การมีคีย์เวิร์ดบนหน้าเว็บเป็นพื้นฐานในการทำ SEO อยู่แล้ว แต่การวางคีย์เวิร์ดก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการใช้ Slug เพื่อแสดงคีย์เวิร์ดบนหน้าเพจของเว็บเรา เทคนิคการใช้ตำแหน่งนี้ จะส่งผลดีต่อการทำ SEO อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาให้ รวมถึงตัวอย่างการใส่คีย์เวิร์ดบนตำแหน่งดังกล่าว ไปจนถึงวิธีการเปลี่ยนคำบนหน้าเพจต่าง ๆ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
ทำความรู้จัก Slug คืออะไร?
Slug คือ ตัวอักษรที่ตามหลังลิงก์บนเว็บไซต์เมื่อผู้ใช้กดเข้าไปที่หน้าต่าง ๆ บนเว็บไซต์ที่กำลังใช้งานอยู่ ซึ่ง Slug มักจะมีทั้งตัวอักษร ตัวเลขหรืออักขระต่าง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของเว็บไซต์แต่ละเว็บว่าต้องการระบุหรือตั้งชื่ออะไรให้กับหน้าเพจต่าง ๆ บนเว็บไซต์ของตัวเอง แน่นอนว่าเพื่อให้ทั้งคนทำเว็บและคนอ่านได้รู้ว่าหน้านี้เกี่ยวกับอะไร มีเนื้อหาอย่างไรนั่นเอง ถ้าคนอ่านรู้เรื่อง ตรงกับคีย์เวิร์ดที่ต้องการ และรู้ว่าหน้าเพจที่เข้าไปอ่านเกี่ยวกับเรื่องใด บอตก็ย่อมรู้เรื่องด้วยเช่นกัน สุดท้ายก็ส่งผลดีต่อการจัดลำดับของ SEO ไปโดยปริยาย
ความสำคัญของ Slug นอกจากทำให้บอตและผู้คนอ่านรู้เรื่อง จะเห็นได้ว่าส่งผลต่อ UX (User Experience) ด้วยนั่นเอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กับการใส่คีย์เวิร์ดลงไป เพราะจะช่วยให้ผู้คนสัมผัสประสบการณ์การใช้เว็บไซต์ที่ดี รู้สึกสนุกกับการอ่านเว็บไซต์นั้น ๆ ด้วย ซึ่งทั้งคีย์เวิร์ดและประสบการณ์การใช้เว็บไซต์ย่อมส่งผลต่อการจัดอันดับของ Search Engine นั่นเอง เมื่อรู้แล้วว่าเครื่องมือนี้สำคัญอย่างไร เราจะพามาดูรายละเอียดอื่น ๆ ที่น่าสนใจกับการใช้คีย์เวิร์ดกับเครื่องมือนี้กันว่ามีวิธีอย่างไร มีรายละเอียดใดเพิ่มเติมบ้าง รวมถึงแง่มุมอื่น ๆ ที่น่าสนใจกับการใช้เครื่องมือนี้ ถ้าพร้อมแล้ว ก็มาดูไปพร้อมกันเลย
Slug vs URL Slug vs URL แตกต่างกันอย่างไร
อย่างที่เขียนไปด้านบน Slug เป็นได้ทั้งตัวอักษร ตัวเลข หรืออักขระ ซึ่งจะเห็นได้ชัดบนแถบ URL ที่แสดงบนเว็บไซต์นั้น ๆ ซึ่งจะขั้นด้วยเครื่องหมาย / เพื่อแบ่งให้รู้ว่าส่วนใดคือ Domain และส่วนใดคือหน้าต่าง ๆ ในเว็บไซต์นั้น ๆ เพื่อให้เห็นความแตกต่างเรายกตัวอย่างมาให้เห็นภาพ ดังนี้
ตัวอย่าง
เมื่อเข้าเว็บไซต์ https://blog.mandalasystem.com จะเห็นได้ว่า URL ที่ได้จะมีบอกว่าเว็บไซต์อะไร มี https ที่บ่งบอกถึงความปลอดภัยของเว็บไซต์ มีโดเมนชื่อเว็บไซต์ที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ ไม่ใช่เว็บไซต์สแปมหรือฟิชชิง (Phishing) ซึ่ง URL ที่แสดงคือ
URL : https://blog.mandalasystem.com และเมื่อต้องการเข้าไปที่หน้าอื่น ๆ ของเว็บไซต์นี้ หรือเห็นมีคนแชร์บทความหรือ หน้าอื่น ๆ ของเว็บไซต์นี้ จะมีตัวอักษร อักชระ หรือตัวเลขต่อท้าย URL ด้วย เช่น URL : https://blog.mandalasystem.com/th ซึ่งสิ่งที่ต่อท้าย URL แน่นอนว่าถ้าเข้าไปหน้าอื่น ๆ หรือเข้าเว็บไซต์ไปหน้าต่าง ๆ มากขึ้นก็จะต่อท้ายด้วย Slug ที่ยาวขึ้น เช่น URL : https://blog.mandalasystem.com/th/meme-marketing เป็นต้น
ถ้าจะเห็นภาพง่าย ๆ สามารถแบ่งโครงสร้างของ URL ได้ดังนี้
- Slug: th , meme-marketing
- URL Slug : /th/meme-marketing
- URL : https://blog.mandalasystem.com/th/meme-marketing
URL Slug มีความสำคัญกับการทำ SEO อย่างไร
ก่อนจะไปถึง URL Slug ก็ขอแนะนำว่า URL คืออะไรก่อน URL ย่อมาจากคำว่า ‘Uniform Resource Locator’ หรือที่เข้าใจโดยทั่วไปคือ ที่อยู่ของข้อมูลต่าง ๆ บนอินเตอร์เน็ต ซึ่งหากต้องการเข้าเว็บไซต์นั้น ๆ จำเป็นต้องรู้ URL ของเว็บไซต์นั้นก่อน จึงจะเข้าเว็บไซต์นั้นได้นั่นเอง ทำให้เมื่อเล่นอินเตอร์เน็ตและต้องการเข้าสู่เว็บไซต์ หลายคนจะพิมพ์แค่ชื่อหรือแบรนด์ หรือพิมพ์คีย์เวิร์ดที่ต้องการเพื่อเข้าไปอ่านข้อมูลบนเว็บไซต์นั้น ๆ
จึงทำให้การตั้ง URL จึงมีความสำคัญ แน่นนอว่ารวมไปถึง URL Slug ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำ SEO เช่นกัน เพราะอักษร อักชระ หรือตัวเลขที่ตามหลัง URL นั้นหากอ่านออกและบอกให้รู้ว่าหน้าของ URL นั้น ๆ เกี่ยวกับอะไร ตรงกับที่ต้องการค้นหาข้อมูลหรือไม่ ก็จะช่วยให้บอตของ Google จัดลำดับและดันการแสดงผลให้เว็บไซต์ขึ้นอันดับบนหน้าแรกได้นั่นเอง
สร้าง Slug ที่ดี ให้อัลกอริทึมชอบ ต้องทำอย่างไร
เมื่อเห็นความสำคัญของ URL Slug แล้ว ก็มีคำถามที่ว่าจะสร้างให้ดีได้อย่างไร เรามีตัวอย่าง และวิธีการสร้าง URL Slug ต่าง ๆ ให้ได้ลองพิจารณาและไปทำตามกันดูได้เลย
1. ใช้ภาษาไทย vs ภาษาอังกฤษ แบบไหนดีกว่ากัน?
แน่นอนว่าทุกคนล้วนมีคำถามว่าจะสร้าง URL Slug ด้วยภาษาอะไร เมื่อเว็บไซต์เป็นเว็บไทย จะใส่ภาษาอังกฤษดีไหม หรือจะใช้คีย์เวิร์ดภาษาไทยบน URL ดี ซึ่งจะขออธิบายดังนี้
การใช้ภาษาไทยหรืออังกฤษบน Slug ทั้ง 2 ภาษาล้วนส่งผลต่ออันดับของ SEO ได้ดีทั้งคู่ ไม่แตกต่างกันมากนัก สามารถตั้งได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ทั้งคู่ แต่ทั้ง 2 ภาษาจะมีข้อแตกต่างและมีข้อดี-ข้อเสีย ต่างกันดังนี้
- ข้อดีของ URL Slug ภาษาไทย
- ผู้ใช้งานอ่านเข้าใจง่ายว่าหน้าเพจนี้เกี่ยวกับอะไร
- ใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับคำค้นหาของผู้ใช้งานได้
- ข้อเสียของ URL Slug ภาษาไทย
- เมื่อมีการแชร์หน้าเว็บเพจ Slug จะเปลี่ยนเป็นอักขระพิเศษที่อ่านไม่เข้าใจ
- ผู้ใช้รู้สึกไม่สะดวกต่อการใช้งาน
- ข้อดีของ URL Slug ภาษาอังกฤษ
- เมื่อแชร์ URL ไปแพลตฟอร์มอื่นจะขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ
- ผู้ใช้รู้สึกสะดวกในการใช้งานมากกว่า
- ข้อเสียของ URL Slug ภาษาอังกฤษ
- จำเป็นต้องตัดคำฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็นในการทำ URL Slug ออกเสมอ
2. URL Slug กระชับและอ่านง่าย
ใช้คำหรือความหมายที่กระชับ อ่านแล้วเข้าใจโดยทันที พยายามใช้ไม่เกิน 5 คำ เช่น
- Good URL slug: /abs-exercises
- Bad URL slug: /the-best-abs-exercises-for-all-levels-of-gym-goer
ยิ่งไปกว่านั้น URL Slug ที่ยาวไปผลลัพธ์ที่แสดงผลเมื่อค้นหา จะถูกย่อลิงค์ URL ให้สั้นลง เพื่อเกิดการจดจำง่ายและพิมพ์ได้สะดวกขึ้น
3. URL Slug อธิบายได้ชัดเจน
เมื่อเข้าที่หน้าเพจแล้วบอกได้ทันทีว่าหน้านี้เกี่ยวกับเรื่องใด การใช้คีย์เวิร์ดหรืออธิบายสั้น ๆ ว่าหน้านี้เกี่ยวกับอะไร จึงจำเป็นนั่นเอง
- Good URL slug: /best-air-purifier
- Bad URL slug: /4522
4. แยกคำให้ชัดเจน
เมื่อตัดสินใจใช้ภาษาอังกฤษแล้ว จำเป็นต้องแยกคำให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้งานอ่านแล้วเข้าใจได้ทันที โดยไม่เกิดความสับสน
- Good URL slug: /best-travel-tips
- Bad URL slug: /besttraveltips
5. ใช้เครื่องหมายยัติภังค์ (-) แทนเครื่องหมายขีดเส้นใต้ (_)
เพื่อเป็นการป้องกันการแปลความผิดของระบบบอต เมื่อต้องการแยกข้อความ ไม่ใช่เว้นช่องว่าง
- Good URL slug: /good-old-fashioned-pancakes
- Bad URL slug: /good_old_fashioned_pancakes
6. ใช้ตัวอักษรพิมพ์เล็ก เพื่อป้องกันการเกิด Duplicate Content
เพื่อป้องกันระบบเข้าใจผิดว่า URL นี้หรือเนื้อหานี้มีการลอกเลียนแบบกัน การใช้ URL Slug ที่เป็นอักษรพิมพ์เล็กจึงเป็นการหลีกเลี่ยงได้ว่าเป็นเพียงแค่ Slug ต่อท้ายเท่านั้น รวมถึงทำให้สะดวกในการพิมพ์ด้วย
- Good URL slug: /new-york
- Bad URL slug: /New-York
7. หลีกเลี่ยงอักขระพิเศษ
การใช้อักขระ ไปจนถึงอีโมจิ จะสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้และบอต การสร้าง Slug จึงควรใช้เป็นคำมากกว่า
- Good URL slug: /emoji-meanings
- Bad URL slug: /😊🚀
8. ทำให้ใช้งานได้ระยะยาว
ข้อความที่ต่อท้าย URL ไม่ควรที่จะระบุวัน เวลา เพื่อเป็นการสร้างความยั่งยืนของเนื้อหาภายในที่สามารถใช้ได้ตลอด และใช้ในระยะยาวได้
- Good URL slug: /how-to-write-url-slugs
- Bad URL slug: /10-tips-to-write-url-slugs-in-2022
การเปลี่ยน URL Slugs บน WordPress
เมื่อเห็นความสำคัญของการตั้ง URL เว็บไซต์คืออะไร ไปบ้างแล้ว หากต้องการที่จะเปลี่ยน URL Slug ของเว็บไซต์ตัวเองบน WordPress ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
- ไปที่ ‘Setting’ > คลิก ‘Permalinks’
จะเห็นว่าสามารถเลือกโครงสร้างของลิงก์ตามภาพได้ แต่ที่อยากแนะนำคือการเลือกโครงสร้างแบบ ‘Post Name’ เพื่อให้สามารถใช้ Slug ที่เป็นชื่อเดียวกับบทความได้
จะเห็นได้ว่า WordPress จะใช้ URL Slug ตามชื่อของบทความ อย่างไรก็ตาม สามารถปรับชื่อ URL Slug ได้ เพียงแค่แก้ไขที่บนหน้าบทความ ซึ่งอยู่ในกล่องด้านขวาเพื่อหา ’URL’ และแก้ไขได้ตามภาพด้านล่าง
รวมถึงหากใช้ Plug-In เสริมก็สามารถแก้ไขได้ด้วยเช่นกัน และจะแสดงข้อมูลว่า Slug ที่ใช้นั้นมีคีย์เวิร์ดที่ต้องการด้วยหรือไม่
ตั้งค่า Slug ที่ถูกต้อง เพื่อทำให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพกว่าเดิม
จะเห็นได้ว่าการตั้ง Slug ให้ถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานบนเว็บไซต์ของผู้ที่เข้าชมได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การจัดอันดับในการทำ SEO ได้มากขึ้นด้วย ซึ่งสามารถนำตัวอย่างไปใช้งาน หรือประยุกต์ใช้กับเว็บไซต์ของเราได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามหากต้องการเพิ่มอันดับให้ดีขึ้นนั้น การใช้เครื่องมือนี้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยเพิ่มอันดับ ซึ่งจำเป็นต้องปรับส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความ โครงสร้างเว็บไซต์ หรือส่วนอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กันด้วย ซึ่งการทำ SEO จำเป็นต้องทำและปรับปรุงผลลัพธ์ตลอดเวลา เพื่อให้เว็บไซต์ทันสมัยและตรงกับพฤติกรรมการใช้งาน ประสบการณ์ของผู้เข้าเว็บไซต์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาเช่นกัน
ใช้ตัวช่วยอย่าง Mandala AI เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และติดตามเทรนด์การตลาดทั่วโลก เพื่อการพัฒนาการทำ SEO ของคุณ