
แม้ใคร ๆ จะบอกว่า ยุคนี้เป็นยุคของการขายออนไลน์ ทำให้การขายหน้าร้านกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีบทบาทสำคัญอีกต่อไป ต้องบอกว่าความเชื่อนี้ไม่จริงเสมอไป เพราะทั้งสองช่องทางก็มีข้อดีที่แตกต่าง และในทางกลับกัน หากนำการตลาดทั้งสองช่องทางนี้มาผสมผสานกันได้ ก็จะยิ่งช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
ชวนรู้จัก O2O Marketing การตลาดแบบผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ ที่จะช่วยยกระดับการบริการ และช่วยให้ธุรกิจของคุณได้เปรียบเหนือคู่แข่ง มาดูกันว่า O2O Marketing หรือ Online to Offline Marketing คืออะไร พร้อมตัวอย่างการนำไปปรับใช้ในธุรกิจ
O2O Marketing คืออะไร?
O2O Marketing หรือ Online to Offline Marketing คือ กลยุทธ์การทำธุรกิจที่นำจุดแข็งของการขายแบบออนไลน์และออฟไลน์มาผสมผสานกัน จนเกิดเป็นแผนการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างยอดขายได้มากขึ้น
ข้อดีของการขายแบบออนไลน์
- ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลของสินค้าที่ต้องการได้ด้วยตัวเอง
- ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบราคาและโปรโมชันได้ง่าย
- ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเดินทางไปหน้าร้าน
- ร้านค้าสามารถนำเสนอโปรโมชันต่าง ๆ ได้ง่าย
- ลูกค้าสามารถเลือกชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง
ข้อดีของการขายแบบออฟไลน์
- ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองใช้สินค้าจริง
- ลูกค้าได้ปรึกษาและรับคำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าจากผู้ขาย
- ลูกค้าเกิดความมั่นใจว่า จะได้สินค้ากลับบ้านอย่างแน่นอน โดยไม่ต้องรอการจัดส่ง
สามารถทำ O2O Marketing ผ่านช่องทางใดได้บ้าง
ปัจจุบันนี้ ธุรกิจสามารถทำ O2O Marketing ได้หลากหลายช่องทาง ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละช่องทางมีกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร ทั้ง Social Media, Website และหน้าร้าน อย่างที่เรียกกันว่า Omni Channel นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อเรามีช่องทางการขายที่หลากหลาย ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะมองเห็นร้านค้าของเรา นำไปสู่การตัดสินใจซื้อที่ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องระมัดระวังและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ในการทำ O2O Marketing ก็คือเรื่องของการบริหารจัดการช่องทางการขาย เพราะยิ่งมีหลายช่องทาง ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเกิดการขัดข้องได้ง่าย ดังนั้น เจ้าของธุรกิจจึงต้องจัดการให้มีพนักงานที่รับผิดชอบในแต่ละช่องทางอย่างเพียงพอ เพื่อช่วยให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่องค์กร
จะเริ่มทำการตลาดแบบ O2O Marketing ได้อย่างไร? แนะ 3 ตัวอย่างกลยุทธ์ที่น่าสนใจ
- ซื้อออนไลน์ รับของหน้าร้าน
ถึงแม้ว่าการซื้อของออนไลน์จะเป็นทางเลือกที่สะดวกสบาย แต่ลูกค้าบางกลุ่มก็อาจเกิดความกังวลว่า เมื่อสั่งซื้อไปแล้วจะไม่ได้รับสินค้าจริง ดังนั้น หนึ่งในกลยุทธ์ O2O Marketing ที่จะตอบรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้ ก็คือบริการ “สั่งซื้อออนไลน์ รับของหน้าร้าน” โดยเป็นบริการที่ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าที่ต้องการได้ผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมรับโปรโมชันหรือข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ จากร้าน และเลือกชำระเงินในช่องทางที่สะดวก จากนั้นจึงเข้ามารับสินค้าที่หน้าร้านตามเวลาที่นัดหมายไว้ นอกจากจะช่วยสร้างความมั่นใจโดยการให้ลูกค้าได้ตรวจสอบสินค้าด้วยตัวเองแล้ว กลยุทธ์นี้ยังช่วยลดปัญหาความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการขนส่งได้อีกด้วย
- Local SEO
โดยปกติแล้ว เมื่อต้องการซื้อสินค้าใด ๆ ลูกค้ามักจะใช้วิธีค้นหาจาก Google เพื่อดูว่ามีร้านค้าไหนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงบ้าง ซึ่งธุรกิจเองก็สามารถใช้กลยุทธ์ “Local SEO” ในการโปรโมตร้านค้า เพื่อให้ร้านของเราไปปรากฏอยู่ในผลลัพธ์การค้นหา ซึ่งจะช่วยให้ร้านของเรากลายเป็นที่รู้จัก และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกันได้มากขึ้น
- QR Code
กลยุทธ์ “QR Code” ก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ O2O Marketing ที่จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง โดยเราสามารถนำไปปรับใช้ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น แปะ QR Code ไว้ที่เมนู เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเลือกดูเมนูสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องเดินทางมาที่หน้าร้าน และร้านค้าก็สามารถรับออเดอร์ล่วงหน้าผ่านทางออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว

ข้อดีของ O2O Marketing
- ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
หนึ่งในข้อดีที่โดดเด่นของการทำการตลาดแบบ O2O Marketing ก็คือการที่ช่วยให้แบรนด์สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างครบครัน ตั้งแต่การที่ลูกค้าสามารถค้นหา เปรียบเทียบ และเลือกซื้อสินค้าได้ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือการเข้าไปซื้อสินค้าที่หน้าร้าน และสะสมแต้มออนไลน์ เพื่อรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ในการซื้อครั้งต่อไป ซึ่งเมื่อธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำ และเกิดการบอกต่อ จนทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย
เพราะการโฟกัสกับกลุ่มลูกค้าเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ในยุคที่ธุรกิจมีการแข่งขันสูงเช่นนี้ ดังนั้น การที่ธุรกิจของเราหันมาปรับตัว ด้วยการใช้กลยุทธ์ O2O Marketing จึงเป็นโอกาสที่จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย ทั้งกลุ่มที่ชอบการซื้อออนไลน์ และกลุ่มที่พึงพอใจกับการซื้อหน้าร้าน
- ช่วยให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จัก
อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้น ยุคนี้เป็นยุคที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับการค้นหาข้อมูลของสินค้าและร้านค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ซึ่งหากเราให้ความสำคัญกับการโปรโมตร้านค้าทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป ไม่ใช่ช่องทางใดช่องทางหนึ่งเพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้แบรนด์ของเรากลายเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว
- สร้างยอดขายได้มากขึ้น
การที่เรามีช่องทางการขายที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า จะช่วยให้เราสามารถสร้างยอดขายได้มากขึ้น เพราะลูกค้าไม่ต้องลังเลว่าจะไปเลือกซื้อกับร้านไหนดี ในเมื่อเรามีช่องทางที่ลูกค้ามองหาอย่างครบครัน แถมยังสามารถเลือกชำระเงินได้หลากหลาย ตอบรับพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างดี
สร้างผลลัพธ์ทางการตลาดอย่างเหนือชั้น ด้วยเครื่องมือจาก Mandala AI ที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้ทุกแพลตฟอร์ม ตอบโจทย์การทำการตลาดแบบ Omni Channel ทดลองใช้ฟรีได้แล้ววันนี้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเราได้เลย ที่
https://www.mandalasystem.com/contact_us
ข้อมูลอ้างอิง:
- Online-To-Offline (O2O) Could Revolutionize E-Commerce Business. สืบค้นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567
