Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

Brand Identity คืออะไร มีวิธีสร้างอย่างไรให้ทรงพลัง [พร้อมตัวอย่าง]

Brand Identity คืออะไร มีวิธีสร้างอย่างไรให้ทรงพลัง [พร้อมตัวอย่าง]

ทำไมสินค้าเหมือนกัน ผลิตจากที่เดียวกัน ราคาพอ ๆ กัน แต่ยอดซื้อ ความปังกลับดังไม่เท่ากัน ความแตกต่างอยู่ที่ตรงไหน และอะไรทำให้ลูกค้าเลือกซื้อและไม่เลือกซื้อสินค้านั้น ๆ วันนี้เราพามาทำความรู้จัก Brand Identity ตัวตนของแบรนด์ที่สร้างอารมณ์และความรู้สึก จนนำไปสู่การผลักดันให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าโดยที่พึงพอใจกับราคาที่จ่ายไป จะมีวิธีการสร้างตัวตนอย่างไร แปะตัวอย่างเคสจากหลากหลายแบรนด์ดังระดับโลกที่น่าสนใจให้ลองดูและเอาไปปรับใช้กับแบรนด์ของคุณได้ในอนาคต พร้อมกับแนะนำเครื่องมือที่สร้างอัตลักษณ์ให้กับแบรนด์ให้น่าจดจำมากขึ้น ถ้าพร้อมแล้วก็มาดูไปพร้อม ๆ กันเลย

Brand Identity คืออะไร

Brand Identity คือ ตัวตนของแบรนด์ที่ผู้คนทั่วไปสัมผัสได้ หากให้มองเห็นภาพแบบง่าย ๆ ก็ลองจินตนาการความรู้สึกว่าตื่นเช้าบนที่นอน ‘Muji’ เทียบกับที่นอน ‘Ikea’ ความรู้สึกก็คนละแบบ หรือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าเป็น ‘iPhone’ กับ ‘Samsung’ ก็ให้ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ซึ่งถึงแม้จะเป็นสิ่งของที่มีวิธีใช้เหมือนกัน แต่ฟังก์ชันและอัตลักษณ์ ไปจนถึงตัวตนของแบรนด์ ทำให้สิ่งของที่คล้าย ๆ กัน ดึงดูดลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อได้ต่างกัน ซึ่ง Brand Identity ก็เหมือนการบอกผู้คนทั่วไปว่าแบรนด์มีเอกลักษณ์ยังไง แบรนด์มีตัวตนอย่างไร แบรนด์มีจุดยืนอย่างไร ซึ่งการเลือกแบรนด์ก็เหมือนกับการสะท้อนตัวตน ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตของเราผ่านแบรนด์ที่เลือก แน่นอนว่าถ้าแบรนด์ไหน ตรงจิต ตรงใจ ตรงจริตของลูกค้า ลูกค้าก็จะติดใจและติดตาม เกิดความอยากซื้อ อยากจ่าย จนกลายมาเป็น FC หรือแฟนด้อมที่ภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

Brand Identity Prism ต่างจาก Brand Identity อย่างไร

เมื่อนักการตลาดหลาย ๆ คนรู้แล้วว่า Brand Identity คืออะไรแล้ว ยังมีอีกคอนเซ็ปต์ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากอัตลักษณ์ของแบรนด์ นั่นก็คือ Brand Identity Prism อีกหนึ่งแนวคิดที่พัฒนาเพื่อทำให้แบรนด์มีชีวิต มีพลังมากขึ้น อีกทั้งเพื่อเชื่อมโยงกับลูกค้าได้ง่ายและลูกค้าให้ความรู้สึกว่าแบรนด์เป็นตัวแทนของเค้า พูดแทนเค้า มีพฤติกรรมเหมือนเค้าได้นั่นเอง

ดังนั้นทั้ง 2 แนวคิดจึงมีความแตกต่างกันชัดเจน เรียกว่า Brand Identity Prism เป็นเวอร์ชันอัปเกรดของแนวคิดแรกซะมากกว่า เพราะ Brand Identity Prism เพิ่มองค์ประกอบและแนวคิดเข้าไป 6 อย่าง คือ Physique, Personality, Culture, Relationship, Reflection และ Self-Image การเจาะลึกหาตัวตนให้เจอผ่านแนวคิด Brand Identity Prism หลังการใช้แนวคิด Brand Identity ก็สามารถทำให้เรามองเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ความสำคัญของ Brand Identity

ความสำคัญของแนวคิดนี้ คือ การสร้างภาพจำเพื่อให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยปกติแล้ว Brand คือ ยี่ห้อหรือตราประทับ แต่การทำให้แบรนด์แต่ละแบรนด์แตกต่างกันคือการกำหนดอัตลักษณ์ ซึ่งส่งผลต่อการสร้างความเชื่อ ความไว้ใจ ความมั่นใจ ความน่าเชื่อถือ จนสามารถสร้างคุณค่าให้กับสินค้าที่ผลิตออกมามีความโดดเด่น แตกต่างจากคู่แข่ง ตลอดจนส่งผลต่อการค้นหาลูกค้า หากลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

ความสำคัญของ brand identity

แน่นอนว่าการที่แบรนด์มีอัตลักษณ์ของตัวเองที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ก็ส่งผลถึงการสื่อสาร การบอกกล่าวไปยังลูกค้าว่าแบรนด์นี้มีหน้าตา บุคลิกเป็นแบบไหน จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกที่จะใช้หรือไม่ใช้แบรนด์นั้น ๆ ตามความรู้สึก และพฤติกรรมของลูกค้าคนนั้น ๆ นั่นเอง แถมยังสามารถหากลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น ไปจนถึงออกแคมเปญต่าง ๆ เพื่อแสดงจุดยืนของแบรนด์และรักษากลุ่มลูกค้าเก่าของแบรนด์ได้ด้วย ความสำคัญในการสร้างอัตลักษณ์จึงขาดไม่ได้และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ไปโดยปริยาย

4 ประเภทของ Brand Identity

การสร้างและกำหนดอัตลักษณ์ของแบรนด์สามารถจัดกลุ่มและกำหนดกลุ่มได้ง่าย ๆ และเพื่อให้ทั้งนักการตลาดได้โฟกัสได้ถูกต้อง และเจ้าของกิจการตัดสินใจได้ถูกต้องยิ่งขึ้น จึงแบ่งกลุ่มอัตลักษณ์ได้ 4 กลุ่ม ดังนี้

ประเภทของ brand identity
  1. Graphic Identity อัตลักษณ์ของแบรนด์ที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น สี โลโก้ แคปชัน บทความ รูปภาพ เป็นต้น
  2. Sensorial Identity อัตลักษณ์ของแบรนด์ที่สัมผัสได้ด้วยความรู้สึก อย่างกลิ่น เสียง รสชาติ การสัมผัส เช่น การได้กลิ่นแอร์ของร้าน การได้ยินเสียงดนตรีบางเพลง และการได้ชิมรสชาติของบางแบรนด์ เป็นต้น
  3. Behavioral Identity แบรนด์ที่สร้างอัตลักษณ์เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคหรือนำเสนอ Customer Journey อย่างการที่จะซื้อสินค้าใน Ebay จะซื้อผ่านการประมูล หรือการที่รู้กันว่า Double Day ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็จะมักเข้าไปซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ที่แอปน้ำเงิน หรือแอปส้ม เป็นต้น
  4. Functional Identity อัตลักษณ์ของแบรนด์ที่ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์จากสินค้าที่แบรนด์ทำออกมา ไม่ว่าจะเป็น รองเท้าเพื่อสุขภาพ เก้าอี้แก้อาการปวดหลัง แว่นต่าที่ตัดแสง เป็นต้น ซึ่งหากฟังก์ชันการใช้งานง่าย ตอบโจทย์และแก้ปัญหาของผู้ใช้งานได้ดี แบรนด์นั้นก็มีอัตลักษณ์ที่ตอบโจทย์ได้นั่นเอง

7 องค์ประกอบของ Brand Identity

การสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ สามารถสร้างขึ้นตามองค์ประกอบ 7 ข้อ ดังนี้

1. Logo ตราสินค้าหรือยี่ห้อที่บ่งบอกว่าสินค้านี้มาจากแบรนด์ไหน

2. Brand Name ชื่อยี่ห้อสินค้าเพื่อระบุว่าเป็นยี่ห้ออะไร เพื่อให้จำติดปาก ติดหูและติดตาลูกค้าได้

3. Graphic & Image เพื่อสร้างภาพจำให้กับลูกค้าได้ว่า ภาพนี้รูปแบบนี้ มาจากแบรนด์ไหน แบรนด์ไหนชอบภาพสีแบบนี้ จัดวางองค์ประกอบแบบนี้ เป็นต้น

4. Color Scheme รูปแบบสีที่แต่ละแบรนด์ใช้เป็นประจำ ซึ่งรูปแบบสีจะใช้แบบเดียวกันทุกช่องทางที่ต้องสื่อสารไปยังลูกค้า

5. Typography รูปแบบอักษรที่แบรนด์เลือกใช้เพื่อสื่อสารไปยังลูกค้าและภายในองค์กรด้วย

6. Tone & Voice โทนและเสียง จะใช้เพื่อสื่อสารไปยังลูกค้า ว่าจะเป็นแบรนด์ที่มีลักษณะใดซึ่งจะเปลี่ยนโทนเสียงให้เข้ากับสารที่ต้องการสื่อออกไป

7. Slogan เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่คุ้นหู คุ้นตา และรู้จักแบรนด์มากขึ้น

วิธีการสร้าง Brand Identity ให้โดดเด่นกว่าใคร

การสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นและติดตาติดใจลูกค้ามีวิธ๊การสร้างแบรนด์ได้ ดังนี้

  • ศึกษาลูกค้า แบรนด์และคู่แข่ง วิเคราะห์ตลาดและคู่แข่งว่ามีหน้าตาอย่างไร ทำตลาดแบบไหน ซึ่งการศึกษาแบรนด์ ลูกค้าและคู่แข่งจำเป็นต้องใช้เครื่องมือมาช่วยวิเคราะห์ เก็บข้อมูลจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้น
  • กำหนดเป้าหมาย เมื่อได้ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ แล้วก็สามารถกำหนดเป้าหมายวางแผนงานที่ตอบโจทย์ได้ตรงจุดมากขึ้น ซึ่งก็สามารถใช้เครื่องมือหรือฟีเจอร์มาช่วยก็ย่อมง่ายขึ้น
  • ระบุกลุ่มเป้าหมาย เมื่อกำหนดเป้าหมายแล้ว ก็ต้องระบุกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเพื่อสื่อสารเพื่อสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ออกไป
  • กำหนดโทนเสียงของข้อความ เพื่อปรับระดับการสื่อสาร โทนเสียง และบุคลิกของข้อความที่ต้องการสื่อสารออกมา

จะเห็นได้ว่าการสร้างบุคลิกของแบรนด์จำเป็นต้องศึกษา วางเป้าหมาย ระบุกลุ่มที่ต้องการสื่อสารและโทนเสียงในการสื่อสาร ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้สามารถใช้เครื่องมือช่วยในการสร้างแบรนด์ได้ง่ายขึ้นอย่างการใช้เครื่องมือ Mandala Ai ที่มีฟีเจอร์ เพื่อรองรับการใช้งานทางการตลาด ตั้งแต่ การหาเทรนด์การตลาด การวิเคราะห์ข้อมูล การเก็บข้อมูลบนโลกออนไลน์ พร้อมกับตัวชี้วัดและการวิเคราะห์ที่หลากหลาย สามารถใช้เป็นไอเดียในการสร้างอัตลักษณ์ของแบรนด์ได้นั่นเอง

5 ตัวอย่างของการทำ Brand Identity ที่ประสบความสำเร็จ

1. Bar B Q Plaza

แบรนด์ไทยที่ใช้ Graphic Identity เป็นพี่ก้อนเพื่อสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าที่สร้างภาพจำให้กับลูกค้า การใช้อัตลักษณ์นี้ช่วยเป็นตัวแทนของแบรนด์ ลูกค้าได้รู้ว่าจะสื่อสารไปหาใคร คุยกับใครอยู่และจะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างไร ที่สำคัญยังช่วยให้เข้าถึงลูกค้าง่ายขึ้น

2. รสดี

แบรนด์เครื่องปรุงอาหารจากไทยที่ใช้ Sensorial Identity ที่โดดเด่น พร้อมกับสโลแกน ‘คู่ครัว รสดี’ เพื่อสื่อสารถึงความอร่อย จากการใช้เครื่องปรุงจากรสดี ที่จัดจ้าน เข้มข้น รสชาติดีสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ 

3. Wongnai

wongnai brand identity
cr. wongnai

รีวิวร้านอาหารที่ออกแบบการใช้งานเพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคหรือใช้ Behavioral Identity เป็นการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งที่อยู่ในตลาด ซึ่งออกแบบการใช้งานได้น่าสนใจและเป็นจุดแข็งของแบรนด์นี้

4. SCG 

แบรนด์ไทยที่ใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างความแตกต่างจากแบรนด์คู่แข่งด้วยการใช้ Functional Identity ในการสร้างคุณค่าและความแตกต่างจากแบรนด์อื่น ไม่ว่าจะเป็นการเทคโลยีที่นำมาใช้กับสินค้าและบริการต่าง ๆ เป็นต้น

5. กสิกร

แบรนด์ธนาคารที่สร้างอัตลักษณ์ที่การบริการและการใช้งานเพื่อสร้างประสบการณ์ทีดีของผู้บริโภคซึ่งเป็นการใช้ Behavioral Identity เพื่อสร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่น ซึ่งออกแคมเปญ แอปพลิเคชัน และการใช้งานที่อิงกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายด้วย

Mandala AI เครื่องมือสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ให้น่าจดจำกว่าเดิม

นักการตลาดหลาย ๆ คนคงจะเห็นความสำคัญในการสร้างแบรนด์และหยิบใช้แนวคิดอย่าง Brand Identity ไปสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกจากแนวคิดในการสร้างแบรนด์ ลองใช้เครื่องมือทางการตลาดที่น่าสนใจ เช่น Mandala AI เข้ามาช่วยก็ทำให้การวิเคราะห์ เก็บข้อมูลตัวเลข สถิติ การใช้ Social Listening ต่าง ๆ ที่จำเป็นในการสร้างแบรนด์ก็ช่วยให้แบรนด์มีประสิทธิภาพ วางอัตลักษณ์ได้ตรงกับค่านิยมของแบรนด์และตรงกับจริตของลูกค้าได้ ทำให้การสร้างแบรนด์ง่ายขึ้น ก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

mandala ai ฟรี
  • หมวดหมู่ :
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.