Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

สร้างกลยุทธ์ 7Ps Marketing Mix ตอบโจทย์ธุรกิจคุณ พร้อมตัวอย่าง

สร้างกลยุทธ์ 7Ps Marketing Mix ตอบโจทย์ธุรกิจคุณ พร้อมตัวอย่าง

หากกล่าวถึงสิ่งสำคัญขั้นพื้นฐานในการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาด คงไม่มีนักการตลาดคนไหนไม่รู้จักกับองค์ประกอบทางการตลาด หรือ Marketing mix โดยเฉพาะในยุคที่มีการแข่งขันทางการตลาดสูงและพฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เหล่านักการตลาดต้องคอยปรับกลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์ให้ทันการสถานการณ์อยู่เสมอ

หนึ่งในกลุ่มเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญในการสร้างกลยุทธ์อย่างมีหลักการที่นักการตลาดคุ้นเคยกันมาอย่างยาวนานคือ ส่วนประสมทางการตลาด 7P หรือ 7P Marketing mix ที่ถูกคิดค้นมาตั้งแต่ 1960 โดย E. Jerome McCarthy ซึ่งกล่าวถึงองค์ประกอบสำคัญ 7 อย่างที่แบรนด์และเหล่านักการตลาดต้องให้ความสำคัญเมื่อเริ่มวางแผนทางการตลาด 

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 7P Marketing Mix ว่ามีอะไรบ้าง และกลยุทธ์นี้สามารถช่วยคุณสร้างแคมเปญทางการตลาดให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร

7Ps Marketing Mix คือ

7Ps Marketing Mix เป็นองค์ประกอบทางการตลาด 7 องค์ประกอบที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างแผนการตลาดได้อย่างมีหลักการ ทำให้สินค้าและบริการของแบรนด์เป็นที่โดดเด่นกว่าคู่แข่งเจ้าอื่น ๆ ซึ่ง 7P Marketing นั้นเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต่อยอดมาจาก 4P Marketing mix อีกที โดยได้มีการเพิ่มปัจจัยเข้ามาอีก 3 ข้อ พอกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนอาจเกิดคำถามว่า แล้ว 4P และ 7P ต่างกันอย่างอย่างไร ? ทำไมถึงเกิดการต่อยอดเพิ่มขึ้นมา ? เรามาทำความเข้าใจกันง่าย ๆ ได้ดังนี้

4Ps กับ 7Ps ต่างกันอย่างไร

กลยุทธ์ 4P Marketing mix นั้นมีองค์ประกอบอยู่ 4 อย่าง นั่นคือ Product, Price, Promotion และ Place ทั้ง 4 ปัจจัย เป็นสิ่งพื้นฐานที่นักการตลาดหรือแบรนด์สามารถนำไปวิเคราะห์และสร้างแผนการตลาดของแบรนด์ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่เน้นตัวสินค้าเป็นหลัก

อย่างที่กล่าวไปว่าในของยุคนี้ นวัตกรรมและพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้านั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และกลยุทธ์ 4P ที่มุ่งเน้นไปที่ตัวสินค้าเป็นหลักนั้นอาจไม่ครอบคลุมและไม่สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันได้ ทำให้เกิด 7P ขึ้นมา โดยมีการเพิ่มปัจจัยเข้ามาอีก 3 อย่าง คือ People, Process และ Physical Evidence เพื่อให้ธุรกิจนั้น สามารถสร้างเทคนิคทางการตลาดให้ตอบโจทย์ลูกค้าในด้านสินค้า รวมไปถึงมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ได้อีกด้วย

ทำไม 7P Marketing ถึงสำคัญ

1. สร้างแผนการตลาดที่ครอบคลุม

อย่างที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า 7P นั้นถูกต่อยอดมาจาก 4P Marketing ที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างสินค้าให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย แต่สำหรับ 7P นั้นได้เพิ่มปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลให้แบรนด์สร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าได้ กลยุทธ์  7P ถือว่าครอบคลุมปัจจัยสำคัญทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจและการซื้อของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน

2. สร้างธุรกิจแบบ Customer-Centric

เพราะลูกค้าคือปัจจัยหลักในการทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ดังนั้นการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลักเป็นเรื่องที่ธุรกิจในทุกวันนี้ไม่ควรมองข้าม หากแบรนด์ตอบโจทย์ลูกค้าจำนวนมากได้ดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถสร้างยอดขายได้มากเท่านั้น 

3. จัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7P ช่วยให้ธุรกิจจัดสรรทรัพยากรรวมไปถึงงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการทำความเข้าใจในเรื่องการตั้งราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย การสร้างกลยุทธ์การส่งเสริมการขายที่เหมาะสม การเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภค และอื่น ๆ ซึ่งส่งผลให้ทุกเม็ดเงินที่ได้ลงทุนไปได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าที่สุด 

4. สร้างข้อได้เปรียบในการตลาดยุคใหม่

หากแบรนด์สามารถนำกลยุทธ์ 7P อย่างใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะสามารถช่วยให้ธุรกิจสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ มากไปกว่านั้นแบรนด์ที่คอยปรับกลยุทธ์ตามเทรนด์อย่างสม่ำเสมอโดยอิงหลักการ 7P Marketing ก็จะยิ่งช่วยให้ธุรกิจนั้นนำหน้าธุรกิจอื่นๆ ได้ก่อนใคร อีกด้วย

5. มีความยืดหยุ่น

กลยุทธ์ 7P นั้นถือว่ามีความยืดหยุ่นอย่างมาก เพราะไม่ว่าธุรกิจและนักการตลาดจากอุตสาหกรรมไหน หรือธุรกิจของคุณมีกลุ่มเป้าเป็นคนกลุ่มใด ก็สามารถนำกลยุทธ์นี้ไปปรับใช้กับแผนการตลาดของตัวเองได้

7P มีอะไรบ้าง

7p marketing mix

1. Product

Product ในมุมมองของ  7P Marketing นั้น ไม่ได้หมายถึงแค่สินค้าและบริการอย่างเดียว แต่ยังหมายถึง สิ่งที่ลูกค้ามองว่าแบรนด์นั้นเป็นอย่างไร ซึ่งปัจจัยสำหรับการสร้าง Product ยังสามารถรวมไปถึง คุณภาพของสินค้าและบริการ, Packaging, ดีไซน์ของสินค้า, Logo, ชื่อสินค้า, สัญลักษณ์ที่ใช้, รูปภาพสินค้า, การใช้งานของสินค้า, ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใช้งาน, บริการ Customer Service หรืออื่น ๆ ได้อีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเปิดร้านกาแฟ Product ของคุณนั้นไม่ควรถูกจำกัดความอยู่แค่ที่ ‘ร้านกาแฟที่ขายกาแฟ’ เพียงเท่านั้น แต่ควรจะเป็น ร้านกาแฟ ที่ได้เมล็ดกาแฟมาจากการสนับสนุนเกษตรกรชุมชนในต่างจังหวัดผ่านการปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี อีกทั้งยังมีพื้นที่ที่สงบสำหรับคนที่ต้องการอ่านหนังสือหรือทำงาน บริการน้ำดื่มและปลั๊กสำหรับชาร์จคอมหรือโทรศัพท์ฟรี เป็นต้น  

สามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้อย่างไร:

สำหรับธุรกิจใหม่ ก่อนที่จะสามารถสร้าง Product ตามตัวอย่างด้านบนได้นั้น จะต้องทำการศึกษาหรือกำหนดก่อนว่า กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์จะต้องเป็นคนแบบไหน มีไลฟ์สไตล์อย่างไร ช่วงอายุเท่าไหร่  หรือที่เราเรียกกว่าการทำ Buyer Persona นั่นเอง สำหรับคนที่มีธุรกิจอยู่แล้ว แต่ต้องการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด ก็สามารถศึกษาข้อมูลเชิงลึกได้จาก Feedback ของลูกค้า ไม่ว่าจะผ่านการรีวิวหรือ Comment บนโพสต์ของแบรนด์ หรือการใช้เครื่องมือเข้ามาช่วยก็ได้เช่นกัน   

นอกจากทำการศึกษากลุ่มเป้าหมายแล้ว การวางแผน Product ในการทำ Digital Marketing ของแบรนด์นั้น ยังจำเป็นต้องคำนึงถึงหลักสำคัญ 4 ปัจจัย คือ  

  • Core Product – คุณค่าหลักที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับคืออะไร
  • Product Attribute – จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นั้นมาจากอะไร มีคุณสมบัติอย่างไร ลักษณะทางกายภาพ ขนาด ความสวยงาม ความคงทน ฯลฯ
  • Product Feature – ฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคมีอะไรบ้าง
  • Product Benefit – ประโยชน์ของสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคจะได้รับคืออะไร

2. Price

Price คือ การรูปแบบในตั้งราคาสำหรับสินค้าหรือบริการของแบรนด์ที่นำไปขายตามท้องตลาด ซึ่งการตั้งราคามีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายอย่างมาก เพราะลูกค้าแต่ละคนนั้น มีเกณฑ์ของราคาที่พวกเขาเต็มใจที่จะจ่ายต่างกัน หากแบรนด์ตั้งราคาสินค้าและบริการในราคาที่สูงแต่สามารถให้สินค้าคุณภาพดีให้แก่ลูกค้าได้ ก็อาจมีแนวโน้มที่พวกเขาเต็มใจจะจ่าย ซึ่งเกณฑ์ในการตัดสินใจซื้อของกลุ่มเป้าหมายข้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น Positioning หรือจุดยืนของแบรนด์ , ส่วนลดของสินค้าและบริการ , วิธีการหรือช่องทางการชำระเงิน, ฟีเจอร์ต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าเป็นต้น 

สามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้อย่างไร:

กลยุทธ์ในการตั้งราคานั้นนั้นมีอยู่หลากหลายวิธี แบรนด์สามารถเลือกตั้งราคาโดยอิงจากรูปแบบธุรกิจ จำนวนคู่แข่ง หรือจุดยืนของแบรนด์ เป็นต้น เรามาทำความรู้จักกับ 6 กลยุทธ์พื้นฐานในการตั้งราคาดังนี้ 

  • Price skimming: คือการตั้งราคาสูงในช่วงแรกที่สินค้าเข้าสู่ตลาดแล้วจึงค่อยลดราคาลง โดยปกติวิธีนี้เหมาะสำหรับสินค้าในหมวดหมู่เทคโนโลยีและนวัตกรรม
  • Competition-based pricing: การตั้งราคาโดยอิงจากราคาตามท้องตลาดเป็นหลัก โดยแบรนด์สามารถตั้งราคาให้ใกล้เคียงกับคู่แข่ง โดยตั้งให้สูงกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้ ตามความสอดคล้องกับเป้าหมายทางการตลาด 
  • Value-based pricing: วิธีการตั้งราคารูปแบบนี้จะไม่อิงราคาตามท้องตลาด แต่จะเน้นไปที่คุณค่าของตัวสินค้า ซึ่งมักจะเป็นวิธีที่ ไฮเอนด์แบรนด์นิยมใช้กัน โดยส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ในเรทราคาที่สูง  
  • Cost-plus pricing: คือการตั้งราคาโดยคำนึงถึงกำไรที่ต้องการเป็นหลัก โดยการเอาต้นทุน + กำไรที่ต้องการ อย่างเช่นแบรนด์ของคุณมีต้นทุนที่ 400 บาทและต้องการกำไร ที่ 250 บาท นั่นหมายความว่า ราคาขายของสินค้าตัวนั้นจะอยู่ที่ 650 บาท 
  • Psychological Pricing: ตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา เช่น ราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 อย่าง 99, 129, 549 เป็นต้น 
  • Promotion Pricing: การตั้งราคาในช่วงการทำโปรโมชัน เช่นลดราคาตามเทศกาลสำคัญ ลดราคาพิเศษ
mandala banner

3. Promotion

Promotion คือ การสื่อสารแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้แบรนด์จะต้องกำหนด Segmentation, Targeting, และ Positioning ของกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อให้สินค้าและบริการของแบรนด์นั้นเป็นที่น่าสนใจ เป็นที่ต้องการต่อผู้พบเห็น และสามารถสร้างยอดขายให้แบรนด์ได้ สิ่งสำคัญในการทำ Promotion คือแบรนด์จะต้องเข้าใจช่องทางการสื่อสารและรูปแบบของคอนเทนต์แต่ละแพลตฟอร์มด้วยเช่นกัน เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละช่องทางนั้นแตกต่างกัน 

ตัวอย่างการวิเคราะห์ Promotion ในกลยุทธ์  7P เช่น หากอิงจากธุรกิจร้านกาแฟที่เราได้ยกตัวอย่างไปก่อนหน้านี้ หากคุณกำลังเปิดร้านกาแฟ คุณก็สามารถทำ Content ถ่ายรูปภาพและวิดีโอ เมนู การตกแต่งร้าน การอัพเดทโปรโมทชันหรือเมนูพิเศษลงใน Social Media ของร้าน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายอย่างเหล่า Cafe hopper ได้เห็นถึงบรรยากาศของร้านคุณ นอกจากนี้ก็สามารถจ้าง Blogger สายคาเฟ่ มาช่วยรีวิวรสชาติของเครื่องดื่ม บริการของที่ร้าน มุมที่น่าถ่ายรูป ผ่าน Instagram ส่วนตัว เพื่อช่วยร้านของคุณเป็นที่พบเห็นได้กว้างขึ้นได้

สามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้อย่างไร:

สำหรับการสื่อสารแบรนด์หรือ Promotion ในหลักการตลาด 7P ธุรกิจสามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยเฉพาะในยุคนี้ที่เน้นการตลาดออนไลน์เป็นหลัก จึงมีความจำเป็นอย่างมากในการสื่อสารไปในหลาย ๆ ช่องทาง ซึ่งแบรนด์สามารถทำ Promotion สินค้าและบริการได้ดังนี้ 

  • ​​การยิง Ads 
  • การทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายพบเจอสินค้าและบริการของแบรนด์ในอันดับต้น ๆ 
  • การทำโปรโมชัน เช่น การแจกคูปองลดราคา หรือสะสมแต้ม
  • การทำ PR เช่น การสร้างแคมเปญผ่านแฮชแทก (Hashtag) บน Social media หลาย ๆ ช่องทาง 
  • การทำ Influencer marketing
  • การทำ Email marketing
  • การจัดกิจกรรมเกี่ยวกับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการ เป็นต้น

4. Place

Place ในกลยุทธ์ 7P นั้นก็คือช่องทางในการกระจายสินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้พวกเขาเข้าถึงได้ง่ายและมากที่สุด โดยเฉพาะในการทำธุรกิจทุกวันนี้ แบรนด์ก็สามารถทำให้ลูกเข้าถึงสินค้าได้ทั้งช่องทางออฟไลน์ อย่างการวางขายที่หน้าร้าน และออนไลน์ ที่ไม่ว่าจะเป็น website ของแบรนด์, แอปพลิเคชันของแบรนด์, แพลตฟอร์ม E-commerce, หรือ Social media ต่าง ๆ นอกจากนี้หาแบรนด์ไหนมีต้องการสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ครบครันให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ยังสามารถทำช่องการขายแบบครบวงจร หรือ Omni channel ได้ด้วยเช่นกัน

ยกตัวอย่าง Place ในหลักการตลาด 7P สำหรับการกระจายสินค้าและบริการของแบรนด์เช่นแพลตฟอร์มที่เราคุ้นเคยกันดีอย่าง Shopee, Lazada, Watson, Gowabi, Sephora หรือ Social media ที่มี Feature ให้ผู้ใช้กดซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกอย่าง TikTok และ Facebook เป็นต้น

สามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้อย่างไร:

ในการกำหนดช่องทางของแต่ละแบรนด์นั้นต้องคำถึงปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบธุรกิจของแบรนด์ (B2B, B2C, C2C), ช่องทางในการซื้อขายที่เหมาะสม, จำนวนของช่องทาง, ช่องทางตาม Segmentation ของลูกค้า,  ช่องทางในการสนับสนุนลูกค้า หรือ Sale Support เป็นต้น

5. People

ปัจจัย People นั้นเกี่ยวข้องกับการจัดการคนหรือพนักงานของแบรนด์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการบริการที่หน้าร้าน การตอบกลับข้อความ หรือการบริการหลังการขาย เพราะหากลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์ นั่นก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการสร้าง Brand loyalty และเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่องได้อีกด้วย 

ยกตัวอย่างการจัดการ People เช่น หากคุณทำธุรกิจโรงแรม คุณสามารถจัดการอบรมให้หรือความรู้ด้านการต่อรองและการจัดซื้อกับ Supplier หรือดีลเลอร์ให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายของคุณ, การอบรมมารยาทการบริการสากลให้กับพนักงานต้อนรับ พนักงานทำความสะอาด, การชี้แจงกฏระเบียบของโรงแรม, แนวทางการตอบคำถามและการแก้ปัญหา เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจกับบริการของโรงแรมคุณมากที่สุด นอกจากนี้ควรมีการสร้างระบบการประเมิณพนักงานทุก ๆ ไตรมาส เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาช่วยพัฒนาโปรแกรมการบริหารพนักงานโรงแรมของคุณให้ดียิ่งขึ้น

สามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้อย่างไร:

  • การอบรมพนักงาน: มีการจัดอบรมให้แก่พนักงานเพื่อให้พวกเขาเข้าใจทักษะในการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย, การต่อรองต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการขายสินค้าและบริการของธุรกิจคุณ
  • การคัดเลือกพนักงาน: มีการสัมภาษณ์และทำแบบทดสอบที่ต้องทำให้คุณมั่นใจว่าพนักงานคนนี้มีคุณสมบัติหรือสอดคล้องกับรูปแบบการทำงานของบริษัท 
  • การจัดการ Complain ของลูกค้า: ทุก Feedback ของลูกค้านั้น เป็นข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญในการนำมาปรับปรุงการให้บริการของพนักงาน
  • ให้ความสำคัญกับ Customer relationship management (CRM): เป้าหมายหลักของการบริหารคน คือการสร้าง Customer journey ที่ราบรื่นที่สุด ที่สามารถก่อให้เกิด Brand loyalty ที่เหนียวแน่นระหว่างตัวแบรนด์และลูกค้า

6. Process

process

Process คือ กระบวนการของแบรนด์ในการนำเสนอสินค้าหรือบริการให้แก่ลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้า การโปรโมทแบรนด์ การเข้าถึงลูกค้า บริการหลังการขาย กล่าวได้ว่าทุกขั้นตอนใน Customer journey ซึ่ง Process ใน 7P นี้ จะช่วยให้แบรนด์เข้าใจลูกค้าได้มากที่สุด เพราะแบรนด์จะรู้ได้ว่าในแต่ละขั้นตอนนั้น ลูกค้ามีความคาดหวังต่อแบรนด์อย่างไร สามารถใช้กลยุทธ์ใดเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าได้มากที่สุด หรือแม้แต่วิธีไหนที่อาจทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดีต่อแบรนด์ได้ 

นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการซื้อสินค้าและบริการแล้วนั้น ยังสามารถลดต้นทุนหรือรายจ่ายที่ไม่จำเป็นของแบรนด์ได้อีกด้วย เพราะหากแบรนด์มีลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน ก็ทำให้พนักงงานของแบรนด์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาดในแต่ละขั้นตอนได้อีกด้วย

ยกตัวอย่าง Process เช่น คุณเป็นเจ้าธุรกิจเครื่องสำอางค์ที่มีหน้าร้าน และพัฒนาแอปพลิเคชันของแบรนด์ ออกแบบแอปฯให้มีความเสถียร ใช้งานง่าย ลูกค้าสามารถเลือกดูสินค้าและซื้อสินค้าได้ในที่เดียว นอกจากนี้ยังมี Chatbot ที่คอยให้บริการ ตอบคำถาม แก้ไขปัญหาพื้นฐานตลอด 24 ชั่วโมง 

สามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้อย่างไร:

แบรนด์สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ในการสร้าง Process ได้ดังนี้ 

  • ทำ Research เก็บ Insight ของลูกค้าเพื่อพัฒนาและต่อยอดกลยุทธ์ของแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ
  • การมีทีม IT ที่เชี่ยวชาญที่คอยดูแลการทำงานของ Website หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ของแบรนด์ให้มีความเสถียร
  • มี UI และ UX ของ Website และแอปพลิเคชัน ที่ใช้งานง่าย รองรับทั้งอุปกรณ์เดสก์ทอปและสมาร์ทโฟน

7. Physical Evidence

หากกล่าวในมุมของการตลาดนั้น Physical evidence คือการมอบประสบการณ์ที่ลูกค้าจับต้องได้ผ่านการเข้าถึงแบรนด์หรือการซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งนั่นรวมถึงสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก ป้าย บรรจุภัณฑ์ และสิ่งที่จับต้องได้อื่นๆ ที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ 

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณทำเปิดร้านทำเล็บ ปัจจัยที่สำคัญนั้นนับตั้งแต่ การตกแต่งร้าน สภาพแวดล้อมของร้าน ความสะอาด มีกลิ่นหอม มีระบบการจองคิวและจ่ายเงินที่สะดวก มีพนักงานที่คอยบริการลูกค้าอย่างทั่วถึง การมีแอดมินคอยตอบข้อความลูกค้าอย่างทันท่วงที หรือแม้แต่จำนวนสีของยาทาเล็บ ทั้งหมดนี้ถือเป็น Physical evidence ของธุรกิจคุณ

สามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้อย่างไร: 

  • สร้าง Customer experience ที่ดี ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์
  • การมีทีม Customer Support ที่ดีและมีประสิทธิภาพตั้งแต่การใช้บุคลากรจริง สร้าง FAQ และการใช้ Chatbot
  • การออกแบบ Website และ แอปพลิเคชันให้มีความสวยงามและใช้งานได้อย่างสะดวก 
  • มีขั้นตอนการจ่ายเงินที่เข้าใจง่าย
  • การแต่งกาย และท่าทางการพูดของพนักงาน
  • โลโก้แบรนด์ การตกแต่งร้าน หรือกลิ่นภายในร้าน
  • อุปกรณ์ที่ใช้ในการบริการ
mandala banner

สร้างกลยุทธ์ 7P Marketing Mix ที่ตอบโจทย์ธุรกิจคุณ

การใช้ 7P Marketing mix มาเป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์นั้นนอกจากจะทำให้แบรนด์พัฒนาสินค้าให้ถูกใจผู้บริโภคแล้ว ยังสามารถสร้าง Customer experience ที่ดีให้แก่ลูกค้าได้อีกด้วย และอย่างที่ได้กล่าวไปว่าเพราะลูกค้าคือสิ่งที่ชี้วัดว่าธุรกิจของคุณนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ ยิ่งแบรนด์ตอบโจทย์ลูกค้ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าได้ เพิ่มโอกาสในการซื้อซ้ำ จนกระทั่งสร้างยอดขายที่ต่อเนื่องให้แบรนด์ได้

  • หมวดหมู่ :
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.