กลยุทธ์ทางการตลาด 4Ps และ 7Ps Marketing Mix คืออะไร?

ในโลกธุรกิจที่ไม่เคยหยุดนิ่ง การสร้างกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพเป็นบันไดขั้นสำคัญที่จะนำพาผู้ประกอบการไปสู่ความสำเร็จ โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าเป็น “พิมพ์เขียว” ที่นักการตลาดทุกคนต้องทราบก็คือ กลยุทธ์การตลาด 4Ps และ 7Ps Marketing Mix

และในยุคที่ทุกคนใช้โซเชียลมีเดีย การรวบรวมความคิดเห็นมาวิเคราะห์ เพื่อจัดทำกลยุทธ์การตลาดจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น การใช้ Mandala Analytics จาก Mandala AI ที่สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมายได้ จึงเป็นแต้มต่อของแบรนด์ที่เหนือกว่าคู่แข่งในการมองเกมขาด สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

Mandala AI ตัวช่วยทำการตลาด ลองใช้เลย

ทำความรู้จัก Marketing Mix

Marketing Mix หรือ Marketing Mix Strategy คือทฤษฎีทางการตลาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทฤษฎีหนึ่ง คิดค้นโดยศาสตราจารย์ ฟิลลิป ค็อตเลอร์ (Philip Kotler) ศาสตราจารย์ด้านการตลาดแห่งมหาวิทยาลัย Northwestern University สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1960 โดยสาเหตุที่ทำให้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในแวดวงการตลาดมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ เนื่องจากเป็นทฤษฎีที่เข้าใจง่าย สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้ทุกประเภทและทุกขนาด โดยมีประโยชน์หลายข้อดังต่อไปนี้

• ช่วยธุรกิจในการกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ช่วยธุรกิจในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
• ช่วยธุรกิจในการแข่งขันกับคู่แข่งทางธุรกิจ
• ช่วยธุรกิจในการเพิ่มยอดขายและกำไร

แล้ว Marketing Mix มีอะไรบ้าง? คำตอบคือสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ กลยุทธ์ทางการตลาด 4Ps Marketing Mix และ 7Ps Marketing Mix

4Ps Marketing Mix คืออะไร?

เริ่มต้นกันที่กลยุทธ์ทางการตลาด 4Ps Marketing Mix ที่ถือเป็นทฤษฎีดั้งเดิม โดยนำองค์ประกอบที่จะนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ มาสรุปเป็นหลัก 4 ข้อ ที่ทั้งหมดขึ้นต้นด้วยตัวอักษร P ดังต่อไปนี้

• Product (ผลิตภัณฑ์): สินค้าหรือบริการที่ธุรกิจจะต้องตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและตรงตามวัตถุประสงค์ทางการตลาด
• Price (ราคา): จำนวนเงินที่ผู้บริโภคต้องจ่าย เพื่อแลกกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจ ซึ่งจะต้องมีความสมเหตุสมผล
• Place (ช่องทางจัดจำหน่าย): สถานที่ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจ ซึ่งจะต้องสะดวกและเข้าถึงได้ง่าย
• Promotion (การส่งเสริมการขาย): กิจกรรมต่างๆ ที่ธุรกิจใช้เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคและกระตุ้นให้เกิดการซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งจะต้องมีประสิทธิภาพและตรงกลุ่มเป้าหมาย

7Ps Marketing Mix คืออะไร?

เนื่องจากกลยุทธ์ทางการตลาด 4Ps Marketing Mix ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1960 หรือกว่า 60 ปีที่แล้ว แต่พลวัตทางการตลาดไม่เคยหยุดนิ่ง ดังนั้น เมื่อข้ามเวลามาสู่ปัจจุบัน กลยุทธ์ทางการตลาด 4Ps Marketing Mix อาจไม่เพียงพอให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการอีกต่อไป ทฤษฎีนี้จึงถูกพัฒนาขึ้น และกลายเป็น 7Ps Marketing Mix ซึ่งเป็นการเพิ่มเข้ามาของอีก 3 ปัจจัย รวมกับ 4P ดั้งเดิม จึงกลายเป็น 7Ps Marketing Mix โดยปัจจัยที่เพิ่มมามีดังต่อไปนี้

• People (คน): พนักงานหรือบุคลากร ซึ่งมีความสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ เนื่องจากเป็นตัวแทนในการพบปะและให้บริการแก่ลูกค้า ดังนั้น ธุรกิจจึงควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาและฝึกอบรมพนักงานให้มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ รวมถึงมีทักษะในการบริการลูกค้า
• Process (กระบวนการ): กระบวนการต่าง ๆ ที่ธุรกิจใช้ในการทำงาน ซึ่งจะต้องมีประสิทธิภาพและราบรื่น เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการ
• Physical Evidence (สภาพแวดล้อม): สภาพแวดล้อมของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงอาคารสถานที่ การตกแต่ง อุปกรณ์ต่าง ๆ ตลอดจนบรรยากาศภายในร้าน เหล่านี้ล้วนจะต้องสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า

นอกจากกลยุทธ์ทางการตลาด 4Ps Marketing Mix และ 7Ps Marketing Mix แล้ว ถ้าอยากเพิ่มอาวุธการตลาดให้ธรุกิจคุณนำหน้าคู่แข่ง แนะนำให้ใช้เครื่องมือ Mandala Analytics จาก Mandala AI ที่จะช่วยให้การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายแม่นยำยิ่งขึ้น

Mandala AI ตัวช่วยทำการตลาด ลองใช้เลย

Case Study ที่แบรนด์ระดับโลกนำ Marketing Mix ไปใช้

เมื่อได้ทราบกันไปแล้วว่า Marketing Mix มีอะไรบ้าง ก็ขออธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยการหยิบยก Case Study ที่แบรนด์ระดับโลกนำ Marketing Mix ไปประยุกต์ใช้ โดยหนึ่งในแบรนด์ที่เป็นตัวอย่างเรื่องนี้ชัดเจนที่สุดคงต้องยกให้กับ McDonald’s จึงจะขอไล่เลียงเป็นข้อ ๆ ดังต่อไปนี้

1. Product: McDonald’s มีสินค้าที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันทั่วโลก ถึงแม้ว่า Big Mac, McNuggets และเฟรนช์ฟราย จะเป็นเมนูหลัก แต่ McDonald’s ก็ยังคิดค้นเมนูสำหรับภูมิภาคต่าง ๆ อีกด้วย ตัวอย่างเช่น ในอินเดีย มีเบอร์เกอร์ McAloo Tikki ในขณะที่ญี่ปุ่น มีเบอร์เกอร์เทอริยากิ
2. Price: McDonald’s ใช้กลยุทธ์การกำหนดราคาตามมูลค่า มีความหลากหลายด้านราคาเพื่อตอบสนองลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่ผู้ที่มองหามื้ออาหารราคาประหยัด ไปจนถึงผู้ที่ชื่นชอบเบอร์เกอร์พรีเมียม และไม่เกี่ยงว่าต้องจ่ายเท่าไร นอกจากนั้น ยังใช้การกำหนดราคาตามจิตวิทยาอีกด้วย เช่น ตั้งราคา 99 บาท แทนที่จะเป็น 100 บาท
3. Place: McDonald’s มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ด้วยจำนวนสาขามากกว่า 38,000 แห่งในกว่า 100 ประเทศ ดังนั้น ลูกค้าจึงสามารถเข้าถึงได้ง่ายมาก นอกจากนั้น ทำเลที่พวกเขาเลือกตั้งร้าน ยังเหมาะกับธุรกิจอีกด้วย เช่น ใกล้ถนนที่พลุกพล่าน ห้างสรรพสินค้า
4. Promotion: McDonald’s มีกลยุทธ์ส่งเสริมการขายที่ยอดเยี่ยม เริ่มตั้งแต่แคมเปญ “I’m Lovin’ It” ที่อมตะตลอดกาล ไปจนถึงของเล่นแฮปปี้มีล นอกจากนั้น ยังใช้สื่อโฆษณาทางทีวี การตลาดออนไลน์ ป้ายโฆษณา และอื่น ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย
5. People: McDonald’s ลงทุนอย่างมากในการฝึกอบรมพนักงาน ผ่านระบบที่เรียกว่า “QSCV” (Quality, Service, Cleanliness and Value) ที่ช่วยรับประกันความสม่ำเสมอในการให้บริการ
6. Process: บริษัทฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่แห่งนี้มีกระบวนการผลิตที่น่าเชื่อถือและสม่ำเสมอ ตั้งแต่การตั้งค่าห้องครัว ขั้นตอนการรับออร์เดอร์ (เช่น ไดรฟ์ทรู) และระบบจัดส่ง (ผ่านบริการ Food Delivery เจ้าต่าง ๆ รวมถึงช่องทาง Delivery ของตัวเอง)
7. Physical Evidence: ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการออกแบบภายในของร้าน ล้วนมีส่วนช่วยในการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า ทั้งความสะอาด แผนผังของร้านอาหาร พื้นที่เด็กเล่น และแม้กระทั่งชุดที่พนักงานสวมใส่

ใช้ข้อมูลเชิงลึกสร้างกลยุทธ์ Marketing Mix ได้ตรงจุดด้วย MandalaAI

เมื่อทราบแล้วว่า 4Ps และ 7Ps Marketing Mix Strategy คืออะไร และสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้อย่างไร ส่วนผู้ประกอบการรายใดต้องการวางกลยุทธ์การตลาดแบบ Omni Channel อย่างมีข้อมูลประกอบรอบด้าน แนะนำ Mandala AI ผู้ให้บริการเครื่องมือ Mandala Analytics โซลูชันที่นำข้อมูลที่ผู้คนได้แสดงความคิดเห็นในรูปแบบต่าง ๆ ไว้ตามโซเชียลมีเดีย มาวิเคราะห์เพื่อหาเจตนาที่แท้จริงว่าตอนนี้ภาพรวมของตลาดกำลังต้องการอะไร ทำให้สร้างกลยุทธ์การตลาดได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น ทดลองใช้งานฟรีได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ของเรา

Mandala AI ตัวช่วยทำการตลาด ลองใช้เลย