ถ้าพูดถึงการทำ SEO ภาพจำของหลายคนคงเป็นเรื่องการเขียนบทความ SEO แต่จริง ๆ แล้วการทำ SEO มีเทคนิคที่หลากหลายกว่านั้น หนึ่งในเทคนิคที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงธุรกิจของคุณได้คงหนีไม่พ้นการทำ Backlink หรือการใส่ลิงก์ที่เกี่ยวข้องไว้ในอีกเว็บไซต์หนึ่ง เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถคลิกเข้ามาอ่านเนื้อหาที่สนใจเพิ่มเติมได้ในอีกเว็บไซต์ แล้วการทำ Backlink คืออะไร สำคัญอย่างไร มีกี่ประเภท และ Backlink ที่ดีต้องเป็นแบบไหน มาหาคำตอบกัน
Backlink คืออะไร?
Backlink คือลิงก์จากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ลิงก์ไปหาอีกเว็บไซต์หนึ่ง โดยปกติแล้วการทำ Backlink ในเว็บไซต์ทำเพื่อให้ผู้อ่านสามารถคลิกไปยังเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ โดยนับเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เนื่องจากการที่เว็บไซต์อื่นลิงก์มาที่เว็บไซต์เราส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์บน Google นั่นเป็นเพราะ Google เชื่อว่าการที่เว็บไซต์ของเรามีการลิงก์มาจากเว็บไซต์อื่นนั้น แสดงว่าเว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือ มีเนื้อหาที่มีคุณภาพ เหมาะกับการนำไปอ้างอิงในเว็บไซต์ต่าง ๆ
Backlink สำคัญยังไง?
ถ้าพูดถึงความสำคัญของการทำ Backlink แน่นอนว่าการจัดอันดับใน Google นับเป็นหนึ่งในความสำคัญหลักของ Backlink ข้อมูลจาก Search Engine Land พบว่า Backlink เป็นปัจจัยสำคัญอันดับ 2 ในการจัดอันดับผลการค้นหาบน Google ดังนั้นการที่เว็บไซต์ของเราถูกลิงก์ด้วย Backlink จึงเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ช่วยให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหาบน Google ได้นั่นเอง
เรียกได้ว่ายิ่งเว็บไซต์อื่นลิงก์มาหาเว็บไซต์ของเรามากเท่าไหร่ก็ยิ่งการันตีว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพและเหมาะกับการขึ้นเป็นอันดับต้น ๆ บน Google มากเท่านั้น นอกจากนี้การที่เว็บไซต์ถูกลิงก์มาก ๆ ยังช่วยให้ธุรกิจของเรากลายเป็นที่รู้จักและที่นึกถึงมากขึ้นในอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับการที่กลุ่มเป้าหมายค้นหาร้านอาหารอิตาลีในกรุงเทพแล้วพบว่าร้านอาหารของคุณมีรีวิวว่าอาหารอร่อย บรรยากาศดี เซอร์วิสดี แน่นอนว่าร้านอาหารของคุณก็จะอยู่ในลำดับต้น ๆ ที่กลุ่มเป้าหมายนึกถึง โดยเป็นไปได้ว่าอนาคตการใช้ Backlink จะมีความนิยมมากยิ่งขึ้น ข้อมูลจาก Aira พบว่า นักการตลาด 92% เชื่อว่า Backlink จะยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ประเภทของ Backlinks มีอะไรบ้าง
Backlink มีด้วยกันหลายประเภท แต่สามารถแบ่งหลัก ๆ ได้เป็น 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
1. Dofollow Backlink

Dofollow Backlink นับเป็น Backlink ประเภทที่เป็นประโยชน์กับการทำ SEO มากที่สุด เนื่องจาก Dofollow Backlink ให้สิทธิ์ Google ในการติดตาม PageRank จากเว็บไซต์ต้นทางไปยังเว็บไซต์ปลายทาง อีกทั้งยังอนุญาตให้โปรโมตความสัมพันธ์ SEO ของเว็บไซต์ที่ลิงก์ไปด้วย
2. Nofollow Backlink

Nofollow Backlink คือ Backlink ประเภทที่ไม่อนุญาตให้มีการติดตาม PageRank ดังนั้นจึงให้ประโยชน์ในการทำ SEO ได้น้อยกว่า Dofollow Backlink โดยปกติ Backlink ประเภทนี้มักจะพบได้ใน Social Media อย่าง Facebook, Twitter, Instagram ซึ่งให้ประโยชน์ในเรื่องการสร้าง Awareness เพิ่มความรู้จักให้กับแบรนด์เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายกลายเป็นลูกค้าในอนาคต
Sponsored Backlink

Sponsored Backlink คือ Backlink ที่ได้มาจากการจ่ายเงินกับเว็บไซต์ต้นทาง ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างของ Sponsored Backlink ที่เราอาจจะรู้จักกันก็คือ Affiliate ลิงก์ในช่องทาง Social Media นั่นเอง
UGC Backlink

User Generated Content Backlink (UGC Backlink) คือ Backlink ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้ใช้งาน (User) เช่น การอ้างอิงเว็บไซต์ของเราในบทความหรือความคิดเห็น โดย Backlink ประเภทนี้ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ให้ประโยชน์กับการทำ SEO
Backlink ที่ดีเป็นยังไง?
- เกี่ยวข้องกับเว็บของเรา
ถ้าลองจินตนาการว่าเราเป็นคนหนึ่งที่ต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับ “คาเฟ่นนทบุรี” เลยคลิกอ่านบทความที่เป็นรีวิวแนะนำคาเฟ่ย่านนนทบุรี แล้วเข้าไปเจอ 2 ลิงก์ ลิงก์หนึ่งคือบทความคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ในนนทบุรีอัปเดตเดือนล่าสุด แต่อีกลิงก์คือลิงก์ของบทความร้านหมาล่า ถ้าเป็นเราคงเลือกที่จะกดลิงก์แรกที่เกี่ยวข้องกับคาเฟ่นนทบุรีอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นการทำ Backlink ที่ดีจึงต้องมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ต้นทาง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาอ่านบทความต้นทางนั้นคลิกอ่านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไปก่อนที่จะกดออกจากบทความนั้น
- เว็บไซต์น่าเชื่อถือ
ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ต้นทางที่เรียกกันว่า Domain Rating (DR) หรือ Domain Authority (DA) ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำ Backlink ที่ดี ดังนั้นเว็บไซต์ต้นทางควรเป็นแบรนด์ที่คนรู้จัก มีค่า Domain Rating (DR) และ Page Rage (PR) ที่สูง ซึ่งปกติค่า DR ที่สูงจะอยู่ที่ 80+ แต่ทั่ว ๆ ไปคือ 50-79 โดยสามารถเช็กค่าพวกนี้ได้โดยใช้ Tool ต่าง ๆ
Backlink Checker (เช็ก Backlink ของเว็บเราและเว็บคู่แข่ง)
อย่างที่กล่าวไปว่าเราสามารถเช็กความน่าเชื่อถือของ Backlink ได้โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ ที่หลากหลาย มาดูกันว่ามีเครื่องมืออะไรบ้าง
Ahrefs

เป็นเครื่องมือ SEO ฟรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีคุณสมบัติครบครัน ทั้งการเช็ก Backlink การวิเคราะห์เว็บไซต์ การทำ Keyword Research ประโยชน์ของการใช้เครื่องมือนี้ก็คือสามารถเช็ก Backlink ได้ไม่จำกัด ซึ่งเราสามารถเช็ก Backlink คู่แข่งของเราได้เช่นกัน โดยเครื่องมือนี้จะแสดง Rating ของเว็บที่เราค้นหาให้ดูว่าได้กี่คะแนนเต็ม 100 สามารถใช้งานได้โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ จากนั้นใส่เว็บที่ต้องการเช็ก แล้วก็กด Check Backlinks เพียงเท่านี้เราก็สามารถดูรายงาน Backlink ทั้งหมดได้
Neil Patel Backlinks Checker

อีกเครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ฟรี โดยเราสามารถใช้เพื่อเช็ก Backlink ในเว็บไซต์ของใครก็ได้ที่ต้องการได้เช่นเดียวกันกับ Ahrefs ดังนั้นจึงเป็นเครื่องมือที่เป็นที่นิยมสำหรับนักการตลาดที่ต้องการทำ Backlink ที่ดี และต้องการเช็ก Backlink ในเว็บไซต์ของคู่แข่งนั่นเอง สามารถใช้งานได้โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ จากนั้นใส่เว็บที่ต้องการเช็ก แล้วก็กด Submit เพื่อดูรายงาน Backlink
Google Search Console

เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถตรวจสอบ Backlink ของเว็บไซต์ตัวเองได้ แต่จะต้องมีการยืนยันตัวตนว่าตนเองเป็นเจ้าของเว็บไซต์ที่แท้จริงก่อน ต่างจากเครื่องมือสองอันด้านบน การใช้งานให้เข้าไปที่เว็บไซต์ โดยเครื่องมือจะแสดง Top Linked Pages บอกว่าหน้าไหนที่มีคนลิงก์มาหาเยอะที่สุด Top Linking Sites ดูว่าเว็บไซต์ไหนที่ลิงก์มาเยอะที่สุด และ Top Linking Text ดูว่าคนลิงก์มาหาเราด้วยคำไหนเยอะที่สุด
วิธีสร้าง Backlink

- เขียนคอนเทนต์ให้ดี
อย่างที่ใคร ๆ เคยบอกว่า Content is King การมีคอนเทนต์ที่ดี มีคุณภาพ แน่นอนว่ามีชัยไปมากกว่าครึ่ง ดังนั้นเรื่องของ Keyword จึงเป็นสิ่งที่นักการตลาดต้องคำนึงถึง เพราะถ้าใช้ Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหาก็จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงบทความของเราได้ง่ายขึ้น โดยอาจใช้เครื่องมืออย่าง Mandala Analytics เพื่อหา Keyword ที่ใช่สำหรับการนำมาเขียนบทความ ทำคอนเทนต์ หรือสรุปได้ว่าควรหา Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหามากที่สุดในช่วงเวลาต่าง ๆ นั่นเอง แต่อีกสิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือการตั้งคำถามกับตนเองว่าผู้อ่านจะได้อะไรจากการอ่านบทความของเรา แม้จะเป็นคอนเทนต์ที่เป็นไวรัลใน Social Media แต่อ่านแล้วไม่ได้ประโยชน์ก็ยากต่อการที่เว็บไซต์จะติดอันดับต้น ๆ ซึ่งการที่เราพยายามดันให้เว็บไซต์ติดอันดับแรกก็จะช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ เพราะคนส่วนมากมักจะเลือกคลิกลิงก์เว็บไซต์ที่อยู่อันดับต้น ๆ ของคำค้นหานั้น ๆ
- เน้นคอนเทนต์เกี่ยวกับสถิติ
คอนเทนต์ที่เป็นที่นิยมในการค้นหาอยู่เป็นประจำแน่นอนว่าหนีไม่พ้นคอนเทนต์ที่เป็นประเภทสถิติ อาจจะเป็นการรวบรวมสถิติที่กำลังเป็นที่นิยมกันในปี 2024 เนื่องจากนักการตลาดจำเป็นต้องอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำการตลาดทุกปี การทำคอนเทนต์ที่รวบรวมสถิติต่าง ๆ ก็จะช่วยให้นักการตลาดสามารถหาข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยควรใส่แหล่งที่มาที่น่าเชื่อถืออย่างชัดเจนและคัดเลือกสถิติที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับ Keyword เท่านั้น
- ติดต่อไปเว็บไซต์อื่น (Outreach Strategy)
การติดต่อไปเว็บไซต์อื่นไม่ใช่การที่อยู่ ๆ ทักไปขอให้เขาติดลิงก์มาที่เว็บไซต์เราแต่อย่างใด แต่สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาดูว่ามีเว็บไซต์ไหนที่เขียนคอนเทนต์ที่มีชื่อของแบรนด์เรา แต่ไม่ได้ลิงก์ไปที่เว็บไซต์ของเราไหม ถ้าหาเจอก็อาจลองขอให้เขาให้ช่วยใส่ลิงก์มาที่เว็บไซต์ของเรา หรืออาจจะเป็นการเข้าไปช่วยเขียนบทความให้เว็บไซต์ต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือโดยที่ไม่เก็บค่าจ้างจากการเขียนบทความนั้น
Backlink ยังสำคัญอยู่ไหมสำหรับการทำ SEO ในปี 2024
แม้ Backlink จะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการทำ SEO และไม่ใช่ทุกคนที่นิยมใช้ Backlink ในการทำ SEO แต่อย่างที่ได้กล่าวไปก็คือ Backlink ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่นักการตลาดยุคใหม่ รวมถึงคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจควรให้ความสำคัญและลงทุนกับเรื่องนี้ เพราะนอกจากจะช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นแล้ว ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์และสร้างโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายสามารถรู้จักแบรนด์ของคุณได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย