Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

User experience (UX) และ User interface (UI) แตกต่างกันอย่างไร ?

User experience (UX) และ User interface (UI) แตกต่างกันอย่างไร ?

User experience (UX) คืออะไร

User experience

User experience (UX) หรือ การออกแบบเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากการใช้ Product นั้นๆ เช่นออกแบบให้ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน ทำให้ผู้ใช้งานใช้ได้อย่างไม่มีสะดุด ไม่มีการ Drop off ระหว่างทาง เป็นต้น

User interface (UI) คืออะไร

User interface

User interface (UI) หรือ การออกแบบหน้าตา Product ให้ความสวยงามและน่าใช้ เหมาะสมกับแต่ละฟีเจอร์ของ Product นั้นๆ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด

User experience (UX) แตกต่างกับ User Interface (UI)

จากนิยามของ UX และ UI ข้างต้น จะเห็นได้ว่าทั้งสองอย่างนี้ทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด โดย UX เปรียบเสมือนโครงสร้างของตึกหลังหนึ่ง ตอกเสาเข็ม มีการแบ่งสัดส่วนห้องต่างๆ อย่างดีและเหมาะสมกับผู้อยู่อาศัย ส่วน UI ก็มีหน้าที่แต่งเติมตึกหลังนี้ให้สวยงาม ให้ห้องแต่ละห้องน่าอยู่ เหมาะสมกับการอยู่อาศัยระยะยาว

mandala banner

UX/UI มีองค์ประกอบอะไรบ้าง

องค์ประกอบของ User experience

1. Design thinking: การคิดเชิงออกแบเป็นกระบวนการความคิดที่เริ่มจากการนำปัญหาของผู้ใช้งานเป็นที่ตั้ง แล้วพยายามหาวิธีใหม่ๆ ที่จะสามารถแก้ปัญหาที่เราได้ตั้งสมมติฐานขึ้นมาให้ได้ โดยต้องมีการทดสอบกับผู้ใช้งานจริงเพื่อวัดความสำเร็จด้วย

2. Service design เป็นการออกแบบบริการ หรือระบบอย่างใดอย่างหนึ่งให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ระบบทุกฝ่าย จะต่างกับ Design thinking ตรงที่ไม่ได้เน้นแค่ผู้ใช้งานหน้าบ้านเพียงอย่างเดียว แต่ผู้ให้บริการ ผู้ดูแลระบบ และ Stakeholder ทุกฝ่ายต้องได้รับประสบการณ์ที่ดีด้วย ถือว่าเป็นการนำความคิดแบบ Design thinking มาใช้ในสเกลงานบริการที่ใหญ่ขึ้นก็ว่าได้

3. Design sprint เป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยแบ่งออกเป็น sprint เพื่อความคล่องตัว ช่วยให้การออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น มีการทดสอบสม่ำเสมอเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่  ถือว่าตอบโจทย์การทำงานในยุคปัจจุบันมากกว่าที่เคยเป็นมา

องค์ประกอบของ User interface

1. Information design การออกแบบข้อมูลเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจและรับข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ควรจัดวางอย่างไร ด้วย Format แบบไหน เพื่อให้สื่อสารและเข้าใจได้ง่าย

2. Interaction design การออกแบบเพื่อให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับ Product เช่น ออกแบบ Navigation bar ให้ใช้ง่าย ผู้ใช้รู้ว่าจะหาอะไรเจอได้ตรงไหน หรือ Icon ที่เข้าใจง่าย ทำให้ผู้ใช้เข้าใจได้ตั้งแต่แรกที่เห็น เป็นต้น

3. Visual design ความสวยงาม สี ตัวอักษร และทุกอย่างที่เป็นองค์ประกอบศิลป์ ช่วยเติมเต็มประสบการณ์ผู้ใช้ให้สมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกขั้น

ประโยชน์ของ UX/UI มีอะไรบ้าง

1. ช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้า

แน่นอนว่า Product ที่มีความสวยงาม และดีไซน์เหมาะสมกับการใช้งาน ย่อมสร้างความประทับใจให้ผู้ใช้ได้มากกว่า ซึ่งจะส่งผลต่อทัศนคติที่มีต่อ Product ไปจนถึงตัวแบรนด์เลยก็ได้

2. ช่วยให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับ Product มากขึ้น

การมี UI ที่ดีช่วยให้ลูกค้าเข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น หาฟีเจอร์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดปฏิสัมพันธ์กับ Product ของเรามากขึ้น อาจรวมถึงยอด Conversion ที่อาจสูงขึ้นด้วย

3. ช่วยประหยัดต้นทุนและทรัพยากร

การมี UI ที่ดีตั้งแต่เริ่มพัฒนา Product จะช่วยให้เราไม่ต้องเสียต้นทุนและทรัพยากรในการแก้ไขบ่อยๆ แม้จะต้องมีที่แก้ไขบ้าง ก็จะไม่ได้เป็นการแก้ไขแบบถอนรากถอนโคน แต่เป็นการปรับแก้เพื่อให้สอดคล้องไปกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หรือเพื่อการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

mandala banner

สรุป

UX และ UI แม้จะมีความแตกต่างกันในส่วนของการทำงาน แต่ก็เป็นสิ่งที่เสริมกันและกันโดยขาดไม่ได้ กล่าวคือ UX จะเป็นผู้วางโครงสร้างและ Framework ส่วน UI มีหน้าที่ช่วยแต่งเติมหน้าบ้านให้ประสบการณ์ผู้ใช้สมบูรณ์แบบนั่นเองครับ

  • หมวดหมู่ :
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.