จากสถิติในปี 2022 คนไทยใช้ Line Application ในการสื่อสารมากถึง 51 ล้านคน เรียกว่าสัดส่วนการใช้งานมีเกือบทั้งประเทศไทย ทำให้หลาย ๆ คนคุ้นชินและใช้งานแอปฯ นี้ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันไปเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่มากขึ้น การที่แบรนด์หรือนักการตลาดหลาย ๆ ได้เลือกใช้แอปฯ ไลน์ในการสื่อสารกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย ก็สามารถเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจและสร้างผลกำไรให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
วันนี้เราจะพามาเจาะลึกการใช้งานไลน์ให้มากขึ้น และพามาทำความรู้จักกับ Rich Menu อีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในแอปพลิเคชันไลน์ ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้ปัง ไม่แพ้เครื่องมือการใช้งานอื่น ๆ และยังเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ถ้าพร้อมแล้วมาดูไปด้วยกันเลย
Line Rich menu คืออะไร
Rich Menu คือ เมนูลัดที่ร้านค้าใช้แสดงผลในช่องแชทกับลูกค้า หรือผู้ที่เพิ่มเพื่อนกับแบรนด์นั้น ๆ โดยตรง ร้านค้าหรือแบรนด์ก็สามารถสร้างได้เอง โดยเลือกใช้เทมเพลตที่แพลตฟอร์ม ออกแบบให้ โดยสามารถเลือกใช้ได้สูงสุด 6 ช่อง ร้านค้าสามารถเลือกใช้งานหรือเชื่อมโยงฟีเจอร์ในแต่ละช่องได้โดยตรงผ่านการวางลิงก์ในช่อง URL โดยร้านค้าสามารถเลือกประยุกต์ใช้ได้หลายแบบ เช่น บัตรสะสมแต้ม คูปอง ข้อความตอบกลับอัตโนมัติ แสดงสาขา หรือแสดง FAQ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Line Marketing ด้วย Line Official Account
ประโยชน์ของ Line Rich Menu ต่อธุรกิจ
แน่นอนว่าการใช้ริชเมนูให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด ย่อมช่วยแบ่งเบาภาระของแอดมิน และประหยัดเวลาของลูกค้าที่เข้ามาใช้แพลตฟอร์มจากไลน์ รวมถึงสร้างความรู้สึกเชิงบวกให้ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ได้อีกด้วย โดยประโยชน์ของ Line Rich ที่มีต่อธุรกิจมีดังนี้
1. ช่วยส่งเสริมการขายให้กับแพลตฟอร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ช่วยในการสื่อสารกับลูกค้าได้ชัดเจน
3. เพิ่มจำนวนผู้ใช้งานเว็บไซต์ของแบรนด์ได้
4. ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในการใช้งานเว็บไซต์
5. ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
นอกจากประโยชน์ที่ได้ยกตัวอย่างในการใช้งานเครื่องมือนี้แล้ว ยังมีข้อดีอีกมากมายที่ของการใช้งานฟีเจอร์นี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการวางแผน และประยุกต์ใช้งานเครื่องมือนี้ให้เข้ากับแผนการตลาดที่วางไว้ก็เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจได้มากขึ้น
ทำไมธุรกิจถึงต้องใช้ Line Rich menu
เมื่อดูจากประโยชน์ของฟีเจอร์นี้แล้ว การที่ธุรกิจนำมาเครื่องมือริชเมนูมาใช้งาน ก็ย่อมเป็นประโยชน์ต่อแบรนด์นั้น ๆ ได้ไม่มากก็น้อย ลองมาดูกันว่าทำไมจึงต้องใช้เครื่องมือนี้กับธุรกิจเรา
1. ติดต่อแบรนด์ได้สะดวก ฉับไว
หากลูกค้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติม คำถามที่มีข้อสงสัยหรือแก้ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ การที่ลูกค้าสามารถเข้ามากดเลือกเมนูเพื่อทราบข้อมูลก็เป็นช่องทางที่สามารถติดต่อกับแบรนด์ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอแอดมินหรือเจ้าของร้านเข้ามาตอบนั่นเอง
2. นำทางเป็นเมนูลัด แสดงสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
เรียกว่าเป็นแถบเมนูลัดให้กับแบรนด์ได้ โดยสามารถปรับเป็น แถบดูเมนูเมื่อร้านค้าสามารถสั่งอาหารออนไลน์ แถบแสดงโปรโมชัน เมื่อร้านค้าต้องการประชาสัมพันธ์โปรโมชันลดราคา หรือเป็นพื้นที่โฆษณาสินค้าที่ออกใหม่ เป็นต้น
3. สร้างการจดจำให้กับแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
ด้วยฟีเจอร์นี้จะแสดงผลในหน้าต่างแชท จึงสามารถสร้างการจดจำให้กับแบรนด์ได้ดี อย่างที่ธนาคารแต่ละแห่งใช้ริชเมนูแสดงสีประจำของธนาคารนั้น ๆ เช่น ธนาคารกสิกร จะใช้สีเขียว ธนาคารไทยพาณิชย์ จะใช้สีม่วง ธนาคารกรุงเทพ ใช้สีน้ำเงิน เป็นต้น รวมถึงสามารถสอดแทรกมาสค็อตและโลโก้เข้าไปได้ด้วย
นอกจากเหตุผลที่เครื่องมือนี้ช่วยงานธุรกิจแล้ว การใช้งานก็ยังประยุกต์ได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของธุรกิจนั้น ๆ ได้อีกด้วย
รูปแบบของ Line Rich Menu มีอะไรบ้าง
รูปแบบของฟีเจอร์นี้มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับการออกแบบ Rich Menu ขึ้นมาให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ตามความต้องการ จนบางแบรนด์สามารถดึงการใช้งาน Rich Menu มาเป็น Viral ให้กับแบรนด์ได้อย่างลงตัว การใช้งานริชเมนูจึงมีจุดประสงค์ ที่แตกต่างกันอีกด้วย
สำหรับรูปแบบการใช้งานที่ยกมานั้น เป็นตัวอย่างให้ลองไปตั้งค่าการใช้งานที่นิยมใช้ นักการตลาดสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมและยังเลือกใช้ได้สูงสุดถึง 6 รายการ
- เว็บไซต์
- Fanpage
- Marketplace (Shopee/Lazada)
- Youtube Channel
- เกี่ยวกับเรา (ประวัติแบรนด์/ร้านค้า)
- ติดต่อ Call Center
- สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- แผนที่ร้าน
- ติดต่อร้าน (ที่อยู่/สาขา/เวลาเปิด-ปิด)
- สะสมแต้ม/แลกคะแนน/คูปอง/โค้ดส่วนลด
- คำถามที่พบบ่อย FAQ
- เมนูสินค้า/รายการอาหาร
- รีวิวสินค้า/วิธีใช้งาน
- การรับประกัน
- วิธีสั่งซื้อ/วิธีจัดส่ง/วิธีชำระเงิน
- สินค้าแนะนำ/โปรโมชันประจำเดือน
- การขึ้นรูปภาพอย่างเดียว
วิธีใช้งาน Line Rich Menu ขายของอย่างไรให้ปัง
การใช้งานฟีเจอร์นี้เพื่อกระตุ้นยอดขาย สามารถทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งเราได้รวบรวมทริคและเทคนิคเอาไว้ให้แล้วดังนี้
1.ใช้โปรโมชั่นที่ถูกใจลูกค้า
- เป็นการใช้โปรโมชันที่จูงใจกลุ่มเป้าหมาย อาจจะเพิ่มความน่าสนใจหรือดึงดูดมากขึ้น ด้วยการปรับให้เป็นโปรโมชันประจำเดือน โปรโมชันโอกาสพิเศษ หรือโปรโมชันดับเบิลดีจิต เป็นต้น
- ตัวอย่าง
2.สร้าง Brand identity ให้ลูกค้าจดจำ
- เลือกสีที่แสดงถึงแบรนด์นั้น ๆ ได้อย่างชัดเจน เพื่อเป็นที่จดจำของลูกค้าในการใช้งาน อีกทั้งเพื่อกำหนด Mood & Tone ในการสื่อสารของแบรนด์ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับรู้ด้วย
- ตัวอย่าง
3. สร้างช่องทางช่วยเหลือลูกค้า
- เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้ง่าย สะดวกและเพื่อความรวดเร็วในการใช้งาน ลูกค้าสามารถกดที่ปุ่มลัดหรือช่องทางช่วยเหลือลูกค้าได้โดยตรง
- ตัวอย่าง
4. คัดสรรสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
- ไอเดียการเลือกใช้เครื่องมือนี้ อาจจะลองสำรวจดูว่าลูกค้าเพิ่มเพื่อนเข้ามาใน Line ของเเบรนด์เพื่อต้องการสิ่งใด เราก็สามารถแบ่งเทมเพลตการใช้งานให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ทันที
- ตัวอย่าง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่ตัวอย่างการใช้งานเครื่องมือนี้เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ที่อยากแนะนำ อย่างไรก็ตามการทำให้เครื่องมือนี้อัปเดตอยู่ตลอดเวลาย่อมเป็นเรื่องดี เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามข้อมูล รายละเอียดเพิ่มเติม ระยะเวลาโปรโมชันให้ปัจจุบันที่สุด เพื่อให้ลูกค้ารับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของแบรนด์อยู่ตลอดเวลานั่นเอง
สรุปการทำ Rich Menu
การใช้งาน Rich Menu ให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดจำเป็นต้องกำหนดจุดประสงค์การใช้งาน ว่าต้องการใช้เพื่ออะไรและทำไมกลุ่มเป้าหมายของเราจำเป็นต้องเพิ่มเพื่อนในไลน์ หากตอบจุดประสงค์การใช้งานได้แล้ว การสร้างฟีเจอร์นี้ให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ จะช่วยกระตุ้นยอดขายไปในตัว อีกทั้งยังแบ่งเบาภาระงานให้กับพนักงานได้อีกด้วย รวมถึงช่วยอำนวยความสะดวกการใช้งานของลูกค้าและสร้างภาพจำในเชิงบวกให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี