Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

รู้จัก Growth Hacking กลยุทธ์สร้างธุรกิจให้เติบโตโดยใช้เวลาเร็วที่สุด

รู้จัก Growth Hacking กลยุทธ์สร้างธุรกิจให้เติบโตโดยใช้เวลาเร็วที่สุด

เจาะลึกความหมายของ Growth Hacking ประโยชน์ที่มีต่อธุรกิจโดยเฉพาะในยุคการตลาดออนไลน์ พร้อม Tips การทำและตัวอย่าง เหมาะสำหรับทั้งผู้มีประสบการณ์ และ Growth Hacker มือใหม่

Growth Hacking คืออะไร?

growth hacking hacker

Growth Hacking คือกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ช่วยสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลาสั้น ๆ ผ่านการตั้งสมมติฐาน ทดลอง และนำข้อมูลที่ได้จากการทดลองไปปรับใช้กับกลยุทธ์ทางธุรกิจในอนาคต เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อไป 

ประโยชน์ของ Growth Hacking ที่มีต่อธุรกิจ 

  • การเติบโตที่รวดเร็ว – ใช้ได้ทั้งกับบริษัท Start-up ที่เพิ่งสร้าง ยังไม่เป็นที่รู้จัก และแบรนด์อยู่ในตลาดมานานแล้ว แต่ต้องการเพิ่ม Growth ในระยะเวลาจำกัด 
  • เพิ่ม Return on Investment (ROI) – การทำ Growth Hacking เป็นกางวางกลยุทธ์ผ่านการทดลองจริง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นข้อมูลที่จับต้องได้ มีการทำ Data Tracking และวัดผล ทำให้เข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายแบบไหน ช่องทางไหน หรือสินค้าไหนที่ได้รับการตอบรับดี หรือช่วยสร้างกำไรทางธุรกิจได้จริง ทำให้เราโฟกัสได้ถูกจุด และปรับปรุงกลยุทธ์ในอนาคตให้เข้ากับ Insight ที่ได้ ซึ่งส่งผลให้ได้ ROI ที่สูงตามมาด้วย
  • ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง – การทำ Growth Hacking ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงของตลาดและผู้บริโภคได้ตลอดเวลา เนื่องจากมีการทดลองและวัดผล เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปเรื่อย ๆ
  • ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่า – การทำ Growth Hacking เน้นใช้ช่องทางและการโปรโมททั้งแบบ Organic และ Paid อย่าง Social Media หรือเว็บไซต์ มาทำให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด เป็นการ Optimization ผ่านการทดลอง 
  • ยิ่งทำเยอะ ยิ่งแม่นยำ – ข้อดีของการทำ Growth Hacking อย่างต่อเนื่องไปสักพัก คือเราจะได้ข้อมูลจากการทดลองที่อัปเดท และเยอะพอที่จะวิเคราะห์เพื่อให้ได้ Insight ที่ถูกต้อง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้นใน Growth Stage ถัดไป

4 องค์ประกอบของ Growth Hacking มีอะไรบ้าง?

4 องค์ประกอบของ growth hacking

1. Creative Marketing

ความคิดสร้างสรรค์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของ Growth Hacking ชิ้นงาน Creative จากแบรนด์ควรพูดคุยกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้ง และมีความหลากหลาย ทั้งในส่วนของ Format  และความเหมาะสมกับช่องทางที่จะนำไปใช้

2. Behavioural Psychology

เข้าใจหลักจิตวิทยาพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง เพื่อหาช่องทางและวิธีการในการสื่อสารอย่างเหมาะสมในแต่ละ Growth Stage

3. Data & Analytics

การทำ Data Tracking และใช้เครื่องมือ Analytics ทำให้ Growth Hacker สามารถวัดผลจากการทดลองได้อย่างแม่นยำ และนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ ปรับใช้ หรือสร้าง Audience Segmentation ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. Technology & Automation 

การใช้เทคโนโลยีและ Automation ช่วยทุ่นแรงและเวลาในการทำงาน เช่นการทำ Email Marketing, AI Chatbot, AI แนะนำสินค้า เป็นต้น

Growth Hacking แตกต่างกับ Digital Marketing อย่างไร?

1. เป้าหมายต่างกัน

  • Growth Hacking: เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดดในระยะเวลาสั้น ๆ เริ่มจากการตั้งสมมติฐาน และทดลองเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ และข้อมูลมากเพียงพอให้วางแผนธุรกิจต่อไปได้ 
  • Digital Marketing: เน้นการทำกลยุทธ์ผ่านการวางแผนที่คิดมาอย่างดี รู้อยู่แล้วว่าต้องการทำอะไร ไปเพื่ออะไร ไม่ได้เน้นการทดลองเหมือนกับ Growth Hacking

2. Marketing Funnel ต่างกัน

  • Growth Hacking: เน้น Mid-Lower Funnel ทำกำไร เพิ่ม ROI เมื่อลงทุนไปแล้วต้องเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ 
  • Digital Marketing: เน้นการทำตลาดแบบ Full-funnel หรือองค์รวม ตั้งแต่สร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Awareness) ไปจนถึงการทำยอดขาย แบบ Mid-Lower Funnel

3. ต้นทุน

  • Growth Hacking: ใช้ต้นทุนให้น้อย เพราะยิ่งใช้มาก ROI ก็อาจจะตก จึงไม่ตอบโจทย์การสร้าง Growth ในแบบฉบับของ Growth Marketing
  • Digital Marketing: ใช้ต้นทุนมากกว่า เพราะเน้นสร้าง Brand Value เพื่อการเติบโตระยะยาว

4. วิธีการวัดผล

  • Growth Hacking: วัดผลจากตัวเลขที่จับต้องได้ผ่านระบบโฆษณาหลังบ้าน หรือเครื่องมือ Analytics เท่านั้น 
  • Digital Marketing: มีการวัดผลในรูปแบบอื่น ๆ ที่จับต้องได้ยากขึ้น เช่น Brand Lift หรือ Recall Rate เป็นต้น

5 วิธีการทำ Growth Hacking ให้ได้ผล

การประชุมวิธีการทำ Growth Hacking ให้ได้ผล พร้อมประเมินผล

1. สร้างสินค้าและบริการที่โดดเด่นในตลาด

สินค้าที่ผู้บริโภคต้องการอยู่เสมอคือสิ่งที่ช่วยขจัด Pain Point หรือเพิ่มความสะดวกสบายให้ชีวิต พยายามเลือกสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด และพัฒนาสินค้านั้นให้อยู่ในคุณภาพที่สูง มีจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่ง ไม่เหมือนใครในตลาด

2. ศึกษากลุ่มเป้าหมาย และช่องทางการเข้าถึง

ทำความเข้าใจพฤติกรรมและความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างสรรค์ผลงาน Creative ที่ดึงความสนใจของพวกเขาให้ได้มากที่สุด รวมถึงเลือกช่องทางสื่อสารที่เหมาะสม เช่น Social Media เพื่อให้เกิดการแชร์และคอมเมนต์ต่อ E-commerce เพื่อปิดการขายในยุคการตลาดออนไลน์ หรือ SEO เพื่อดึง Organic Traffic ยิ่งมีช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายยิ่งได้เปรียบ

3. ทดลองให้บ่อย

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Growth Hack คือการตั้งสมมติฐาน ทดลอง และวัดผลเพื่อเก็บข้อมูล จึงแนะนำให้มีการทดลองและวัดผลอย่างต่อเนื่อง และควรมีการควบคุมตัวแปรอย่างเหมาะสม เช่น การทำ A/B testing เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้ได้ Growth ที่สูงขึ้น และมีข้อมูลที่เพียงพอต่อการปรับกลยุทธ์ต่อไป

4. ตรวจสอบ Data Tracking ก่อนและระหว่างรันแคมเปญ

เพราะการวัดผลเป็นเรื่องสำคัญ เราจึงควรเทสต์ก่อนเริ่มรันแคมเปญว่า Pixel หรือ Tag ทำงานหรือไม่ UTM รายงานผลถูกไหม เครื่องมือ Analytics ตรวจจับข้อมูลได้อย่างที่ต้องการหรือเปล่า หรือเมื่อรันแคมเปญไปแล้วตัวเลขผลลัพธ์ดูแปลกไป ก็ควรตรวจสอบด้วย การรายงานผลจะได้ไม่ผิดพลาด

5. ฟีดแบคจากลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญ

นอกจากเรื่องของตัวเลขแล้ว Feedback ที่เป็นข้อความ ความเห็น หรือการให้คะแนนสินค้าจากลูกค้าก็เป็นข้อมูลช่วยในการทำ Growth Hacking เช่นกัน เรื่องไหนที่ดี ควรนำมาโปรโมตต่อ สิ่งไหนที่ยังต้องปรับปรุง ก็ควรให้ความสนใจและตอบกลับ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราให้ความสำคัญกับพวกเขาเสมอ

ตัวอย่างการทำ Growth Hacking ที่สามารถเอาไปใช้ได้จริง

1. สร้าง Community เพื่อสื่อสารกับลูกค้า

การสร้าง Community ไม่ต้องใช้งบประมาณมาก แต่ได้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้หลายคนในเวลาเดียวกัน และยังทำให้เกิดการสนทนาในประเด็นที่เกี่ยวกับสินค้าหรือแบรนด์ต่อไม่รู้จบ เช่น การสร้างกลุ่มใน Facebook Group หรือ LINE OpenChat เป็นต้น

2. ใช้ Martech Tool ในการทำการตลาด

การลงทุนกับเทคโนโลยีช่วยทุ่นแรงและเวลาได้อย่างมหาศาล แถมยังช่วยจัดการข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ CRM Platform หรือ AI Chatbot รวมถึงการสร้าง Automated Email Campaign ที่เพิ่ม ROI ได้อย่างมหาศาล เนื่องจาก 90% ของผู้บริโภคเช็คอีเมลทุกวัน และกว่า 70% มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าหรือบริการที่สนใจด้วย 

3. การตลาดแบบบอกต่อ (Referral Program)

การตลาดแบบ Referral ช่วยให้เกิด Conversion ได้ดี และเหมาะกับการทำ Growth Hacking เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นแคมเปญให้ลูกค้าเก่าช่วยบอกต่อ หรือการทำ Affiliate Marketing กับ KOL บนช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ 

4. สร้างพันธมิตรกับแบรนด์คู่ค้า

ลองหาพันธมิตรทางการตลาดที่ขายสินค้าหรือบริการ ที่ส่งเสริมหรือไปได้ดีกับเรา เหมือนสายการบินต่าง ๆ ที่จับมือทำดีลพิเศษกับโรงแรม หรือร้านอาหารที่ทำโปรโมชันร่วมกับบัตรเครดิต เป็นต้น

5. การตลาดแบบไวรัล (Viral Marketing)

การตลาดแบบไวรัลคือการทำให้สินค้าเป็นที่พูดถึง หรือเป็นประเด็นขึ้นมาในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มการรับรู้ และยอดขายได้อย่างรวดเร็ว ตอบโจทย์ Growth Hacking เป็นอย่างยิ่ง และเหมาะกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter หรือ TikTok 

3 ตัวอย่างการทำ Growth Hacking ที่สร้างผลลัพธ์มหาศาลให้กับบริษัทชั้นนำ

1. Hotmail

Hotmail ผู้ให้บริการอีเมล (ปัจจุบันคือ Outlook) ทำ Growth Hacking ที่เพิ่มผู้ใช้งานใหม่ได้มากถึง 12 ล้านบัญชีภายใน 18 เดือน โดยการเพิ่ม Signature เข้าไปในอีเมลทุกฉบับที่ส่งออก ให้ผู้รับสามารถสมัครบัญชีอีเมลใหม่ได้ผ่านลิงก์ทันที ซึ่งเป็นกลยุทธ์ง่าย ๆ ที่ไม่ต้องอาศัยเงินทุนสูง เพียงแต่ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการพลิกแพลงวิธีการสื่อสาร

2. Dropbox

เจ้าของธุรกิจฝากไฟล์ออนไลน์ สร้าง Growth Hack จากแคมเปญเชิญชวนให้ผู้ใช้งานชวนคนรู้จักมาสมัครใช้ Dropbox โดยสิ่งที่ Dropbox จะให้เป็นการตอบแทน คือพื้นที่เก็บไฟล์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้จำนวนผู้ใช้งานสูงขึ้นจาก 100,000 บัญชี เป็น 4,000,000 บัญชี ภายในระยะเวลา 1 ปีเศษ 

3. Airbnb

Airbnb แพลตฟอร์มให้บริการและจัดหาที่พักชื่อดังที่เริ่มทำ Growth Hacking ผ่านการศึกษากลุ่มเป้าหมาย และหาช่องทางในการสื่อสารกับพวกเขา 

โดย Airbnb พบว่ากลุ่มเป้าหมายมักจะเข้าไปโพสต์และหาข้อมูลเกี่ยวกับการโฆษณา/หาบ้านบนเว็บไซต์ Craigslist จึงวางกลยุทธ์ให้ใครก็ตามที่ลงให้เช่าที่พักใน Airbnb จะได้รับการลิงก์ข้อมูลแบบ Automatic ให้ไปแสดงผลใน Craigslist ด้วย ซึ่งช่วยให้ยอดผู้ใช้งานสูงขึ้นอย่างมากในช่วงแรก และเป็นฐานให้ Airbnb สร้างอัตราการเติบโตต่อผ่านการทำ Content และโปรโมตบนช่องทางต่าง ๆ

เริ่ม Growth Hacking อัพสปีดธุรกิจของคุณด้วยเครื่องมือ Mandala AI

หัวใจสำคัญของการเป็น Growth Hacker ไม่ใช่คนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด แต่ต้องเป็นคนที่เข้าใจลูกค้ามากที่สุด ทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ แล้วค่อยนำความคิดสร้างสรรค์เข้ามาเพื่อตอบสนองข้อมูลเชิงลึกเหล่านั้น ผ่านการทำ Social Listening จากแหล่งโซเชียลต่าง ๆ ช่วยให้เห็นภาพรวมของข้อมูลทั้งหมด ง่ายต่อการตัดสินใจ ไม่ว่าด้วยฟีเจอร์อย่าง Sentiment ที่ช่วยให้เราเห็นปัญหาต่าง ๆ จนนำไปสู่การพัฒนาแบรนด์ให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากยิ่งขึ้น หรือฟีเจอร์ Insight Analytics ที่ช่วยให้ Growth Hacker สามารถสรุป Campaign ได้อย่างรวดเร็ว และมองเห็น Data สำคัญได้ง่ายขึ้น

ทดลองใช้ Mandala AI ฟรี!
  • หมวดหมู่ :
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.