ภาษาที่ซัพพอร์ต

รองรับการใช้งานผ่าน 6 ภาษาสากลที่ใช้งานทั่วไป

ข้อดี

  • มีแอปฯ ที่สามารถผสานการใช้งานที่หลากหลายมากกว่า 500 แอปฯ
  • ใช้งานง่ายมีระบบดูแลลูกค้าที่ยอดเยี่ยม
  • เป็นแอปฯ ที่รวมการใช้งานในที่เดียว ที่ใช้งานง่ายและเชื่อมต่อซอฟต์แวร์อื่นได้อย่างลงตัว

ข้อเสีย

  • จำเป็นต้องมีการสอนใช้งานที่ซับซ้อนมากขึ้น
  • บางข้อหรือเมนูมีตัวเลือกให้มากเกินไปอาจทำให้สับสนได้
  • ถึงแม้จะมีตัวช่วยใช้งานแต่จำเป็นต้องมีวิธีการใช้งานที่ชัดเจนขึ้น

9. ClickUp

ClickUp
Source: ClickUp

เป็นเครื่องมือ CRM แบบครบวงจร วางการทำงานเหมือนฮับที่ช่วยคนในทีมวางแผน จัดการและทำงานร่วมกันภายในทีมด้วยเครื่องมืออย่างระบบงาน เอกสาร แชทและอีกหลายเครื่องมือที่ช่วยให้การทำงานง่ายและปรับแต่งการใช้งานได้สะดวกแค่ไม่กี่คลิก อีกทั้งยังช่วยการทำงานของแผนกต่าง ๆ ให้สอดผสานได้อย่างลงตัวมากที่สุด

  • เหมาะสำหรับใคร 

เหมาะกับผู้ที่ต้องการวิธีทำงานที่ฉลาดและมีประสิทธิภาพและต้องการการใช้งานแบบครบวงจร

Price 

แผนการใช้งานมีทั้งหมด 4 แผนดังนี้ 

ClickUp price
  • Free | 0$/User/Month | – แผนใช้ฟรีที่สามารถใช้เครื่องมือพื้นฐานได้ทั่วไป แต่จะถูกจำกัดด้วยขนาดพื้นที่เก็บข้อมูลที่มีให้เพียง 100mb. เท่านั้น
  • Unlimited | 10$/User/Month | – แผนนี้เหมาะสำหรับการใช้งานกับธุรกิจขนาดเล็ก และทีมงานไม่กี่คน เพิ่มการใช้งาน เครื่องมือและบริการซัพพอร์ตตลอด 24 ชั่วโมง 
  • Business | 19$/User/Month | – แผนที่เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางและทีมงานที่เพิ่มขึ้นมามากขึ้นและยังเปิดใช้งานเครื่องมือและซอฟต์แวร์มากขึ้น
  • Enterprise | -$/Month | – แผนที่รองรับการขยายขนาดของธุรกิจที่มากขึ้นที่มีฟีเจอร์และเครื่องมือการทำงานได้ครบทุกอย่างที่ต้องการ

ประเภทของเครื่องมือ

ซอฟต์แวร์ทำงานผ่านระบบ Cloud, SaaS, Web-based, Desktop – Mac, Window, Linux รวมถึง Mobile : Android, iPhone. iPad พร้อมกับซัพพอร์ตการใช้งาน Email/Help Desk, Phone Support, Knowledge Base, Chat, 24/7 (Live rep) และ FAQs/Forum มีระบบบริการลูกค้าครบครันและฝึกสอนการใช้งานได้จริง

Feature หลัก

มีฟีเจอร์ Click Up AI ที่ปรับแต่งได้เหมาะสมกับการใช้งานเฉพาะตัว มีระบบเอกสารที่สามารถใช้งานร่วมกันภายในทีมได้ง่ายขึ้น มีระบบ Whiteboard เอาไว้แชร์ไอเดียและแผนการทำงานร่วมกัน และมีหน้าแสดงผลแดชบอร์ดที่บอกการทำงานแบบเรียลไทม์

ภาษาที่ซัพพอร์ต

รองรับภาษาอังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี โปรตุเกส ดัตส์ ยังไม่รองรับภาษาไทย

ข้อดี 

  • ใช้งานง่ายเชื่อมต่อระบบ SaaS ได้สะดวก เป็นระบบ CRM แบบครบวงจร
  • เวอร์ชันฟรีสามารถใช้งานได้ตลอดไม่ต้องห่วงการอัปเกรด
  • ระบบ AI ใช้งานง่าย ย้ายข้อมูลข้ามแพลตฟอร์มได้รวดเร็ว
  • เก็บฟีดแบ็กและติดตามผลลูกค้าระหว่างแผนกต่าง ๆ ได้ง่าย

ข้อเสีย

  • มีการดีเลย์ในการทำงานเมื่อต้องการเพิ่มงานเข้าไปในระบบ
  • บางครั้งจะมีการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญทำให้รู้สึกกวนใจได้
  • การตอบผ่านอีเมล์บางครั้งไม่ตอบโจทย์การใช้งาน
  • สีการใช้งานส่วนใหญ่เป็นสีเทาบางครั้งอาจรบกวนการทำงานได้

10. DashClicks

DashClicks
Source: DashClicks

เป็นระบบที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กเปลี่ยนผ่านการทำงานได้อย่างลงตัว ช่วยการทำงานให้ราบรื่น มีเครื่องมือการทำงานที่รองรับกลยุทธ์การวางแผนการทำงานที่เหมาะกับองค์กรขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ที่ช่วยลดระยะห่างระหว่างแบรนด์และลูกค้าได้อย่างดี

เหมาะสำหรับใคร 

ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ที่ควรใช้คือ บริษัท SaaS บริษัทขนาดเล็กและกลางหรือบริษัทที่อิงการใช้งานแบบดีจิตอล

Price

แผนการใช้งานมีเพียงแผนเดียว คือ 99$/Month สามารถใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ ได้ครบ เข้าถึงฟีเจอร์สำหรับการทำงานได้ทุกชนิด ไม่จำกัดแอคเคาท์ในการใช้งาน

ประเภทของเครื่องมือ

เป็นเครื่องมือที่รองรับการใช้งานผ่านระบบ Cloud, SaaS, Web-based อย่างเดียว แต่ยังมีระบบสนับสนุนการใช้งานเหมือนซอฟต์แวร์อื่น ๆ เช่นเดิม อย่าง Chat, Knowledge Base, Email/Help Desk, Phone Support พร้อมกับระบบดูแลผู้ใช้งานอย่าง Live Online, Documentation, Videos, Webinars ที่ช่วยสอนการใช้งาน

Feature หลัก

เป็น All-in-one แพลตฟอร์มที่มีครบและรองรับการใช้งานได้จริง ทั้งฟีเจอร์ Funnel ที่ช่วยคัดกรองลูกค้าที่มีโอกาสทำการขายได้ ระบบ Inbound ที่ช่วยจัดการลูกค้าจากหลายแพลตฟอร์มได้ในที่เดียว InstaReports ที่ช่วยออกแบบรายงานที่มีประสิทธิภาพด้วยเครื่องมือวิเคราะห์การตลาดและการขายเพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้ามากขึ้น

ภาษาที่ซัพพอร์ต

รองรับทุกภาษาที่ใช้งานทั่วโลก

ข้อดี

  • สามารถใช้งานใช้งานทุกซอฟต์แวร์ได้อย่างง่ายดายและไม่ติดขัด
  • ระบบราคาและการให้บริการที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
  • ใช้เพียงแค่การคลิกและลากงานต่าง ๆ ลงในแพลตฟอร์ม
  • มีการบริการที่ดีและมีทีมซัพพอร์ตที่ดูแลผู้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพ

ข้อเสีย

  • บางการบริการมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่น
  • ยังขาดรีพอร์ตที่จำเป็นต้องใช้จากโซเชียลมีเดียบางแบรนด์
  • ไม่มีเคสตัวอย่างหรือการใช้งานจริง

11. Big Contacts

Big Contacts
Source: Big Contacts

รวบรวมการจัดการชื่อผู้ติดต่อและแก้ปัญหาการตลาดเข้าด้วยกัน ที่ใช้เครื่องมือต่าง ๆ ช่วยในการเก็บข้อมูลการใช้งานของลูกค้าเพื่อเพิ่มโอกาสเปลี่ยนเป็นยอดขายและดูแลลูกค้าให้มากขึ้น 

เหมาะสำหรับใคร 

เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการขาย รักษาลูกค้าเก่าที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์กับธุรกิจให้ดีขึ้น

Price

แผนการใช้งานมีทั้งหมด 4 แผนดังนี้ 

Big Contacts price
  • Free | 0$/User/Month | – ทดลองใช้ระบบฟรี ที่จำกัดใช้งานฟีเจอร์ที่น่าสนใจและเป็นฟีเจอร์หลัก ๆ เอาไว้บางส่วน
  • Big | 5$/User/Month | – มีการจำกัดฟีเจอร์ใช้งานบางส่วนและมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่มมาให้เหมาะสมกับการใช้งาน และจำกัดการเชื่อมต่อบางอย่างลง
  • Buigger | 15$/User/Month | – เพิ่มพื้นที่การใช้งานข้อมูล ฟีเจอร์ส่วนใหญ่ใช้งานได้ แต่ยังจำกัดการเข้าถึงบางอย่างลงไปบ้าง
  • Biggest |  25$/Month | – สามารถเข้าใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมดได้ พร้อมกับมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ การเชื่อมต่อกับแอปฯ อื่น ๆ ได้ทั้งหมด 

ประเภทของเครื่องมือ

เป็นเครื่องมือ CRM ที่พร้อมใช้งานและเชื่อมต่อกับการใช้งานผ่านระบบ Cloud, SaaS, Web-based Desktop – Mac, Window เพียวอย่างเดียว แต่ยังคงการซัพพอร์ตและระบบช่วยสอนเอาไว้เหมือนกับเจ้าอื่น ๆ

Feature หลัก

คือ การที่รวบรวมอีเมล์เก็บไว้ในที่เดียว เพื่อช่วยให้ง่ายต่อการจัดการและเพิ่มโอกาสในการขาย มีทั้งระบบ 360 ที่ดูกิจกรรมทั้งหมดของลูกค้า การติดตามข้อมูล ยังมีฟีเจอร์ AI และ Marketing Automation ในการช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้ รวมถึง Smart Report ที่สามารถใช้งานได้ง่ายแต่ยังคงประสิทธิภาพของข้อมูลอยู่

ภาษาที่ซัพพอร์ต

รองรับภาษาที่ใช้งานทั่วไป แต่ยังคงไม่สนับสนุนภาษาไทย

ข้อดี 

  • ใช้งานได้สบาย ซับซ้อนและใช้งานได้ง่าย
  • ฟังก์ชันต่าง ๆ สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานได้อย่างเหมาะสม
  • UI ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามและอัปเดตข้อมูลสำคัญได้ง่ายมากขึ้น
  • บริการสนับสนุนและการสอนของระบบเป็นที่น่าพอใจ และบริการดี

ข้อเสีย

  • บางข้อมูลจำกัดการแสดงผู้ติดต่อไว้ที่ 25 คน บางครั้งจำเป็นต้องแสดงผลทั้งหมด
  • บางครั้งอีเมล์ที่ใช้งานมานานอาจจะหายไป จำเป็นที่ต้องเก็บข้อมูลเอาไว้เสมอ
  • การแนบวีดีโอลงไปในอีเมล์ไม่ค่อยเสถียร

12. Nimble

Nimble
Source: Nimble

เป็นเครื่องมือ CRM ที่ต้องการเชื่อมต่อการใช้งานกับ Office 365 & G Suite ที่ทำงานให้อัตโนมัติในการรวบรวมรายชื่อผู้ติดต่อ สามารถแสดงประวัติการพูดคุย อีเมล์เข้าและปฏิทินการนัดหมายต่าง ๆ ที่สามารถใช้งานร่วมกับ SaaS App มากถึง 250+ ชนิด รวมถึงการเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, LinkedIn, Twitter เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ง่ายขึ้น

เหมาะสำหรับใคร 

ซอฟต์แวร์นี้เหมาะกับธุรกิจบริการสื่อ ธุรกิจค้าปลีก โรงงานผลิต และการเงิน

Price

Nimble price

แผนการใช้งานมีเพียงแค่แผนเดียวคือ Nimble Business ในราคา 24.90$/ User/Month สามารถเข้าใช้งานและเชื่อมต่อกับฟีเจอร์สำคัญได้ทั้งหมด ไม่จำกัด

ประเภทของเครื่องมือ

การทำงานจะเชื่อมต่อผ่านระบบ Cloud, SaaS, Web-based รวมถึง Mobile: Android, iPhone. iPad พร้อมกับซัพพอร์ตการใช้งาน Knowledge Base, Email/Help Desk, Chat และ FAQs/Forum มีระบบบริการลูกค้าครบครันและฝึกสอนการใช้งานได้จริง ยกเว้นการ Live Online และ In Person

Feature หลัก

นอกจากการเชื่อมต่อการใช้งาน Office 365 ได้ยังมีฟีเจอร์หลัก ๆ ที่น่าสนใจคือ Relationship Management ที่เอื้อต่อการใช้งานทั้งแบบเดี่ยวหรือแบบทีม Social Profile Matching ที่จับคู่โปรไฟล์ตรงตามที่ตั้งเงื่อนไขเอาไว้ ระบบ Workflow & Automation ที่ให้การจัดการงานเป็นไปอย่างอัตโนมัติและแม่นยำ Segment & Saved Segments ระบบจดจำการแบ่งกลุ่มฐานข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ใช้งานง่ายและพร้อมใช้ทันที

ภาษาที่ซัพพอร์ต

สนับสนุนภาษาที่ใช้เป็นสากลและยังไม่สนับสนุนภาษาไทย

ข้อดี 

  • สามารถเชื่อมต่อกับการทำงานได้หลากหลายช่องทางและฟังก์ชัน
  • ช่วยติดต่อกับลูกค้าผ่านหลากหลายแพลตฟอร์มได้ทั้งโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มอื่น
  • การทำงานของฟีเจอร์ต่าง ๆ ทำงานได้ดีและตอบโจทย์การใช้จริง

ข้อเสีย

  • บางครั้งจำเป็นต้องรอโหลดข้อมูลนานกว่าที่เคย
  • มีการจำกัดการใช้งานแอปฯ บางอย่างบนโทรศัพท์
  • การผสานการใช้งานบางครั้งอาจสับสนและซับซ้อน
mandala banner

สรุป

แน่นอนว่าระบบ CRM ที่ลิสต์มาให้ทั้ง 12 อย่างนั้นมีการใช้งานที่เป็นข้อดีและจุดเด่นของตัวเอง ไม่ว่าจะเลือกระบบไหน ก็คงต้องพิจารณาการใช้งานให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของธุรกิจนั้น ๆ เพื่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด และผู้ใช้งานจริงทำงานได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ติดขัด เพื่อเพิ่มการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าได้เป็นที่น่าพอใจ

สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.