Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

กลยุทธ์ Blue Ocean คือ? Red Ocean คือ? ต่างกันอย่างไร? พร้อมเคสตัวอย่างระดับโลก

กลยุทธ์ Blue Ocean คือ? Red Ocean คือ? ต่างกันอย่างไร? พร้อมเคสตัวอย่างระดับโลก

ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจที่ดุเดือด ทำอย่างไรเราถึงจะเป็นผู้ที่ยืนอยู่เหนือน่านน้ำทะเลที่จะไม่มีใครฉุดลงได้ แล้วถ้าหากมี Red Ocean และ Blue Ocean เป็นตัวเลือก คุณอยากจะพาธุรกิจกระโดดลงไปที่ไหนมากกว่ากัน วันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกลยุทธ์น่านน้ำหลากสี หรือ Ocean Strategy ที่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการทำธุรกิจในยุคนี้กัน หาคำตอบด้วยกันว่า Blue Ocean Strategy คือกลยุทธ์แบบไหน แล้วมีความแตกต่างกับ Red Ocean Strategy อย่างไร ไปอ่านต่อพร้อม ๆ กันเลย

red ocean blue ocean คือ

Blue Ocean Strategy คืออะไร?

Blue Ocean คือ แนวคิดในการสร้างพื้นที่การแข่งขันใหม่ที่ไม่มีคู่แข่ง หรือพื้นที่ทางธุรกิจที่มีความต้องการซื้อของลูกค้าเยอะ แต่ไม่มีคนตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้ โดยมุ่งเน้นการสร้างความแตกต่างของสินค้าและบริการ เช่น คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ราคา การจัดส่ง การบริการลูกค้า เป็นต้น

ยกตัวอย่างธุรกิจบลูโอเชียนอย่าง Apple ที่เปิดตลาดด้วยการสร้างพื้นที่ใหม่ พร้อม ๆ กับการสร้างความแตกต่างจากโทรศัพท์มือถือทั่วไปในตลาด ทำให้แบรนด์ Apple ไม่เพียงแต่เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟน แต่เป็นแบรนด์ที่สร้างภาพจำว่าเป็นบริษัทแห่งโลกของเทคโนโลยี

Red Ocean Strategy คืออะไร?

Red Ocean คือ พื้นที่ทางธุรกิจที่มีการแข่งขันดุเดือดที่สุด โดยเป็นการทำธุรกิจในสายอุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูง ในขณะเดียวกันคู่แข่งก็เยอะเช่นกัน ตลาดแบบนี้เราจะเรียกว่า Red Ocean ซึ่งเป็นตลาดส่วนใหญ่ที่มีบนโลกธุรกิจนั่นเอง

ยกตัวอย่างธุรกิจ Red Ocean อย่างเช่นพวกธุรกิจ FMCG หรือที่ย่อมาจาก Fast-Moving Consumer Goods สินค้าอุปโภคบริโภคที่ถูกซื้อมาและขายไปอย่างรวดเร็ว หลายแบรนด์มักจะสู้ด้วยการลดราคา หรือถ้าพูดให้เห็นภาพและเป็น Red Ocean ที่พบได้ในปัจจุบันนี้คือธุรกิจคาเฟ่ ที่เดินไปไหนก็เจอ ทำให้หลายแบรนด์ได้ล้มหายตายจากไปจากตลาดนี้เรื่อย ๆ

วิธีตั้งคำถาม ภายใต้แนวคิด ERRC Framework

1. กำจัด (Eliminate)

ตั้งคำถามว่า ‘ปัจจัยใดที่อุตสาหกรรมมองว่าควรถูกกำจัดออกไป?’ การที่องค์กรพิจารณาถึงสิ่งที่จำเป็นและสิ่งที่ไม่มีความจำเป็น จะทำให้เราสามารถหยิบต้นทุนเหล่านั้นมาพัฒนาส่วนอื่นแทนโดยไม่เสียเวลากับสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น ในอดีตเคยมีผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่สร้างความแตกต่างได้ดี แต่ในยุคปัจจุบันสิ่งเหล่านี้อาจะเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไปแล้ว

2. ลด (Reduce)

‘ปัจจัยใดบ้างที่ควรลดให้ต่ำกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม?’ คำถามนี้ถูกถามเพื่อผลักดันให้คุณเห็นว่าสินค้าหรือบริการมีจุดไหนที่สร้างต้นทุนโดยไม่ได้รับผลกำไร เช่น บริการด้านดูแลลูกค้า หากจำเป็นต้องลด คุณจะลดอย่างไร? บริษัทคุณเป็นองค์กรที่เน้นการสร้างบริการโดยตรงหรือไม่ หรือการลดต้นทุนในการปรับเปลี่ยน Packaging จากบริษัทผลิตน้ำดื่มขวดแก้ว ปรับเปลี่ยนเป็นขวดพลาสติก เป็นต้น

3. ยกระดับ (Raise)

ต่อมาให้ลองคิดว่า ‘ปัจจัยใดที่ควรยกระดับให้สูงกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรม?’ พิจารณาว่าผู้ซื้อต้องการอะไรมากกว่าข้อเสนอมาตรฐานที่ธุรกิจในตลาดมอบให้ อยากให้ลองมองว่าการทำให้ตรงกับมาตรฐานเป็นเรื่องที่ดี แต่การทำให้ดีกว่าก็เป็นเรื่องที่ท้าทายและไม่ค่อยมีใครกล้าทำ นี่จึงเป็นโอกาสที่คุณสามารถหยิบยกขึ้นมาคิดต่อ เพื่อยกระดับสินค้าและบริการให้กับแบรนด์ของคุณ

4. สร้างใหม่ (Create)

คำถามสุดท้ายคือ ‘คุณจะสร้างอะไรที่อุตสาหกรรมนี้ไม่เคยมีมาก่อน?’ แม้ว่าจะเป็นคำถามที่ค่อนข้างหิน แต่หากคุณตอบคำถามนี้ได้ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณเจอข้อมูลใหม่ ๆ และสร้างความต้องการใหม่โดยการเปลี่ยนคนที่ไม่ใช่ลูกค้าให้เป็นลูกค้าของคุณได้โดยปริยาย

ตัวอย่างกรณีศึกษาที่ทรงพลังอย่าง Marvel ในการย้ายจาก Red Ocean สู่ Blue Ocean ได้สำเร็จ

Marvel เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของธุรกิจที่เคยอยู่ Red Zone สู่ Blue Zone ได้สำเร็จ หากพิจารณาจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในทศวรรษที่ผ่านมา ค่าย Marvel พุ่งทะยานขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ของชาร์ตรายได้ที่ทำรายได้สูงสุด 5 เรื่องตลอดกาล แต่ก่อนที่ Marvel จะเป็นจักรวาลอันรุ่งโรจน์อย่างที่เห็น รู้หรือไม่ว่าบริษัทเคยล้มละลาย และมีหนี้สินกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาแล้ว ไปไล่ไทม์ไลน์ว่าบริษัทใช้ Blue Ocean Strategy อย่างไรให้กลับมาผงาดได้อีกครั้ง

  • ไทม์ไลน์ช่วงปีแรก ๆ ของ Marvel – Marvel เป็นบริษัทหนังสือการ์ตูน ที่มีตัวละครที่รู้จักกันดีเพียงตัวเดียวคือ ‘กัปตันอเมริกา’ บริษัทพลิกโฉมจากที่เคยมุ่งเน้นเฉพาะเด็ก ๆ เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นนักศึกษาวิทยาลัยที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่แรก โดยคิดค้นตัวละครที่มีพื้นเพตัวละครเป็นมนุษย์ทั่วไป แต่มีความเป็นฮีโร่ในขณะเดียวกัน ได้แก่ Spider Man, The Hulk และ Iron Man 
  • Red Ocean: ช่วงปี 1980 ฝ่ายบริหารได้เงินมหาศาล แต่กลับพาธุรกิจเข้าสู่ Red Zone ด้วยเข้าไปไล่เทคโอเวอร์บริษัทบันเทิงที่เล็กกว่า ไม่นานอุตสาหกรรมหนังสือการ์ตูนก็อยู่ในช่วงขาลง ทำให้ Marvel ตกที่นั่งลำบาก พร้อมกับหนี้มหาศาล
  • การเคลื่อนไหวของ Marvel
    • Peter Cuneo ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น CEO
    • ในช่วงที่บริษัทไม่เหลืออะไร ทำให้ต้องเลือกเอาสินทรัพย์ทางปัญญาอย่างลิขสิทธิ์ฮีโร่ต่าง ๆ ไปทำผลิตภัณฑ์ขายตั้งแต่ของเล่น เกม ไปจนถึงการทำเป็นภาพยนตร์
    • ค่ายหนังต่าง ๆ ได้ซื้อฮีโร่ของ Marvel ไปทำหนัง และประสบความสำเร็จ ทำให้ Marvel ตระหนักถึงเส้นทางต่อไปของตัวเองในฐานะของบริษัทภาพยนตร์
    • ปี 2009 Disney เข้าซื้อกิจการด้วยมูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์
    • กลยุทธ์ที่สำคัญ การเข้าสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างเต็มตัว จนเกิด Marvel Cinematic Universe หรือการสร้างหนังหลาย ๆ เรื่องที่มีความเกี่ยวพันกันในที่สุด
    • การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ของ Marvel ไม่เพียงแต่เข้าสู่สนามใหม่ แต่ยังสร้างสนามนั้นขึ้นใหม่เพื่อสร้าง Blue Ocean ให้แบรนด์ตัวเองอีกด้วย
  • ERRC Framework ที่ Marvel ใช้
    • Eliminate: กำจัดการบริหารงานที่ไม่จำเป็น ลดต้นทุนคน
    • Reduce: ลดต้นทุนนักแสดง ลดการจัดการระดับกลาง
    • Raise: ยกระดับสินค้า การสร้าง Storytelling ที่เชื่อมโยงกัน พร้อม ๆ กับการสร้างคุณค่าให้กับรูปแบบการผลิตภาพยนตร์
    • Create: สร้างจักวาลของตัวเอง เน้นความคิดสร้างสรรค์

สรุปกลยุทธ์ของ Red Ocean และ Blue Ocean

แล้วคุณตัดสินใจได้หรือยังว่าจะใช้กลยุทธ์ Red Ocean หรือ Blue Ocean?

ไม่ว่าคุณจะพาธุรกิจเข้าสู่ตลาดแบบไหน ย่อมมีความเสี่ยงสูงอยู่ทุกที่ ปัญหาต่อไปที่ควรคิดคือการลดความเสี่ยงเหล่านั้นให้เหลือน้อยที่สุด ถ้าคุณมีไอเดียดี ๆ อยู่ในหัวแล้ว อย่าลืมสำรวจตลาดต่อว่าสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการทั้งในทางตรงและทางอ้อมคืออะไร? เก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ ด้วยการใช้เครื่องมือของนักการตลาดสมัยใหม่อย่าง Social Listening Tools ตามเทรนด์และกระแสสังคมได้แบบเรียลไทม์ พร้อมการวิเคราะห์หาข้อมูลเชิงลึก ที่จะช่วยให้คุณตัดสินได้ว่าจะใช้กลยุทธ์ Red Ocean หรือ Blue Ocean กับธุรกิจของคุณดี

mandala ai ฟรี
  • หมวดหมู่ :
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.