หากกล่าวถึงแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในตอนนี้ ผู้คนต่างต้องนึกถึงแอปพลิเคชัน TikTok อย่างแน่นอน ในขณะที่จำนวนผู้ใช้บน TikTok มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดใน 2-3 ปีที่ผ่านมา จำนวนของเหล่าครีเอเตอร์เองก็ได้เพิ่มขึ้นมาอย่างมากเช่นกัน
ด้วย Tools และ Algorithm ที่ชาญฉลาดบนตัวแอปพลิเคชัน TikTok ทำให้เหล่าครีเอเตอร์นั้นได้มีอิสระในการผลิตคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการเต้น การทำอาหาร การแชร์ทริค ให้ความรู้ และอีกมากมาย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอิทธิพลของ TikTok ในทุกวันนี้ ได้เปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้ให้กลายเป็นแหล่งความบันเทิง แหล่งการศึกษา พื้นที่การตลาด และแหล่งคอมมูนิตี้หลากหลายกลุ่มแห่งใหม่ไปแล้ว
TikToker คือใคร ?
TikToker คือ ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม TikTok ที่ผลิตคอนเทนต์และดึงดูดผู้คนจำนวนมากได้ หากมองแบบนี้อาจตีความได้ว่าทุกคนสามารถเป็น TikToker ได้ใช่หรือไม่ ? คำตอบคือใช่ เพียงแค่มีสมาร์ทโฟน สร้างบัญชี TikTok และอัพโหลดคลิปลงที่หน้าเพจของตัวเอง
TikToker นั้นเปรียบเทียบได้กับ Influencer บนแพลตฟอร์ม TikTok นั่นหมายความว่า TikToker ที่ประสบความสำเร็จ จะต้องมีความสามารถในการผลิตคอนเทนต์ที่โดดเด่น และโดนใจกลุ่มคนจำนวนมากได้ TikToker สามารถมีได้ตั้งแต่มือสมัครเล่นที่สร้างเนื้อหาเพื่อความบันเทิง ไปจนถึงระดับมืออาชีพที่มีอิทธิพลมากพอที่จะสร้างพันธมิตรกับแบรนด์ในกรณีที่แบรนด์นั้นได้มีการทำการตลาด TikTok หรือสร้างรายได้จากผู้ชมด้วยวิธีการต่าง ๆ
ทริคการทำคอนเทนต์บนติ๊กต๊อก สำหรับ TikToker
TikTok ได้สร้างโอกาสให้ผู้ใช้งานสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้อย่างเท่าเทียมผ่าน Tools ที่เป็นประโยชน์ต่าง ๆ ยิ่งถ้าหากเหล่าครีเอเตอร์หรือ TikToker สามารถผลิตผลงานที่น่าสนใจและสามารถดึงดูดผู้ชมได้ อัลกอรึทึมของ TikTok ก็จะช่วยผลักดันคอนเทนต์นั้น ๆ ให้ไปอยู่หน้า feed ทำให้ผู้ใช้งานหลายคนเห็นมากขึ้น จนสามารถกลายเป็นคอนเทนต์ที่ไวรัล คำถามที่น่าสนใจคือ แล้วต้องทำคอนเทนต์แบบไหนถึงจะกลายเป็นที่นิยมได้ บทความนี้มีคำตอบให้
1. ตามเทรนด์ให้ทัน
หากวิเคราะห์จากพฤติกรรมของกลุ่มผู้ใช้งานหลักของ TikTok ซึ่งก็คือกลุ่มวัยรุ่นแล้วนั้น กลุ่มคนเหล่านี้มักติดตามเทรนด์หรือสิ่งที่เป็นกระแสได้อย่างทันท่วงทีอยู่เสมอ ดังนั้นสำหรับครีเอเตอร์ที่ต้องการสร้างคอนเทนต์ติ๊กต๊อกให้ไวรัล ก็ควรติดตามเทรนด์อยู่เสมอ เพื่อนำมาปรับใช้กับคอนเทนต์ของตัวเอง เพียงเท่านี้ ก็สามารถดึงดูดความสนใจจากกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มผู้ใช้งานอื่น ๆ ได้ ซึ่ง TikTok เองก็ยังมี Current TikTok Trends หรือเทรนด์ประจำวัน ที่สามารถดูได้จากหน้า for you page ในหน้าแรกของ TikTok อีกด้วย
2. สร้างความฮา สนุก
ผู้ใช้ TikTok หลายคนที่เข้าใช้งานแอปฯนี้ ต่างก็เข้ามาเพื่อเสพย์ความบันเทิง เพราะต้องการผ่อนคลายความเครียดจากชีวิตประจำวัน ดังนั้นหนึ่งในรูปแบบของคอนเทนต์ที่ผู้ใช้อยากจะดูคือคอนเทนต์ที่มีความตลก สนุก ไม่ต้องใช้เวลานาน เมื่อผู้ชมเกิดความรู้สึกร่วมกับตัวเนื้อหาของคลิป ก็มีแนวโน้มที่จะให้เกิดการติดตามต่อไปในระยะยาวได้อีกด้วย
3. # Hashtag ต้องมี
การติด # Hashtag บน TikTok นั้นถือเป็นเครื่องมือการค้นหาคอนเทนต์ที่สำคัญและสะดวกอย่างมาก ด้วยการใช้ข้อความที่สั้น กระชับใน Hashtag ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องพิมข้อความยาว ๆ ในการค้นหาคลิป ทำให้คอนเทนต์นั้นๆ ถูกเจอได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หาก Hashtag ที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่และมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ของเรา TikTok ก็จะทำการแนะนำคอนเทนต์นั้น ๆ ให้ผู้ชมจำนวนมาก ขยายการมองเห็นคอนเทนต์ของเราได้ ข้อที่ควรพึงระวังคือการไม่ใช้ Hashtag เยอะจนเกินไปและไม่ใช้คำที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวคอนเทนต์เพราะจะทำให้คอนเทนต์มีความน่าเชื่อถือน้อยลง
4. สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ชม
จุดเด่นของแพลตฟอร์ม TikTok คือการให้ผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมกับตัวครีเอเตอร์ได้อย่างไร้ขอบเขต ผู้ชมสามารถ comment หรือแม้แต่ร่วม duet กับคอนเทนต์ของครีเอเตอร์ได้ การสร้าง engagement กับคนดูแบบนี้ถือเป็นตัวชี้วัดได้ว่าคอนเทนต์นั้นประสบความสำเร็จในการดึงดูดคนดูได้มากแค่ไหน ยิ่งจำนวน engagement จากคนดูมากเท่าไหร่ Algorithm จะยิ่งดันคอนเทนต์นั้นให้ไปอยู่ในสายตาของผู้ใช้ทั่วไปมากเท่านั้น ทำให้คอนเทนต์ติดกระแส กลายเป็นคอนเทนต์ไวรัลได้
5. คอนเทนต์ชวนถก (controversial content)
คอนเทนต์ชวนถกนั้นถือเป็นการสร้างส่วนร่วมกับผู้ชมได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นความคิดของครีเอเตอร์เองหรือการถามความเห็นจากผู้ชม คอนเทนต์ลักษณะนี้ช่วยกระตุ้นยอด engagement ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นคอนเทนต์เกี่ยวข้องกับเป็นประเด็นที่กำลังมาแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครีเอเตอร์ก็ต้องระวังไม่ให้ความเห็นออกไปในเชิงลบมากเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดประเด็นดราม่าและอาจได้รับความเห็นจากฝั่งผู้ชมในทางลบเป็นจำนวนมากได้
6. เข้าใจความชอบของผู้ชม
หมวดหมู่ของคอนเทนต์บน TikTok นั้นมีความหลากหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์แนวเต้น แนวตลก เบาสมอง หรือให้ความรู้ ยิ่งครีเอเตอร์สามารถเข้าใจความชอบของผู้ชมที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้มากเท่าไหร่ ก็สามารถสร้างคอนเทนต์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและตอบสนองความต้องการของผู้ชมได้มากเท่านั้น
7. คอนเทนต์ How to
พฤติกรรมของผู้ใช้ TikTok นั้นชื่นชอบการเสพย์คลิปที่สั้น เข้าใจง่าย ไม่เสียเวลา การทำคอนเทนต์ how to อธิบายประเด็นต่าง ๆ อย่างกระชับและเข้าใจง่ายในเวลาอันสั้น สามารถดึงดูดให้ผู้ชมหยุดดูได้มากกว่าคลิปที่มีความยาวและมีข้อมูลที่ฟุ่มเฟือย ตัวอย่างการทำคอนเทนต์ how to ที่พบได้บ่อยบนแพลตฟอร์มนี้เช่น คอนเทนต์สอนแต่งหน้า สอนทำอาหาร สอนการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เป็นต้น นอกจากนี้คอนเทนต์ในหัวข้ออื่น ๆ ก็สามารถนำเทคนิค how to มาปรับใช้ได้เช่นเดียวกัน เพราะคอนเทนต์ลักษณะนี้ใช้ได้กับทุกประเด็นและไม่ตกยุคสมัย
8. ใช้ประโยชน์จาก Tools
Tools บนแพลตฟอร์ม TikTok ถือว่ามีความหลากหลายและเอื้อประโยชน์ให้แก่เหล่าครีเอเตอร์เป็นอย่างมาก แม้จะเป็นครีเอเตอร์มือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญเรื่องการทำคลิป Tools ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียง เอฟเฟกต์ ฟิลเตอร์ เพลง หรือ การตัดต่อ ก็ช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างสรรค์คอนเทนต์มีความเป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความน่าสนใจขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ Tools ที่กำลังติดเทรนด์อยู่ก็ยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการทำให้คอนเทนต์นั้นไวรัลขึ้นได้
9. โพสต์คอนเทนต์ทุกวัน
TikTok นั้นเปรียบเหมือนสนามแข่งสำหรับเหล่าครีเอเตอร์ เพราะผู้ใช้งานสามารถเห็นคอนเทนต์จำนวนมากและหลากหลายแบบในแต่ละวัน ดังนั้นการที่ครีเอเตอร์โพสต์คอนเทนต์ทุกวันถือเป็นการช่วยให้คอนเทนต์นั้น ๆ ไปขึ้นที่หน้า feed ของผู้ชมได้มากขึ้น มีโอกาสที่ผู้ชมจะเห็นคอนเทนต์ของเราได้บ่อยมากขึ้น ยิ่งบัญชีของ TikToker คนไหนมีการ active และ อัปโหลด Content บ่อยๆ แทบทุกวันความถี่ของการโพสนั้นก็จะสามารถช่วยให้บัญชีนั้นดูน่าเชื่อถือมากขึ้นได้อีกด้วย
10. โพสต์ให้ถูกเวลา
การโพสต์คอนเทนต์ให้ถูกช่วงเวลาถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการทำให้คอนเทนต์ไปอยู่ที่หน้า feed ของกลุ่มผู้ใช้งานจำนวนมากได้ นั่นหมายความว่าหากลงคอนเทนต์ได้ตรงกับช่วงที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่กำลังออนไลน์อยู่ก็มีโอกาสที่คอนเทนต์ของเราจะถูกรับรู้มากขึ้น และหากเนื้อหาคอนเทนต์สามารถดึงดูดคนดูได้ก็เพิ่มโอกาสที่จะมีผู้ติดตามมากขึ้นได้อีกด้วย
การเลือกช่วงเวลาลงคอนเทนต์สามารถทำได้ด้วยการคอยสำรวจและวิเคราะห์สถิติของผู้ใช้ส่วนใหญ่ในแต่ละวัน แต่ทุกวันนี้ก็มีเครื่องมือที่ช่วยในการตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ได้ ซึ่ง Mandala Analytics ก็มี feature Time Analytics ที่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการออนไลน์ของผู้ใช้ให้เราได้ ทำให้เราประหยัดเวลา ดึงข้อมูลมาปรับใช้กับกลยุทธ์ของเราได้อย่างสะดวก
คอนเทนต์ไหนที่จะไม่โดนปิดกั้น
เหล่า TikTok content creator ที่อยู่บนแพลตฟอร์มนี้ต่างก็ต้องการให้คอนเทนต์ของตัวเองได้รับความนิยมและได้รับการมองเห็นจากกลุ่มคนจำนวนมาก อีกทั้งแพลตฟอร์ม TikTok เองก็เอื้อประโยชน์ให้นักครีเอเตอร์เหล่านี้มาสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมีอิสระในหลากหลายแขนง คอยสร้างพื้นที่ที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ให้ผู้ผลิตและยังคงให้ความเพลิดเพลิน สร้างความสุขให้แก่ผู้ใช้งานทั่วไปด้วยเหตุนี้ TikTok จึงมีกฎเกณฑ์ของแพลตฟอร์มหรือที่เรียกว่า “หลักเกณฑ์ชุมชน” อยู่ด้วย เพื่อเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมของคอมมูนิตี้นี้ให้น่าอยู่ ทำให้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน
หลักเกณฑ์สำหรับชุมชน (Community Guidelines)
หากกล่าวให้เข้าใจโดยง่าย หลักเกณฑ์สำหรับชุมชน บนแพลตฟอร์ม TikTok ก็คือ กฎระเบียบในการผลิตคอนเทนต์ที่แพลตฟอร์มจัดตั้งขึ้นเพื่อคอยดูแลเนื้อหาของคลิปต่าง ๆ ให้ยังคงเป็นมิตรและปลอดภัยต่อผู้ชมอยู่เสมอ โดยมีหลักการง่าย ๆ คือต้องอยู่ในขอบเขตสิ่งที่สังคมยอมรับ หากคอนเทนต์มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมก็จะถูกปิดการมองเห็นไป
แต่แน่นอนว่าบรรทัดฐานของผู้ชมแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน TikTok จึงได้กำหนดข้อตกลงในการผลิตคอนเทนต์ ดังนี้
คอนเทนต์แบบไหนที่จะไม่โดนปิดกั้น
1. คอนเทนต์ที่สนุกสนาน สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้งานทั่วไป
2. คอนเทนต์ที่เต็มไปด้วยไอเดียและความคิดสร้างสรรค์
3. คอนเทนต์ที่ให้ความรู้ ส่งเสริมการเรียนรู้ เปิดโลกกว้าง
4. คอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจ ให้กำลังใจ ส่งต่อความสุข
5. คอนเทนต์ที่แปลกใหม่ มีความน่าสนใจ หรืออยู่ในกระแสสังคม
6. คอนเทนต์ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีความจริงแท้ จริงใจ
7. คอนเทนต์ที่ช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมให้น่าอยู่
8. คอนเทนต์ที่แสดงถึงความหลากหลาย เท่าเทียม ให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน
9. คอนเทนต์ที่ส่งต่อ Passion จุดประกายไอเดียให้ผู้อื่น
10. คอนเทนต์ที่แสดงถึงทัศนคติเชิงบวก
คอนเทนต์แบบไหนที่จะถูกปิดการมองเห็น
1. คอนเทนต์ดูถูกเหยียดหยาม ล้อเลียน ไม่ให้เกียรติผู้อื่น
2. คอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติดทุกประเภท ซึ่งรวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าด้วย
3. คอนเทนต์ที่แสดงถึงพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง นำไปสู่การบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต
4. คอนเทนต์ลามกอนาจาร โป๊เปลือย
5. คอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตาย
6. คอนเทนต์ที่มีภาพสยอดสยอง
7. คอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการพนัน
8. คอนเทนต์ที่ทำให้ผู้คนตกใจด้วยความรุนแรงทุกรูปแบบ
9. คอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติ
10. คอนเทนต์ที่มีการทำร้ายร่างกายและจิตใจ หรือทารุณกรรมเด็ก
ก้าวสู่สายงาน Content Creator ที่ใฝ่ฝัน
การทำคอนเทนต์บน TikTok นั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากเสียทีเดียว เพียงเหล่าครีเอเตอร์นำข้อแนะนำดังกล่าวไปปรับใช้กับรูปแบบคอนเทนต์ของตัวเองเพื่อให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เท่านี้ก็สามารถผลิตผลงานที่ดีได้แล้ว แต่ที่สำคัญต้องคำนึงถึงเหมาะสมของเนื้อหาอยู่เสมอ เพราะไม่อย่างนั้นคอนเทนต์เชิงบวกอาจกลายเป็นลบได้ทันที
ถ้าหากใช้เครื่องมือจาก Mandala AI. อย่าง Mandala Cosmos และ Mandala Analytics เข้ามาช่วยบริหารการผลิตคอนเทนต์แล้วด้วยนั้น Content Creator ก็สามารถจัดการคอนเทนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจลักษณะคอนเทนต์ที่ผู้ชมชื่นชอบ สามารถลงคอนเทนต์ได้ในเวลาที่เหมาะสม และเพิ่มจำนวนผู้ติดตามได้มากขึ้น