ยิ่งโลกออนไลน์พัฒนาไปไกลแค่ไหน กลยุทธ์การตลาดก็ยิ่งต้องปรับตัวให้ทัน เพราะเทรนด์ของผู้บริโภคไม่เคยหยุดนิ่ง และหนึ่งในกลยุทธ์ที่มาแรงสุด ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็คือ “Fandom Marketing”
อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการท่านไหนยังไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน ก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะบทความนี้จะมาอธิบายให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นว่า Fandom Marketing คืออะไร ไปจนถึงตัวอย่างการใช้จริงของแบรนด์ระดับโลก ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำเกร็ดความรู้นี้ไปใช้ร่วมกับเครื่องมือ Mandala Analytics จาก Mandala AI เพื่อสร้าง Fandom Marketing ที่ตอบโจทย์ธุรกิจตัวเองได้ฟรี ติดตามเลย
ใช้ Mandala AI ตัวช่วยทำการตลาดออนไลน์
Fandom Marketing คืออะไร
ก่อนที่จะไปถึงส่วนของกลยุทธ์การทำ Fandom Marketing จำเป็นที่จะต้องเข้าใจเสียก่อนว่าคำว่า “Fandom” ที่ได้ยินกันทั่วบ้านทั่วเมืองในช่วงนี้มีความหมายว่าอะไร
อธิบายแบบรวบรัด Fandom คือกลุ่มคนที่หลงใหลในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นพิเศษ เช่น ศิลปิน ภาพยนตร์ ซีรีส์ แบรนด์สินค้า เกม การ์ตูน เป็นต้น โดยพวกเขามักจะรวมตัวกันเพื่อแบ่งปันความรักและความหลงใหลในสิ่งนั้น ๆ ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ เป็นต้น
ดังนั้น Fandom Marketing จึงหมายถึงกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างความสัมพันธ์และมีส่วนร่วมกับชุมชนแฟนคลับของแบรนด์ โดยการทำให้พวกเขารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ มีปฏิสัมพันธ์และมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ ผูกพัน และภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว
ประโยชน์ของการทำ Fandom Marketing
- สร้างการรับรู้และความสนใจ: ชุมชนแฟนคลับมักมีขนาดใหญ่ และทุกคนต่างก็มีแพชชั่นเปี่ยมล้นที่จะแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ให้แก่ผู้อื่น ดังนั้นการทำ Fandom Marketing จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้าง Awareness
- สร้างความสัมพันธ์และมีส่วนร่วม: การทำ Fandom Marketing ช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อกับแฟนคลับในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยการสร้างความสัมพันธ์และมีส่วนร่วมกับพวกเขาผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ของแบรนด์
- กระตุ้นยอดขาย: แฟนคลับมักมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าของแบรนด์ที่พวกเขาหลงใหลได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นการทำ Fandom Marketing จึงสามารถช่วยกระตุ้นยอดขายให้แบรนด์ได้
5 กลยุทธ์การทำ Fandom Marketing ของแบรนด์ระดับโลก
Star Wars
Star Wars เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ด้วยฐานแฟนคลับขนาดใหญ่และเหนียวแน่นมาตลอดหลายทศวรรษ โดยเคล็ดลับแห่งความสำเร็จคือการที่ Star Wars เข้าใจดีว่าแฟนคลับชื่นชอบอะไร จึงสร้างสรรค์เนื้อหาที่ตอบสนองความสนใจของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ เกม ของเล่น รวมไปถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ในจุดนี้ก็ถือเป็นดาบสองคมเช่นกัน เพราะกลยุทธ์ที่เคยได้ผลมาตลอด ระยะหลังกลับเริ่มให้ผลตรงข้าม เนื่องจากแฟนคลับไม่ชอบเรื่องราวในภาค 7-9 เท่าไรนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Star Wars คือหนึ่งในผลลัพธ์กลยุทธ์การทำ Fandom Marketing ที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาล
Harry Potter
อีกหนึ่ง Fandom ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ Star Wars ก็คงต้องยกให้กับเรื่องราวของพ่อมดน้อย Harry Potter ที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนอกจากความสนุกสนานของหนังสือและภาพยนตร์แล้ว กลยุทธ์การทำ Fandom Marketing ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะทำฝันของแฟนคลับทุกคนให้เป็นจริงด้วยการสร้าง Harry Potter: Hogwarts Legacy เกมที่มอบประสบการณ์ในโลกของ Harry Potter ได้อย่างสมจริง รวมถึงสวนสนุกธีม Harry Potter ที่เป็นหมุดหมายให้เหล่าแฟนคลับทั่วโลกต้องไปเยือนสักครั้ง
BTS
เมื่อพูดถึงคำว่า Fandom หากขาดเหล่า Army แฟนคลับของวง BTS ไป บทความนี้คงไม่สมบูรณ์ และเนื่องจากพลังแฟนคลับของบอยแบนด์กลุ่มนี้ยิ่งใหญ่มาก ดังนั้น จึงมีกลยุทธ์การทำ Fandom Marketing ที่ประสบความสำเร็จมากมาย เช่น แคมเปญ “BTS x McDonald’s” แคมเปญ “BTS x Samsung” และแคมเปญ “BTS x Louis Vuitton” โดยสามารถสร้างยอดขายให้แบรนด์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
แต่กว่าจะสร้าง Fandom ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ BTS ก็เติบโตมาจากการให้ความสำคัญกับการสร้างอัตลักษณ์ที่แข็งแกร่งและโดดเด่น โดยพวกเขามีจุดยืนที่ชัดเจนในประเด็นต่าง ๆ และมักใช้ดนตรีและบทเพลงในการส่งต่อข้อความเชิงบวกและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่แฟน ๆ สิ่งนี้ทำให้แฟนคลับรู้สึกผูกพันและพร้อมที่จะสนับสนุน BTS ในทุก ๆ ทาง
Nike
Nike แบรนด์อุปกรณ์กีฬายักษ์ใหญ่ของโลกอาจจะไม่ได้มีกลุ่ม Fandom ที่เหนียวแน่นเหมือนเหล่าศิลปิน แต่กลยุทธ์การทำ Fandom Marketing คือการที่ Nike จะเลือกร่วมงานกับศิลปินหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงที่มีกลุ่มแฟนคลับเหนียวแน่นและตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ ตัวอย่างเช่น การร่วมงานระหว่าง Nike และ G-Dragon ศิลปินเกาหลีชื่อดัง ในการเปิดตัวคอลเลกชันรองเท้า Air Force 1 คอลเลกชันนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม กลายเป็นสินค้าแรร์ไอเทมที่เหล่าแฟนคลับต่างแย่งกันซื้อ
อยากสร้าง Fandom Marketing ให้สำเร็จ แค่กลยุทธ์ในตำราย่อมไม่เพียงพอ อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องมีคือ Insight ของกลุ่มคอมมิวนิตีเป้าหมาย ซึ่งสามารถรู้ได้ง่าย ๆ เพียงใช้ Mandala Analytics โซลูชันในการทำ Social Listening จาก Mandala AI
ใช้ Mandala AI ตัวช่วยทำการตลาดออนไลน์
Taylor Swift
ทำไมคอนเสิร์ต Taylor Swift ณ สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ที่มีความจุมากกว่า 70,000 ที่นั่ง ถึงประกาศจัดกี่รอบก็เต็มทุกรอบภายในไม่กี่นาที?
ทำไมอัลบั้มเพลงเก่า ๆ ที่ปล่อยออกมาใหม่ในรูปแบบ Taylor’s Version หลายเพลงจึงมียอดสตรีมแซงหน้าเพลงเดิมไปภายในไม่กี่วัน?
คำตอบของคำถามเหล่านี้มีเพียงข้อเดียว นั่นก็คือ Taylor Swift มีกลุ่ม Fandom ที่แข็งแกร่งมาก ๆ นี่คือกลุ่มแฟนคลับที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใกล้ชิดศิลปินในดวงใจ หรือต่อให้ไม่ได้เจอ แต่ถ้าพอทำอะไรให้เธอมีความสุขได้ ก็ยินดีที่จะทำ และแน่นอนว่าความเหนียวแน่นระดับนี้ไม่ได้เกิดจากเรื่องบังเอิญ แต่มาจากการผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกันมากมาย เพราะต้องยอมรับว่าตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Taylor Swift ต้องประสบเรื่องร้าย ๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เธอก็ยังยืนหยัดอยู่ข้างแฟนคลับ และแฟนคลับก็ไม่ทิ้งเธอให้โดดเดี่ยวเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผลลัพธ์จึงเป็นความผูกพันอันลึกซึ้ง นำไปสู่หนึ่งในกลยุทธ์การทำ Fandom Marketing ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล
สร้างกลยุทธ์การทำ Fandom Marketing ที่ได้ผล ด้วยตัวช่วยจาก Mandala AI
ถึงตรงนี้ เมื่อทราบแล้วว่า Fandom Marketing คืออะไร ส่งผลดีอย่างไรกับธุรกิจ ดังนั้น หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจอยากปรับเปลี่ยนธุรกิจให้รับกับเทรนด์นี้ แนะนำ Mandala AI ผู้ให้บริการเครื่องมือ Mandala Analytics โซลูชันในการทำ Social Listening นำข้อมูลซึ่งผู้คนแสดงความคิดเห็นในรูปแบบต่าง ๆ ไว้ตามโซเชียลมีเดีย
มาวิเคราะห์เพื่อหาเจตนาที่แท้จริงว่า ตอนนี้ภาพรวมของตลาดกำลังต้องการอะไร ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนกลยุทธ์ สร้างคอนเทนต์การตลาด เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ผู้ประกอบการธุรกิจในยุคดิจิทัล ทดลองใช้งานฟรีได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ของเรา หรือติดต่อเพื่อปรึกษาเราได้เลย
ใช้ Mandala AI ตัวช่วยทำการตลาดออนไลน์
