Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

แนวคิด Brand Archetype คือ? 12 ประเภท พร้อมเทคนิคหาตัวตนให้เจอ 

แนวคิด Brand Archetype คือ? 12 ประเภท พร้อมเทคนิคหาตัวตนให้เจอ 

ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องดื่ม คุณนึกถึงแบรนด์อะไร? แล้วถ้าพูดถึงแบรนด์เสื้อผ้า คุณนึกถึงแบรนด์อะไร? แน่นอนว่าคำตอบนั้นจะต้องมีเพียงแค่ 1-2 แบรนด์ที่โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่น ๆ ในด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น คุณถึงสามารถจดจำได้ดี แต่ไม่ใช่ทุกแบรนด์ที่จะสามารถเป็นที่จดจำของลูกค้าได้ในยุคที่ธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน ความท้าทายหนึ่งของทุกธุรกิจคงหนีไม่พ้น “การทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้” ดังนั้น การใช้แนวคิด “Brand Archetype” จึงเป็นเรื่องที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญ

Brand Archetype คืออะไร?

Brand Archetype คือ แนวคิดทางการตลาดที่ถูกพัฒนามาจากนักจิตวิทยาระดับโลกอย่าง Carl Jung ซึ่งมักจะถูกใช้ในการกำหนดบุคลิกหลักของแบรนด์ พูดง่าย ๆ ก็คือเปรียบเสมือนการสร้างตัวตนให้กับแบรนด์ซึ่งเป็นมากกว่าแค่โลโก้และสโลแกน แต่เป็นการแสดงถึงคุณค่า ค่านิยม และอารมณ์ของแบรนด์นั้น ๆ 

Brand Archetype สร้างอารมณ์ให้กับธุรกิจอย่างไร 

อย่างที่ได้เล่าไปว่า Brand Archetype นั้นแสดงให้เห็นถึงคุณค่า ค่านิยม ความเชื่อ รวมถึงอารมณ์ของแบรนด์และธุรกิจเหล่านั้น โดยสามารถสร้างอารมณ์ให้กับธุรกิจได้โดย

  • ช่วยสร้างการเชื่อมต่อทางอารมณ์:  การใช้แนวคิด Brand Archetype ช่วยให้แบรนด์สร้างเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับลูกค้าได้โดยตรง เมื่อลูกค้าอินกับเรื่องราวเหล่านั้นก็จะช่วยกระตุ้นอารมณ์และสร้างความรู้สึกผูกพันระหว่างลูกค้าและแบรนด์
  • เชื่อมโยงกับจิตใต้สำนึก: Brand Archetype เน้นในด้านความเชื่อและค่านิยมของแบรนด์ ทำให้สามารถดึงดูดผู้คนที่มีความเชื่อและแนวคิดเดียวกันกับแบรนด์ได้
  • สร้างความแตกต่าง: Brand Archetype ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างตัวตนที่ชัดเจน แตกต่าง และโดดเด่นจากคู่แข่ง
  • สร้างความน่าเชื่อถือ: แนวคิดนี้ช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือผ่านการใช้บุคลิกที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ทำให้สามารถดึงดูดลูกค้าได้

12 ประเภท Brand Archetype สื่อตัวตนของแบรนด์ให้ชัดเจน

1. Innocent (แบรนด์แห่งความบริสุทธิ์)

บุคลิกของ Innocent คือ แบรนด์ที่มุ่งเน้นความเรียบง่าย บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา มีลักษณะสินค้าและบริการที่เป็นมิตร อ่อนโยน และน่าเชื่อถือ ส่วนใหญ่มักเป็นแบรนด์ที่เกี่ยวกับธรรมชาติ ความปลอดภัย ความสุข และความเมตตาต่อผู้บริโภค

ตัวอย่างแบรนด์: 

  • Johnson & Johnson: แบรนด์จำหน่ายของใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง สบู่ แชมพู ยาสีฟัน ซึ่งสินค้าที่เรามักจะคุ้นตาก็คือสินค้าสำหรับเด็ก ทำให้มีภาพลักษณ์เป็นแบรนด์แห่งความบริสุทธิ์ที่สื่อถึงความอ่อนโยน ปลอดภัย เหมาะกับทุกวัย
  • SK-II: แบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น ให้ความสำคัญกับส่วนผสมที่เน้นความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ เพื่อมอบผิวสวยใสให้กับผู้ใช้อย่างเป็นธรรมชาติ
  • Ben & Jerry’s: บริษัทผลิตไอศกรีมหลากหลายรสชาติ ที่เน้นให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ และความเป็นมิตรทั้งต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม 

2. Explorer (แบรนด์แห่งความอิสระ)

บุคลิกประเภทนี้คือแบรนด์ที่มุ่งเน้นการผจญภัย การเดินทาง การค้นพบสิ่งใหม่ ๆ  ประสบการณ์ใหม่ ๆ ความเป็นอิสระ มักเป็นแบรนด์ที่รักในการมอบประสบการณ์การผจญภัยและความอิสระให้กับลูกค้า โดยมองหาการเริ่มต้นใหม่ การสำรวจ และการผจญภัยที่ท้าทาย

ตัวอย่างแบรนด์: 

  • Patagonia: แบรนด์ผลิตผลิตภัณฑ์กิจกรรมกลางแจ้งที่เน้นการสร้างสรรค์ประสบการณ์การเดินทางและการผจญภัยอันสร้างสรรค์
  • Airbnb: แพลตฟอร์มการจองที่พักที่ให้ความอิสระและประสบการณ์การเข้าพักที่ไม่เหมือนใคร สร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งาน
  • Jeep: รถยนต์ออฟโรดที่แสดงถึงความเสรีภาพและการผจญภัย ที่เน้นการสำรวจสิ่งแวดล้อมและการเดินทางไกลในทุกสภาพอากาศและถนนที่ท้าทาย

3. Sage (แบรนด์แห่งความรู้)

มักเป็นแบรนด์ที่มีบุคลิกเป็นเหมือนผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ หรือผู้ให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือ เน้นการให้ความรู้และคำปรึกษาที่มีคุณค่าและมีประสิทธิภาพมักเป็นธุรกิจด้านการศึกษาหรือเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ให้ความรู้เฉพาะด้าน

ตัวอย่างแบรนด์: 

  • TED Talks: แพลตฟอร์มการแชร์ความรู้และประสบการณ์ที่มีประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
  • National Geographic: สื่อบันเทิงและการเรียนรู้ที่เน้นการสร้างความรู้และความเข้าใจในเรื่องธรรมชาติ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม
  • Harvard Business Review: ตีพิมพ์ที่เน้นเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และทันสมัยในเรื่องการบริหารจัดการและความรู้ในด้านธุรกิจและองค์กร

4. Hero (แบรนด์แห่งความกล้าหาญ)

บุคลิกของแบรนด์ที่มุ่งเน้นในเรื่องความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น ความสำเร็จ  มักเกี่ยวข้องกับวีรบุรุษ ความแข็งแกร่ง และความเป็นผู้นำ มักเป็นแบรนด์ที่มีความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับความท้าทาย

ตัวอย่างแบรนด์: 

  • Nike: แบรนด์สปอร์ตที่เน้นการสร้างแรงบันดาลใจและความกล้าหาญในการท้าทายความสามารถของตนเอง
  • GoPro: บริษัทผลิตกล้องแอ็กชันที่เน้นการบันทึก แชร์ประสบการณ์ที่ตื่นเต้นและกล้าหาญ
  • Red Bull: แบรนด์เครื่องดื่มที่เน้นการสนับสนุนกีฬาและกิจกรรมสุดโลก ซึ่งเสนอประสบการณ์ที่ท้าทาย และเต็มไปด้วยความสนุกสนานแก่ผู้บริโภค

5. Outlaw (แบรนด์แห่งการต่อต้าน)

บุคลิกแบบต่อต้านเหมาะสำหรับแบรนด์ที่มุ่งเน้นความเป็นอิสระ การต่อต้าน การแหกกฎ มักเกี่ยวข้องกับความแตกต่าง ความท้าทาย และความเป็นตัวของตัวเอง

ตัวอย่างแบรนด์:

  • Harley-Davidson: แบรนด์รถจักรยานยนต์ที่เน้นความเสรีภาพและวัฒนธรรมของการเดินทาง ซึ่งเน้นแข็งแกร่งและเป็นเอกลักษณ์
  • Vans: แบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้าที่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์และเน้นการแสดงออกตัวตนในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร
  • Urban Decay: แบรนด์เครื่องสำอางที่เน้นความสดใหม่และสร้างสรรค์ที่ไม่เป็นไปตามลำดับ ซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ต่างกันจากแบรนด์เครื่องสำอางทั่วไป

6. Magician (แบรนด์แห่งความมหัศจรรย์)

บุคลิกของแบรนด์ที่มุ่งเน้นความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม ความแปลกใหม่ มักเกี่ยวข้องกับจินตนาการ ความฝัน และแฟนตาซี

ตัวอย่างแบรนด์:

  • Disney: แบรนด์บันเทิงที่เน้นการสร้างประสบการณ์ที่มหัศจรรย์และการนำเสนอเรื่องราวที่เราฝันถึงในวัยเยาว์
  • Apple: แบรนด์เทคโนโลยีที่เน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่น่าทึ่ง นวัตกรรมที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนใครในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
  • Cirque du Soleil: แบรนด์การแสดงสุดอัจฉริยะที่สร้างประสบการณ์การแสดงที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ และการนำเสนอแบบไม่เหมือนใคร

7. Lover (แบรนด์แห่งความรัก)

แบรนด์ที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์และความผูกพันที่ดีระหว่างลูกค้าและแบรนด์ เน้นความอบอุ่น ร่วมมือ และความเข้าใจต่อกัน มุ่งเน้นความรัก ความโรแมนติก ความสัมพันธ์ มักเกี่ยวข้องกับความสวยงาม

ตัวอย่างแบรนด์:

  • Hallmark: แบรนด์ของบริษัทการ์ดที่เน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและความสุขในครอบครัวและเพื่อนสนิท
  • Tiffany & Co.: แบรนด์เครื่องเงินและเพชรที่เน้นการสร้างประสบการณ์แห่งความรักและความผูกพันที่แข็งแกร่ง ในความหมายของการขอแต่งงานหรือของขวัญพิเศษ
  • Godiva: แบรนด์ขนมหวานที่เน้นการแสดงความรักและความอบอุ่นผ่านการให้ของขวัญหรือแชร์กับคนพิเศษในชีวิต

8. Jester (แบรนด์แห่งความขันและความสนุกสนาน)

มักเป็นแบรนด์ที่เน้นการสร้างประสบการณ์ที่มีความสนุกสนานและส่งเสริมความรื่นเริงแก่ลูกค้า มีลักษณะเป็นมิตร ธุรกิจมักเกี่ยวข้องกับความบันเทิงและการแสดงความคิดเห็นที่ไร้ขีดจำกัด

ตัวอย่างแบรนด์:

  • M&M’s: เป็นที่รู้จักทั่วโลกอย่างแบรนด์ขนมอมยิ้มที่เน้นความสนุกสนานและความตลกขบขัน
  • LEGO: ของเล่นที่ช่วยปลดปล่อยจินตนาการของทุกเพศ ทุกวัย เพิ่มความสนุกสนานในชีวิตของลูกค้าอย่างไร้ขีดจำกัด
  • Snapchat: แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียที่เน้นการถ่ายภาพและวิดีโอ สื่อถึงความบันเทิง

9. Everyman (ผู้เป็นตัวแทนของคนทั่วไป)

แบรนด์ที่เน้นความเรียบง่าย จริงใจ เข้าถึงง่าย เน้นการเชื่อมโยง และสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนทั่วไปในสังคม โดยมักแสดงให้เห็นถึงคุณค่าและประสิทธิภาพของสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับผู้คนทั่วไป

ตัวอย่างแบรนด์:

  • Coca-Cola: แบรนด์เครื่องดื่มที่เน้นการสร้างความสุขและเชื่อมโยงกับประสบการณ์ชีวิตของคนทั่วไป
  • McDonald’s: แบรนด์อาหารฟาสต์ฟู้ดที่เน้นการให้บริการอาหารที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและเหมาะสมกับทุกคน
  • Toyota: แบรนด์รถยนต์ที่เน้นความเชื่อถือได้และความเหมาะสมกับความต้องการของผู้คนทั่วไป

10. Creator (ผู้สร้างสรรค์)

แบรนด์ที่มุ่งเน้นความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม ความแปลกใหม่ นำเสนอสินค้าหรือบริการที่เป็นเอกลักษณ์และมีความสร้างสรรค์ เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมาย มักเกี่ยวข้องกับศิลปิน นักออกแบบ และผู้คิดริเริ่ม

ตัวอย่างแบรนด์:

  • Adobe: บริษัทซอฟต์แวร์ที่เน้นการสร้างสรรค์ภาพถ่ายและสื่ออื่น ๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจแก่นักสร้างสรรค์ทั่วโลก
  • Spotify: แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงที่เน้นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ฟังเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมการแนะนำเพลงที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ใช้งาน
  • Tesla: บริษัทผลิตรถยนต์ที่เน้นการสร้างสรรค์ยานพาหนะที่เป็นเอกลักษณ์ที่ใช้พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีล้ำสมัย

11. Ruler (ผู้ที่ต้องการควบคุม)

แบรนด์ที่มุ่งเน้นความมั่นใจ ความเฉลียวฉลาด ความเป็นผู้นำ มักมองเห็นความสำคัญของความเป็นผู้นำและการควบคุมสถานการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ มักเป็นแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับความหรูหรา

ตัวอย่างแบรนด์:

  • Rolex: แบรนด์นาฬิกาที่เน้นความเป็นเลิศและควบคุมในการผลิตนาฬิกาที่มีคุณภาพสูง
  • Ferrari: แบรนด์รถสปอร์ตที่เน้นความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์และควบคุมการออกแบบและประสิทธิภาพของรถ
  • Louis Vuitton: แบรนด์เครื่องหนังและแฟชั่นที่เน้นความเป็นเลิศและการควบคุมในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและความหรูหรา

12. Caregiver (ผู้ช่วยเหลือผู้อื่น)

แบรนด์ที่มุ่งเน้นความเมตตา ความเอาใจใส่ ความช่วยเหลือ มักมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนและดูแลในทุกสถานการณ์ เป็นแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแล และการเป็นผู้ให้ 

ตัวอย่างแบรนด์:

  • Doctors Without Borders (Médecins Sans Frontières): องค์กรที่มุ่งเน้นการให้บริการดูแลสุขภาพและการรักษาสิ่งที่เกิดขึ้นในเวทีโลกทั้งหมด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการขัดแย้งและภัยพิบัติ
  • UNICEF: องค์กรที่เน้นการช่วยเหลือและป้องกันเด็กจากความทุกข์ทรมานและเสี่ยงต่อการล่วงละเมิดสิทธิ
  • Red Cross: องค์กรที่มุ่งเน้นในการให้บริการช่วยเหลือและการดูแลผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติ

การสร้าง Brand Archetype ผ่านอัตลักษณ์เพื่อเข้าถึงผู้คน 

  • รู้จักสินค้าและบริการของแบรนด์เป็นอย่างดี: ก่อนอื่นแบรนด์จำเป็นต้องรู้ว่าแบรนด์ของตนมีสินค้าและบริการอะไรบ้าง แต่ละอย่างมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ที่สำคัญคือต้องทำความเข้าใจจุดขายของสินค้าและบริการที่แตกต่างจากแบรนด์คู่แข่ง การเข้าใจสินค้าและบริการของตนเองเป็นอย่างดีจะช่วยให้สามารถสื่อสารบุคลิกและภาพลักษณ์ที่เหมาะสมไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมั่นใจ
  • รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์คือใคร: เมื่อเรารู้จักสินค้าและบริการของเราดีแล้ว ให้ลองศึกษาเป้าหมายของแบรนด์ว่าเป็นคนกลุ่มไหน เพศไหน วัยไหน มีพฤติกรรมการใช้งาน ความชอบ ความสนใจ และปัญหาอย่างไร เพื่อที่จะได้สามารถสร้างบุคลิกและตัวตนที่เหมาะสมไปให้ลูกค้าที่ถูกกลุ่ม และสามารถนำเสนอสิ่งที่ตอบโจทย์ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
  • ฟังเสียงจากลูกค้า: การฟังเสียงจากลูกค้าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะภาพที่เราเห็นกับภาพที่ลูกค้าเห็นอาจไม่เหมือนกัน ลองฟังเสียงจากลูกค้าดูว่าตัวตนแบบไหนที่ลูกค้าอยากให้เป็น เพื่อสร้างตัวตนที่ตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น โดยสามารถใช้ Mandala AI เพื่อติดตาม และตอบรับต่อเนื้อหาที่กล่าวถึงแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย เพื่อเรียนรู้สิ่งที่ผู้คนพูดถึงแบรนด์ สินค้าบริการ และคู่แข่งของคุณบนโลกออนไลน์
ทดลองใช้ Mandala AI ฟรี
  • วิเคราะห์โทนสีที่ใช้: หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ได้ก็คือ “โทนสี” ประจำตัวของแบรนด์ การเลือกใช้โทนสีที่สอดคล้องกับอารมณ์และบรรยากาศที่แบรนด์ต้องการสร้างขึ้นหลังจากลูกค้ามองเห็น สามารถสร้างความเชื่อมั่นและความสนใจจากผู้บริโภคได้อย่างยิ่ง
  • นำเสนอผ่านสัญลักษณ์บางอย่าง: นอกจากการใช้สีแล้ว การใช้สัญลักษณ์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้นท่ามกลางแบรนด์อื่น ๆ เช่น แบรนด์ Eco-Friendly อาจมีการใช้สัญลักษณ์ที่เป็นรูปต้นกล้า ต้นไม้ หรือโลกเพื่อสื่อถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นำแนวคิด Brand Archetype สร้างอิทธิพลต่ออารมณ์ลูกค้า 

Brand Archetype นับเป็นเทคนิคสำคัญทางการตลาดที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณสามารถเป็นที่จดจำได้ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูง การนำเทคนิคนี้ไปใช้จะช่วยพัฒนาให้แบรนด์มีบุคลิกภาพและภาพลักษณ์ที่โดดเด่น จนสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเหมาะสมและตรงจุดมากยิ่งขึ้น

  • หมวดหมู่ :
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.