Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

Conversion Rate คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับโฆษณา

Conversion Rate คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับโฆษณา

การทำการตลาดออนไลน์เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในยุคปัจจุบัน ซึ่งทุกวันนี้การสร้างรายได้ในโลกออนไลน์นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์จำนวนมาก หรือยอดกดไลก์ในแฟจเพจสูงเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความสามารถที่จะเปลี่ยนจากผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือแฟนเพจมาเป็นลูกค้าจริง ๆ หรือให้กลุ่มเป้าหมายดำเนินการทางธุรกิจตามที่คุณต้องการ จนนำมาสู่การเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจของคุณ 
ดังนั้น “Conversion Rate” จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำโฆษณา  และเพื่อให้นักการตลาดดำเนินกิจกรรมทางการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงควรเข้าใจความหมายและแนวคิดของ Conversion Rate เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยให้นักการตลาดประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาด และสามารถปรับแผนการตลาดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้นได้

Conversion Rate คือ

Conversion Rate (CVR) คือ อัตราส่วนของผู้ที่ตอบสนองต่อโฆษณา เป็นตัวเลขที่ใช้วัดว่ากลุ่มเป้าหมายทางการตลาดดำเนินตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะเปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น อัตราส่วนของยอดจำหน่ายสินค้าจริง เมื่อเทียบกับจำนวนผู้คลิกชมสินค้าในเว็บไซต์ การกรอกแบบฟอร์ม หรือการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เป็นต้น

สูตรการหาค่า Conversion Rate

สำหรับสูตรการหาค่า Conversion Rate (Conversion Rate Formula) นั้น มีดังต่อไปนี้

ยกตัวอย่างเช่น 

  • หากเว็บไซต์ของคุณมีผู้เยี่ยมชม 1,000 คน และมี 50 คนที่ซื้อสินค้า ดังนั้น Conversion Rate ของคุณคือ (50 ÷ 1,000) x 100 = 5% 
  • หากแอปพลิเคชันของคุณถูกดาวน์โหลดจาก 500 คน และมี 25 คนที่สมัครเป็นสมาชิกพรีเมียมในแอปพลิเคชัน ดังนั้น Conversion Rate ของคุณคือ (25 ÷ 500) x 100 = 5%

ทำไม Conversion Rate ถึงสำคัญกับโฆษณา

Conversion Rate มีความสำคัญมากในการวัดประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาและการวางแผนกิจกรรมการตลาดออนไลน์ เพราะมันช่วยให้เข้าใจว่าโฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน และยังช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้และความสำเร็จทางธุรกิจนั่นเอง นอกจากนี้ Conversion Rate ยังสำคัญกับการโฆษณาหลายด้านอีก เช่น

1. ช่วยในการวัดประสิทธิภาพ

Conversion Rate ทำให้คุณทราบว่าแคมเปญโฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน และช่วยให้คุณทราบว่าโฆษณาไหนที่ส่งผลดีและโฆษณาไหนไม่มีผล เพื่อให้คุณสามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ช่วยให้บรรลุเป้าหมายการตลาด

Conversion Rate จะช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้ง เพราะมีส่วนช่วยในการตรวจสอบว่ากลุ่มเป้าหมายจริง ๆ ของคุณมีความสนใจในสิ่งที่คุณนำเสนอหรือไม่ เพื่อนำไปสู่การปรับแต่งโฆษณาออนไลน์ให้เหมาะสมมากขึ้น

3. ช่วยในการบริหารงบประมาณ

การทราบ Conversion Rate จะช่วยให้คุณสามารถบริหารงบประมาณโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้งบไม่บานปลาย โดยคุณสามารถกำหนดวงเงินที่เหมาะสมสำหรับแคมเปญโฆษณาแต่ละรายการได้ ด้วยการพิจารณาอัตรา Conversion Rate และผลตอบแทนที่คุณคาดหวัง

4. ช่วยในการเพิ่มกำไร

Conversion Rate ส่งผลต่อกำไรของคุณโดยตรง ถ้าคุณสามารถเพิ่มอัตรา Conversion Rate ของคุณได้ คุณจะมีโอกาสเพิ่มรายได้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการโฆษณาอีก

5. ช่วยในการเชื่อมโยงกับระบบ CRM

การมี Conversion Rate สูง ทำให้คุณสามารถสร้างรายชื่อลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ และเชื่อมโยงกับระบบ Customer Relationship Management (CRM) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับลูกค้าของคุณนั่นเอง

mandala banner

เทคนิคการเพิ่มค่า Conversion

การเพิ่มค่า Conversion Rate คือ การปรับแต่งกิจกรรมการตลาดออนไลน์หรือโฆษณา และเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมหรือกลุ่มเป้าหมายกลายเป็นลูกค้าจริง ๆ และนี่คือเทคนิคบางอย่างที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่ม Conversion ได้

1. ทำ A/B Testing 

การทำ A/B Testing คือการทดสอบว่าองค์ประกอบอะไร รูปแบบไหน ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานเกิดประสบการณ์ที่ดีจนนำไปสู่การดำเนินตามวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่ตั้งเป้าไว้ได้ เช่น รูปแบบการจัดวางของหน้าเว็บไซต์, ข้อความโฆษณาที่ใช้ ซึ่งการทำ A/B Testing จะทำให้ทราบผลลัพธ์ว่าองค์ประกอบไหนช่วยสร้าง Conversion Rate จากโฆษณาได้สูงสุด ผลตอบรับดีสุด จากนั้นคุณสามารถนำรูปแบบการโฆษณาที่ดีที่สุด ไปใช้ในแคมเปญการตลาดหรือยิงโฆษณาออนไลน์ได้

2. ออกแบบเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นให้ใช้งานง่าย

แนะนำให้ออกแบบเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันให้มีการใช้งานง่ายและมีความน่าสนใจ เช่น การจัดเนื้อหาหรือโครงสร้างเว็บไซต์ให้ดูเป็นหมวดหมู่ ตัวหนังสืออ่านง่าย สบายตา ข้อความกระชับ ฯลฯ เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกถึงความสะดวกและเกิดความพึงพอใจในการใช้งาน

3. ปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น

การปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ของคุณ โดยการเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเพจหรือหน้าแอปฯ จะช่วยลดอัตราการออกจากเว็บไซต์หรือแอปฯ ก่อนเกิดการซื้อสินค้า เพราะความรอคอยมีผลต่อความพึงพอใจของผู้เยี่ยมชมนั่นเอง

4. ปรับแต่งเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือโฆษณา

พัฒนาเนื้อหาของเว็บไซต์หรือโฆษณาเพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณและเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเพิ่มขึ้น การจัดรูปแบบเนื้อหาที่ดี เข้ากับความต้องการและความสนใจของลูกค้า สามารถเพิ่มโอกาสให้กลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณอีกครั้งได้

5. ปรับแต่ง Landing Page

ออกแบบ Landing Page ของคุณ ให้มีการจัดเรียงเนื้อหาที่อ่านง่าย สวยงาม ใช้งานง่าย มีข้อความหรือปุ่ม Call-to-Action ที่ชัดเจน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการกระทำ 

6. ปรับแต่ง Call-to-Action 

ใช้ข้อความและกราฟิกที่มีประสิทธิภาพในการทำ Call-to-Action และเน้นการกระตุ้นให้ผู้เยี่ยมชมดำเนินการ ตัวอย่างเช่น “ซื้อทันที,” “สมัครเลย,” “ลงทะเบียนฟรี,” หรือ “ติดต่อเรา” เป็นต้น

7. ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบขาดแคลน  

การใช้กลยุทธ์การตลาดแบบขาดแคลนจะช่วยสร้างแรงจูงใจได้เป็นอย่างดี ซึ่งมี 2 ประเภท คือ

7.1 ความขาดแคลนที่เกี่ยวข้องกับปริมาณ เช่น เหลือ 2 ที่นั่งในราคานี้ 

7.2 ความขาดแคลนที่เกี่ยวข้องกับเวลา เข่น โปรโมชันวันสุดท้ายเท่านั้น 

ทั้งนี้ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบขาดแคลนต้องอย่าโกหกลูกค้า เพราะถ้าลูกค้ารู้ ะความน่าเชื่อถือของคุณจะลดลงทันที และเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าอย่างแน่นอน

8. จัดโปรโมชั่นและส่วนลด 

การนำเสนอโปรโมชันและส่วนลดพิเศษ สามารถกระตุ้น Conversion ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องอย่าลืมประกาศระยะเวลาโปรโมชันอย่างชัดเจนด้วย

9. สื่อสารกับลูกค้าอย่างชัดเจน

ความชัดเจนสำคัญกว่าการโน้มน้าวใจเสมอ อย่าพยายามโน้มน้าวลูกค้าด้วยภาษาทางธุรกิจที่หรูหราและซับซ้อน วิธีที่ดีที่สุดในการสื่อสาร คือ การจินตนาการว่าคุณกำลังอธิบายสินค้าของคุณให้เพื่อนสนิทฟัง หากมีประโยคใดที่มีลักษณะแบบที่คุณจะไม่ใช้สนทนากับเพื่อน ให้เปลี่ยนคำใหม่  จงจำไว้เสมอว่าให้ “เขียนเหมือนที่คุณพูด” 

10. สร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า

มีเพียง 4 เหตุผลที่ผู้คนจะไม่ซื้อจากคุณ คือ ไม่จำเป็น, ไม่มีเงิน, ไม่รีบร้อน, ไม่เชื่อใจ ซึ่งเราไม่สามารถทำอะไรได้มากเกี่ยวกับเหตุผล 3 ประการแรก แต่เราสามารถสร้างความไว้วางใจได้ ด้วยการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับลูกค้า การบอกเล่าเรื่องราวของสินค้า คุณสมบัติของสินค้าการรีวิวจากบุคคลอื่น ความน่าเชื่อถือของบริษัท ความเชี่ยวชาญของทีมงาน รายงานการวิจัยสินค้า ฯลฯ 

11. กระบวนการสั่งซื้อต้องง่าย 

ตรวจสอบกระบวนการสั่งซื้อบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคุณ ต้องทำให้ง่ายต่อการสั่งซื้อและสะดวกกับผู้ใช้งาน หากคุณมีผลิตภัณฑ์จำนวนมาก แนะนำให้สร้างตัวกรอง โดยให้พวกเขาระบุคุณลักษณะที่ต้องการ โดยไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหามากเกินไป

นอกจากนี้ ขอให้ขั้นตอนการกรอกข้อมูลส่วนตัวในการสั่งซื้อนั้นน้อยที่สุด เพราะยิ่งคุณมีฟิลด์ในคำสั่งซื้อ หรือแบบฟอร์มในการลงทะเบียนมากเท่าไร คนก็ยิ่งจะกรอกน้อยลงเท่านั้น รวมถึงให้เพิ่มตัวเลือกในการลงทะเบียนผ่านบัญชีผ่าน Facebook หรือ Google เพื่อความสะดวก อย่าขอข้อมูลที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้ เพื่อให้การดำเนินการตามคำสั่งซื้อสำเร็จไวขึ้น  เพราะมันจะทำให้ผู้ใช้งานมีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

12. เปรียบเทียบตัวเองกับคู่แข่งก่อนที่ผู้บริโภคจะทำ

ทุกสินค้าและบริการย่อมมีคู่แข่งทั้งทางตรงและทางอ้อม และปัจจุบันผู้บริโภคมักจะทำการบ้านด้วยการเปรียบเทียบก่อนซื้อผลิตภัณฑ์  ดังนั้นแนะนำให้เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ของคุณกับคู่แข่ง รวมถึงเว็บไซต์ ช่องทางการขาย กิจกรรมทางการตลาด ฯลฯ ก่อนที่ผู้บริโภคจะทำ 

13. ใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ 

การ ใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ในการโปรโมต เช่น SEO, Google Ads, Facebook Ads, จะช่วยเพิ่มการมองเห็น และการเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้

14. ตรวจสอบความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

ทำการสำรวจและสัมภาษณ์กับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อให้เข้าใจความต้องการและปัญหาของพวกเขา แล้วนำปรับปรุงการนำเสนอของคุณให้เหมาะสมมากขึ้น

15. ติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล

อย่าลืมติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล Conversion Rate เพื่อให้เข้าใจว่ากิจกรรมการตลาดของคุณมีผลกับรูปแบบการโฆษณาแบบไหน และในช่วงเวลาใด จากนั้นใช้ข้อมูลนี้ในการปรับปรุงแผนการตลาดของคุณ

mandala banner

สรุป

Conversion Rate มีผลต่อการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา เพราะสามารถช่วยเพิ่มกำไรและความสำเร็จของธุรกิจในโลกออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การเพิ่มค่า Conversion เป็นเรื่องที่ไม่สิ้นสุด นักการตลาดต้องพยายามและทดลอง ใช้เทคนิคต่าง ๆ และวัดผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อค้นพบว่าอะไรที่ทำงานให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจหรือแคมเปญการตลาดของคุณในระยะยาว

  • หมวดหมู่ :
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.