แคมเปญทางการตลาดที่เพิ่งปล่อยไปนั้นมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ?
แคมเปญไหนของแบรนด์ที่ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าและยอดขายมากที่สุด ?
สำหรับเหล่านักการตลาดออนไลน์ อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำการตลาดนอกจากการวางแผนกลยุทธ์แล้วนั้น คือการที่นักการตลาดหรือแบรนด์สามารถวัดผลแคมเปญได้
ซึ่งในปัจจุบันต่างก็มีเครื่องมือมากมายมาให้เหล่านักการตลาดได้เลือกใช้มาเป็นตัวช่วยในการวัดผลแคมเปญ และเครื่องมือที่เป็นที่รู้จักและคุ้นหูมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Google Analytics ที่ช่วยรายงานผลของจากการลงโฆษณาแต่ละแพลตฟอร์ม
แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งเครื่องมือที่มาช่วยให้ Google Analytics ทำงานได้อย่างมีประสิทธิมากขึ้น นั่นคือ UTM ที่มาช่วยตรวจสอบว่ายอด Traffic ของแต่ละแคมเปญนั้น มาจากช่องทางไหน เป็นสิ่งที่ทำให้นักการตลาดได้ข้อมูลที่ตรงจุดมากขึ้น สามารถนำไปปรับปรุงกับแผนการตลาดได้อย่างเหมาะสม
วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ UTM ว่าคืออะไรและจำเป็นสำหรับนักการตลาดแค่ไหน
UTM คืออะไร
UTM นั้นย่อมาจาก Urchin Tracking Module คือ ตัวแปร หรือ ที่ถูกเพิ่มเข้าไปใน URL หรือหากพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือการที่เราติดแท็กเพิ่มเข้าไปหลัง URL นั้น ๆ เพื่อติดตาม วิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ของลูกค้า ว่าพวกเขามาจากช่องทางไหน มาจากแคมเปญอะไร
การทำ UTM ซึ่งถือว่าเหมาะและเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะแบรนด์ที่ทำการตลาดหลายช่องทาง เพราะช่วยให้แบรนด์สามารถ Track ได้ว่าเม็ดเงินที่ลงทุนไปในช่องทาง E-commerce, Social media, และอื่น ๆ ช่องทางไหนสามารถสร้างยอดขายได้มากที่สุด แบรนด์ควรลงทุนหรือลดการใช้จ่ายกับช่องทางใด
องค์ประกอบ UTM มีอะไรบ้าง
1. Campaign Source
- เป็นการระบุแหล่งที่มาของการเช้าชมว่าผู้ใช้หรือลูกค้าแต่ละคนนั้นมาจากที่ใด ตัวอย่างเช่น Google, Facebook, Instagram, Newsletter เป็นต้น ซึ่งสามารถใช้คำย่อหรือชื่อเต็มก็ได้
2. Campaign Medium
- เป็นการระบุสิ่งที่ผู้ใช้กดเข้ามาที่เว็บไซต์ของ ทำให้รู้ว่าพวกเขาเข้ามาด้วยวิธีไหน ตัวอย่างเช่น CPC, banner, email, ลิงก์, วิดีโอ เป็นต้น
3. Campaign Name
- เป็นการระบุชื่อของแคมเปญหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับลิงก์นั้น ๆนี้ เช่น summer-sale, back-to-school เป็นต้น
องค์ประกอบทั้ง 3 ตัวที่เราได้ทำความเข้าใจไปนั้นถือเป็นองค์ประกอบหลักในการสร้าง UTM ที่ทำให้เรารู้รายละเอียดของ Traffic อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์แบบ เพราะเราสามารถรู้ได้ว่า Traffic มาจากไหน, ตัวกลางอะไรที่พามันมา, และมาจากแคมเปญไหนของแบรนด์
นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบอีก 2 อย่างที่เรายังต้องทำความรู้จัก การทำงานของ 2 องค์ประกอบนี้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแคมเปญ ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องระบุทุกครั้ง
4. Campaign Term
- ใช้ในการระบุคำค้นหาหรือคำโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับลิงก์ สำหรับแคมเปญที่เป็นการค้นหาจากโฆษณา PPC (Pay-Per-Click) หรือ Paid keyword จาก Google Ads เป็นต้น
5. Campaign Content
- ใช้ในการระบุส่วนของเนื้อหาที่แตกต่างกันในลิงก์เดียวกัน สำหรับการทดสอบ A/B หรือเนื้อหาที่แตกต่างกันในแคมเปญเดียวกัน เช่น banner-a, sidebar-button, first-cta-button เป็นต้น

ยกตัวอย่างการสร้าง UTM
สมติว่าเราต้องการจะ Track ยอด Traffic ของผู้ใช้ที่คลิกที่ Banner Mandala จากบล็อกชื่อ ‘Social Media Report คืออะไร ทำไมถึงสำคัญ’ สามารถสร้าง UTM ได้ดังนี้

ตัวอย่าง URL
UTM Source:

UTM Medium:

UTM Campaign:

ประโยชน์ของ UTM ต่อนักการตลาดออนไลน์
1. วิเคราะห์การยิงโฆษณา
หากแบรนด์หรือนักการตลาดใช้ UTM ในลิงก์ที่ใช้สำหรับการโฆษณาต่าง ๆ เช่น Google Ads, Facebook Ads, Twitter Ads ฯลฯ ก็ทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าแต่ละแคมเปญมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร Ads ของแบรนด์มีอัตราการคลิก (CTR) ที่เท่าไหร่ และอัตรา Conversion จากแคมเปญแต่ละชิ้นมีมากน้อยแค่ไหน
2. ประเมินและเปรียบเทียบแคมเปญ
นักการตลาดสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแคมเปญต่าง ๆ ได้ง่ายและตรงจุดมากขึ้น สามารถวัดผลได้ว่าแบรนด์ควรทำแคมเปญแบบใด บนช่องทางไหน ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับแบรนด์
3. ปรับแผนการตลาด
การวิเคราะห์ UTM ช่วยให้นักการตลาดเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการ Track ข้อมูลจากการใช้ UTM จะช่วยให้รู้ถึงพฤติกรรมของลูกค้า สามารถนำไปต่อยอด ปรับแผนการตลาดในอนาคตให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
4. ไม่ต้องลงทุนเกินความจำเป็น
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า UTM ช่วยให้ธุรกิจรู้ได้ว่าช่องทางการสื่อสารแบรนด์ช่องทางไหนมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทำให้แบรนด์สามารถวางแผนทางด้านการลงทุนได้อย่างเหมาะสม ถือว่าเป็นการใช้เม็ดเงินไปกับการทำการตลาดได้มีอย่างประสิทธิภาพ
แนะนำ 3 เครื่องมือในการช่วยสร้าง UTM
1. Google Campaign URL Builder
ถือเป็นเครื่องมือสร้าง UTM ที่ให้บริการฟรี ที่เหล่านักการตลาดนิยมใช้กันมากที่สุดเพราะเป็นเครื่องมือที่รองรับการทำงานโดย Google Analytics

2. UTM Builder
เครื่องมือสร้าง UTM ที่รองรับโดย Google Analytics, Mixpanel, และ Kissmetrics ให้บริการฟรีและใช้งานง่ายอีกเครื่องมือหนึ่ง

3. Buffer
เครื่องมือสร้าง UTM จาก Buffer ที่ช่วยให้คุณติดตามและวิเคราะห์การเข้าชมเว็บไซต์ของคุณทำงานคล้ายคลึงกับอีก 2 เครื่องมือข้างต้น

วัดผลแคมเปญของคุณด้วย UTM
การนำ UTM มาใช้ร่วมกับเครื่องมือทางการตลาดของคุณนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะสามารถวัด Traffic ของแคมเปญได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าคุณจะทำ Influencer marketing, E-mail marketing, Social media marketing และอื่นๆ การวิเคราะห์ข้อมูลจากตัวเลขนั้นทำให้แบรนด์สามารถประเมิณผลได้ดีและเห็นภาพชัดมากขึ้น สามารถนำข้อมูลไปต่อ ยอดในการปรับแผนการตลาดของแบรนด์ได้ มากไปกว่านั้นยังมีข้อดีคือเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้ฟรีอีกด้วย
