Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

สรุป Marketing 6.0 เข้าใจง่าย แนวคิดการตลาดยุคใหม่ ตามทันโลก Metaverse

สรุป Marketing 6.0 เข้าใจง่าย แนวคิดการตลาดยุคใหม่ ตามทันโลก Metaverse

เจาะลึก Marketing 6.0 การตลาดยุคใหม่ในวันที่ Marketing 4.0 อาจไม่เพียงพอ รู้จักวิธีการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ให้ดีกว่าเดิมด้วย AI รวมถึงตัวอย่างกรณีศึกษาที่สร้างรายได้ให้กับแบรนด์ดังระดับโลกมาแล้ว

รู้จักการตลาดแบบ Marketing 6.0 คืออะไร?

Marketing 6.0 เป็นการตลาดยุคใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการปรับปรุงสินค้าหรือบริการให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด รวมถึงสร้างความแปลกใหม่ให้กับกลยุทธ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์เอง ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในยุค Digital Transformation ที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ทางการตลาดออกมามากมาย

รู้จักการตลาด 1.0 – 6.0

การตลาด 1.0-6.0
  • การตลาด 1.0 >  การตลาดแบบสินค้าเป็นศูนย์กลาง (Product – Centric Marketing) เน้นสินค้า การผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ และมีจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด เช่น มีเรื่องราวที่น่าสนใจ หรือสามารถสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ได้เหนือคู่แข่งแม้เป็นสินค้าประเภทเดียวกัน
  • การตลาด 2.0 > การตลาดแบบลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer – Centric Marketing) เน้นการตลาดและวิธีสื่อสาร รวมถึงน้ำเสียงและ Character ให้ตอบโจทย์ความชอบ และความต้องการของลูกค้าโดยใช้ข้อมูลที่มีอยู่ เช่น การทำคอนเทนต์ไลฟ์สไตล์ที่นอกเหนือจากการขาย  การสื่อสารอย่างต่อเนื่อง และการทำโฆษณาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล (Personalization)
  • การตลาด 3.0 > การตลาดแบบสร้างมูลค่าให้ผู้คนในสังคม (Human – Centric Marketing) เน้นการสร้างคุณค่าอื่น ๆ นอกเหนือไปจากสินค้าและผู้บริโภค กล่าวคือแบรนด์ควรให้ความสำคัญกับสังคมโดยรวม เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมกับลูกค้า ในฐานะคนในสังคมเดียวกัน เช่นการทำ CSR หรือการทำกิจกรรมร่วมกับชุมชนที่เกี่ยวข้อง ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงคุณค่าอื่น ๆ ของแบรนด์ นอกเหนือไปจากความชอบส่วนบุคคล หรือตัวสินค้า
  • การตลาด 4.0 > การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) เน้นการทำการตลาดบนช่องทางออนไลน์ รวมถึงโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และการทำงานร่วมกับ KOL เพื่อปรับตัวไปตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่นิยมเสพสื่อออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ (Gen Z- Alpha) เช่น การเปิดเพจบนโซเชียลแพลตฟอร์มต่าง ๆ E-commerce หรือการร่วมมือกับ KOL และ Blogger เพื่อทำคอนเทนต์รีวิว และให้คนมาร่วมแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับแบรนด์ร่วมกัน เป็นต้น
  • การตลาด 5.0 > การตลาดผสานเทคโนโลยี (Tech-Human Marketing) เน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี มอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้า และทุ่นแรงคนทำงานไปในเวลาเดียวกัน เช่น การทำ Chatbot การนำ AI มาช่วยแนะนำสินค้า ระบบ Feedback อัตโนมัติ ระบบเก็บและจัดการข้อมูล เป็นต้น
  • การตลาด 6.0 > การตลาดแบบเสมือนจริง (Immersive Marketing) เป็นการเน้นการสร้างการตลาดแบบองค์รวม ให้ผู้ใช้งานสามารถสัมผัสสินค้าและบริการ ผ่านประสบการณ์เสมือนบนโลกดิจิทัล ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาผสาน เพื่อให้เกิด Interactive Experience ในโลกเสมือนจริง ตัวอย่างเช่น การใช้เทคโนโลยี AR, VR หรือ Metaverse 

จะเห็นได้ว่า การตลาด 6.0 หรือการตลาดแบบเสมือนจริง (Immersive Marketing) คือการใช้หลักการ Marketing 1.0-5.0 แบบบูรณาการ ดึงจุดเด่นของการตลาดแต่ละรูปแบบมาใช้ เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ในแบบใหม่ในยุคปัจจุบัน 

ไขทฤษฏี Marketing 6.0 รวมสิ่งที่นักการตลาดยุคใหม่ต้องรู้

marketing 6.0 metaverse

Kotler เจ้าของหนังสือ Marketing 6.0 ชื่อดัง ได้แบ่ง Marketing 6.0 หรือ Immersive Marketing แบ่งเอาไว้เป็น 3 ระดับด้วยกัน ได้แก่

1. The Enabler หมายถึงเครื่องมือระดับพื้นฐานที่ธุรกิจต้องมี เพราะจะทำให้ธุรกิจต่างปรับตัวใช้ Marketing 6.0 ได้ ซึ่งประกอบไปด้วย

  • IoT (Internet of Things) อุปกรณ์ เครือข่าย และเทคโนโลยีที่ช่วยในการเชื่อมต่อกับ Internet และระบบ Cloud ใช้ในการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ และเก็บข้อมูลลูกค้า
  • ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยในการประมวลผลข้อมูลมหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงช่วยสร้างแบบจำลองทางธุรกิจ เพื่อนำไปต่อยอดเป็นกลยุทธ์ทางการตลาด หรือแบบจำลองเพื่อลดความเสี่ยง 
  • เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (AR/VR) เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เช่น การทดลองสินค้าเสมือนจริง หรือการสร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งแบบเสมือนจริง ทำให้ลูกค้าใกล้ชิดกับสินค้าและบริการได้จากทุกที่ ขอเพียงมีอินเตอร์เน็ตเท่านั้น
  • บล็อกเชน (Blockchain) เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความปลอดภัยและความโปร่งใสให้กับการเก็บข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมทางการเงิน การระบุตัวตน หรือ E-commerce ที่ไม่ต้องอาศัยตัวกลาง

2. The Environment คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อกับการเข้าถึงสินค้าและบริการได้สะดวก รวดเร็ว และน่าสนใจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแบบออฟไลน์หรือออนไลน์ ถือเป็นระดับที่ต่อยอดมาจาก The Enabler แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่

  • Extended Reality หมายถึงการเชื่อมประสบการณ์บนโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกัน เช่น การชำระเงินแบบ Cashless การสร้างคำแนะนำในการเลือกซื้อสินค้าและบริการไปตามช่วงเวลาของวัน ระบบรางวัลสมาชิกที่เชื่อมกับฐานข้อมูลออนไลน์ หรือการติดตั้งเทคโนโลยีหน้าร้าน ที่ช่วยลูกค้าคำนวณงบประมาณ และให้คำแนะนำที่เหมาะสมก่อนตัดสินใจซื้อ
  • Metaverse หรือโลกเสมือน มีองค์ประกอบย่อยมากมายเช่น ตัวตนเสมือน (Avatar) ทรัพย์สินเสมือน (Virtual Asset) ระบบเศรษฐกิจเสมือน (Virtual Economy) และกฏระเบียบควบคุมต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดมีจุดหมายคือการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ในโลกเสมือนจริงให้สมบูรณ์แบบ และใกล้ความเป็นจริงที่สุด

3. The Experience หรือการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้เต็มรูปแบบใน Marketing 6.0 เป็นการบูรณาการของการตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น

  • Metaverse Marketing หรือการทำการตลาดบน Metaverse เช่นลูกค้าได้รับสินค้า รวมถึงส่วนลดบน Metaverse ในโลกความเป็นจริง (ออฟไลน์) ไปด้วย สามารถซื้อหน้าร้าน หรือร้านในโลกเสมือนจริงก็ไม่ต่างกัน
  • Multisensory Marketing การตลาดที่กระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ผ่านประสบการณ์การใช้งานทั้งบนออนไลน์/ออฟไลน์ เพื่อให้เหมาะสมไปกับสถานการณ์ หรือความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
  • Spatial Marketing การตลาดที่แทรกความจริงเสมือนเข้ามาในโลกความเป็นจริงในระดับ Mass เช่นการใช้ AR/VR ตามท้องถนน หรือใกล้ย่านสำคัญ

ตัวอย่าง 3 แบรนด์ที่เริ่มการทำ Marketing 6.0 สร้างประสบการณ์แบบ Immersive

1. IKEA 

IKEA เป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดังโดยเฉพาะในเรื่องการนำนวัตกรรมมาเสริมสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี โดย IKEA ได้มีการนำเทคโนโลยี AR มาช่วยจำลองการเลือกเฟอร์นิเจอร์ของลูกค้า เพื่อช่วยลดปัญหาความกังวลว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ซื้อไปจะเข้ากันหรือไม่ หรือจัดวางได้ลงตัวกับพื้นที่ห้องหรือเปล่า ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่าย และรวดเร็วขึ้น ไม่ต้องไปถึงหน้าร้านก็ทดลองสินค้าได้เลย


2. L’Oréal

ลอรีอัล ผู้นำด้าน Beauty Tech ได้นำ AR เข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์ในการลองลิปสติกเสมือน ช่วยให้ลูกค้าได้ลองสีบนใบหน้าตัวเองโดยไม่ต้องไปที่หน้าร้าน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีแสกนใบหน้าเพื่อตรวจสอบสภาพผิวแบบออนไลน์ พร้อระบบ AI ในการช่วยแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาผิวที่ระบบตรวจจับพบ


3. Gucci

แบรนด์หรูระดับโลก Gucci จับมือกับ Roblox แพลตฟอร์มเกม/Metaverse ในการสร้าง Metaverse Shop ของ Gucci ซึ่งอนุญาตให้ลูกค้าแต่งตัวตนเสมือน (Avatar) ของตัวเอง ด้วยเครื่องประดับและสินค้าของ Gucci ได้ นอกจากจะเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ร่วมกับสินค้าแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ในฐานะผู้นำด้านความหรูหรา และเทคโนโลยีอีกด้วย

เตรียมพร้อมและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อก้าวสู่ Marketing 6.0

แม้ Marketing 6.0 จะดูเป็นเรื่องไกลตัว และมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง แต่ด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ทำให้ค่าใช้จ่ายในการลงทุนถูกลง เช่น Generative AI ที่สามารถใช้งานได้ฟรี หรือการใช้แพลตฟอร์มข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้บริการแบบ Freemium และมีค่าสมัครบริการต่อเดือนที่ถูกลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ทำให้บริษัทขนาด SME ก็สามารถปรับตัวกับ Marketing  6.0 ได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

Mandala AI ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยตอบโจทย์การตลาดยุคใหม่ โดยการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลบนโลกดิจิทัล และช่วยให้ผู้ประกอบการทุกขนาด สามารถวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับตลาดปัจจุบันได้มากขึ้น

mandala ai ฟรี
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.