- การตลาดสีเขียว (Green Marketing) คืออะไร?
- Green Marketing สำคัญอย่างไรกับการดำเนินธุรกิจ
- องค์ประกอบของ Green Marketing Mix
- ทำ Green Marketing ให้คนสนใจด้วยกลยุทธ์ ENVI Strategy
- ไอเดียการทำ Green Marketing ช่วยดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อ
- 3 ตัวอย่างธุรกิจ Green Marketing
- ข้อดี vs ข้อเสียของการทำ Green Marketing
- Green Marketing สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนในสายตาผู้บริโภค
ในยุคที่ความตระหนักและความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นที่สนใจมากขึ้น ผู้บริโภคสมัยใหม่ต่างให้ความสำคัญกับแนวคิด “การตลาดสีเขียว” หรือ “Green Marketing” เป็นอย่างมาก ซึ่งจากแนวโน้มของผู้บริโภคที่ตื่นตัวและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ปัจจุบัน Green Marketing คือกลยุทธ์ที่หลายธุรกิจนำมาปรับใช้ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีจิตสำนึกในการรักษ์โลกนั่นเอง
การตลาดสีเขียว (Green Marketing) คืออะไร?
Green Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) และการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสื่อสารและส่งเสริมการตลาดในลักษณะที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ การใช้วัสดุรีไซเคิล หรือการผลิตสินค้าด้วยกระบวนการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น
Green Marketing สำคัญอย่างไรกับการดำเนินธุรกิจ
ปัจจุบัน Green Marketing หรือการตลาดสีเขียวกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในหลายด้าน ดังนี้
- ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
จากการสำรวจพบว่า “ปัจจุบัน 92% ของผู้บริโภคระบุว่า ความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการพิจารณาเลือกแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภค” ซึ่งหมายความว่า ผู้บริโภคสมัยใหม่ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีจิตสำนึกรักษ์โลกเป็นอย่างมาก
- ช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
โดย Forbes ระบุว่า “88% ของผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ที่สนับสนุนกิจกรรมการตลาดเพื่อ สังคมและสิ่งแวดล้อม” ดังนั้นหมายความว่า แบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจะได้รับความไว้วางใจและความภักดีจากผู้บริโภคมากกว่านั่นเอง
- ข่วยสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้แก่องค์กร
ตามข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พบว่า 70% ของบริษัทในประเทศไทยกำลังพิจารณานำแนวทางการดำเนินงานที่ยั่งยืนมาปรับใช้ภายในองค์กรภายในปี 2567 ซึ่งสะท้อนให้เห็นแนวโน้มการเติบโตของ Green Trend ในไทย องค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมย่อมได้รับการยอมรับและภาพลักษณ์ที่ดีจากสังคม
ดังนั้น การนำกลยุทธ์ Green Marketing มาปรับใช้ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรในระยะยาว
องค์ประกอบของ Green Marketing Mix
กลยุทธ์การตลาดสีเขียว หรือ Green Marketing คือการนำเอากลยุทธ์การตลาด 4P มาผสมผสานกับแนวคิดด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมีองค์ประกอบหลัก 4 ประการ ได้แก่ สินค้าสีเขียว ราคาสีเขียว สถานที่สีเขียว และการโปรโมตสีเขียว
1. สินค้าสีเขียว (Green Product)
สินค้าสีเขียว คือ สินค้าที่มีกระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การออกแบบ การใช้วัตถุดิบ การผลิต การกำจัดซากหลังการใช้งาน โดยมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
ยกตัวอย่างธุรกิจสีเขียว ที่ประสบความสำเร็จด้าน Green Product เช่น แบรนด์ “Rii Skincare Cotton” แผ่นสำลีสำหรับเช็ดหน้าที่ผลิตจากฝ้ายใยยาว (Long Staple) ออร์แกนิก 100%
ผลิตด้วยเทคโนโลยี AquaCare ใช้ความอ่อนโยนของน้ำถักทอเส้นใย ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ อีกทั้งบรรจุภัณฑ์ยังทำจากกระดาษรีไซเคิลด้วย
2. ราคาสีเขียว (Green Price)
ราคาสีเขียว คือ การตั้งราคาสินค้าโดยคำนึงถึงต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต การขนส่ง และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจทำให้ราคาสินค้าสีเขียวสูงกว่าสินค้าทั่วไป แต่ก็นับว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และเป็นการทำกำไรอย่างยั่งยืน เพราะผู้บริโภคที่ชื่นชอบในผลิตภัณฑ์สีเขียวยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว
ยกตัวอย่างแบรนด์สีเขียวอย่าง “Reroute” แบรนด์เสื้อผ้าและแอคเซสเซอรี่ที่ก่อตั้งโดย บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ศิลปินชื่อดัง ที่ใช้กลยุทธ์ราคาสีเขียว นอกจากมุ่งเน้นการออกแบบสินค้าที่สะท้อนแนวคิด “Wear The World” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว สินค้าทุกชิ้นยังผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและวัสดุธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง โดยกลยุทธ์ราคาสีเขียวของ Reroute แสดงให้เห็นผ่านราคาสินค้าที่สูงกว่าแบรนด์เสื้อผ้าทั่วไปในท้องตลาด เช่น ชุดนอน ราคาเริ่มต้น 1,690 บาท กระเป๋าผ้า ราคาเริ่มต้น 790 บาท ซึ่งนับว่าเป็นตัวอย่างธุรกิจ Green Marketing ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และสร้างผลกำไรที่ยั่งยืน จนแตกไลน์ผลิตภัณฑ์สกินแคร์รักษ์โลกตามมา
3. สถานที่สีเขียว (Green Place)
สถานที่สีเขียว เป็นกลยุทธ์ที่ตระหนักถึงการเลือกใช้สถานที่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การจัดการพื้นที่ให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี สถานที่จำหน่ายสินค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงวิธีการกระจายสินค้า การใช้ยานพาหนะต่าง ๆ ในการขนส่งสินค้า โดยเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
ยกตัวอย่าง “Erewhon” ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิด “Macrobiotic Creed” เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตทางเลือกเพื่อสุขภาพระดับไฮเอนด์ เจ้าแรกในสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 10 สาขา โดยเลือกทำเลร้านในรัฐ California ที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มเป้าหมายที่รักสุขภาพ เพราะมีการวิจัยว่า ประชากรในรัฐ California ติดอันดับผู้ที่มีสุขภาพดีที่สุด เนื่องจากมีอัตราการกินอาหารดีสูงถึง 62.4% รวมถึงใน California มีสถานที่ออกกำลังกายและสถานที่ด้านการดูแลสุขภาพเยอะกว่ารัฐอื่น ๆ ซึ่งสินค้าภายใน Erewhon เต็มไปด้วยสินค้าออร์แกนิกและผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพมากมายที่มีราคาสูงกว่าทั่วไปถึง 10 เท่า ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ สมูทที สลัดบาร์ สบู่ โฟมล้างหน้า ยาสีฟัน เป็นต้น
4. การโปรโมตสีเขียว (Green Promotion)
การโปรโมตสีเขียว คือ การสื่อสารการตลาดที่ตอกย้ำถึงคุณค่าของสินค้าสีเขียวหรือธุรกิจสีเขียว เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ ซึ่งอาจรวมถึงการใช้สื่อโฆษณาออนไลน์ สื่อออฟไลน์ การส่งเสริมการขายที่เน้นคุณค่าของความยั่งยืน และการให้ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ

ยกตัวอย่าง “Patagonia” แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาและอุปกรณ์กลางแจ้งชื่อดัง ได้ใช้กลยุทธ์การสื่อสารด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยส่งเสริมแนวคิด “Don’t Buy This Jacket” เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคว่า ‘อย่าซื้อสินค้า ถ้าไม่ได้ต้องการจริง ๆ‘ ทำให้ Patagonia กลายเป็นหนึ่งในผู้นำแบรนด์ธุรกิจยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก และเป็นบริษัทแรก ๆ ที่ตั้งเป้าในการใช้ฝ้ายออร์แกนิก 100% ในการผลิตสินค้า
ทำ Green Marketing ให้คนสนใจด้วยกลยุทธ์ ENVI Strategy
กลยุทธ์ ENVI Strategy เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้การสื่อสาร Green Marketing เข้าถึงกลุ่มลูกค้ารักษ์โลกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นกรอบการทำงานที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารนโยบายและผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การเพิ่มความนิยมและยอดขายให้กับธุรกิจ ซึ่งพัฒนาโดยวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
1. Early ปลูกจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่ : มุ่งเน้นการปลูกจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การสอนให้รู้จักการประหยัดน้ำไฟ การจัดเวิร์คชอปสอนวิธีแยกขยะ การพาไปทัศนศึกษาพาไปดูโรงงานจัดการขยะ ฯลฯ เพื่อกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม เข้าใจความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา
2. Now or Never ลงมือแก้ไขปัญหาทันที : แบรนด์ควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างการตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ชี้ให้เห็นผลกระทบอย่างชัดเจน เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของธุรกิจในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการลดขยะ การรณรงค์ให้พนักงานลดการใช้น้ำ การใช้ระบบแสงสว่างจากธรรมชาติ ฯลฯ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรม และหันมาใช้ชีวิตแบบยั่งยืน
3. Viral สื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างทั่วถึง : การใช้ช่องทางการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ เช่น โซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์ สื่อมวลชน ฯลฯ เพื่อสื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง ผ่านการสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ดึงดูดความสนใจจนเกิดเป็นกระแสบอกต่อ และกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหา นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม
4. Innovative ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและดีไซน์ : การพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้บริโภคให้หันมาสนใจแบรนด์มากขึ้น เช่น การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุธรรมชาติ สามารถนำไปรีไซเคิลได้ สามารถย่อยสลายง่าย การใช้เทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิต เป็นต้น
ไอเดียการทำ Green Marketing ช่วยดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อ
1. การขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- ใช้รถขนส่งที่ประหยัดพลังงาน เช่น รถไฟฟ้า รถไฮบริด
- สนับสนุนให้พนักงานใช้ระบบขนส่งสาธารณะหรือจักรยาน
- จัดส่งสินค้าแบบรวมกล่อง เพื่อลดจำนวนเที่ยวขนส่ง
2. การจัดกิจกรรมสีเขียว
- การรณรงค์ลดการใช้พลาสติก
- จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น จัดเวิร์คชอป สัมมนา นิทรรศการ
- จัดกิจกรรมปลูกป่า เก็บขยะตามชายหาด
- สนับสนุนองค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อม
- จัดโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้สินค้าสีเขียว
- การบริจาคเงินให้กับองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
3. เลือกบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่ย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ
- ลดขนาดบรรจุภัณฑ์ เพื่อลดการใช้วัสดุ
- ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้
- ใช้หมึกพิมพ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
4. พัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมีอันตราย
- ใช้วัตถุดิบธรรมชาติ
- ออกแบบสินค้าให้มีอายุการใช้งานยาวนาน
- นำเสนอบริการที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น บริการซ่อมแซม บริการเช่า
5. สื่อสารภาพลักษณ์สีเขียวของธุรกิจ
- สื่อสารนโยบายและความมุ่งมั่นของธุรกิจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
- เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม Green Marketing ของธุรกิจ
- สร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำในฐานะแบรนด์ที่รักษ์โลก
- ใช้สื่อต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย โฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์สีเขียว
3 ตัวอย่างธุรกิจ Green Marketing
1. IKEA

ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านรายใหญ่จากสวีเดน ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมาโดยตลอด ผ่านกลยุทธ์ “People & Planet Positive” ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักด้านความยั่งยืนของ IKEA มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจให้เป็นประโยชน์ต่อทั้งมนุษย์และโลกใบนี้ เน้นการใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ เช่น ไม้จากป่าที่ปลูกทดแทน พลาสติกรีไซเคิล และผ้าฝ้าย รวมถึงออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถซ่อมแซมและอัพเกรดได้ง่าย นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตสินค้าและกิจกรรมทางธุรกิจอีกด้วย
2. Unilever

บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่ที่มุ่งมั่นพัฒนา เพื่อเป็นองค์กรสีเขียว และต้องการลดผลกระทบให้เกิดกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ยกตัวอย่างการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยลด Carbon Footprint เช่น
- การใช้บริการจากโฮสต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Hosting) โดยเว็บไซต์ของยูนิลีเวอร์ติดตั้งอยู่บน Netlify ซึ่งมีผู้ให้บริการเป็น Google Cloud และ Amazon Web Services โดย Google Cloud เป็นผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วน Amazon Web Services ก็วางแผนที่จะใช้พลังงานจากแหล่งที่มีการผลิตพลังงานจากการใช้ 100% ภายในปี พ.ศ. 2568 เช่นกัน
- การลดภาระการใช้พลังงานจากไฟล์รูปภาพ ผ่านการเลือกบันทึกภาพในรูปแบบ WebP แทนรูปแบบฟอร์แมตดั้งเดิม เช่น JPEG และ PNGs ซึ่งช่วยให้ภาพมีขนาดเล็กลงและใช้ข้อมูลน้อยกว่า JPEG ถึง 30% โดยไม่สูญเสียความคมชัดของรูปภาพด้วย
3. SCG
บริษัทปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากธุรกิจ พร้อมตั้งเป้าสู่ Net Zero Cement & Concrete 2050 ด้วยการพัฒนานวัตกรรมตามแนวคิดเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สู่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ สอดคล้องกับแนวทาง ESG (Environmental, Social, and Governance) และ ESG 4 Plus ของเอสซีจี ได้แก่ มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเป็นธรรม โปร่งใส
ข้อดี vs ข้อเสียของการทำ Green Marketing
สรุปข้อดี vs ข้อเสียของการทำ Green Marketing | |
ข้อดี | ข้อเสีย |
ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม | ต้นทุนการผลิตอาจสูงขึ้นจากการใช้วัสดุรีไซเคิลหรือเทคโนโลยีสีเขียว |
ช่วยขยายกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มที่รักษ์โลก | ต้องมีการลงทุนสูงในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม |
ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน | ความเสี่ยงด้าน Greenwashing คือผู้บริโภคอาจมองว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดที่หลอกลวง |
สร้างความภักดีของลูกค้า เพราะลูกค้าที่ชื่นชอบแบรนด์ที่มีจุดยืนชัดเจน มักจะมี Loyalty สูง | ถ้าไม่ดำเนินการด้าน Green Marketing อย่างจริงจัง อาจต้องเผชิญกับการตรวจสอบและได้รับความไว้วางใจน้อยกว่า |
ช่วยประหยัดต้นทุนในระยะยาวจากการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ | อาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงวัตถุดิบหรือเทคโนโลยีสีเขียวในบางพื้นที่ |
เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและโลก นับว่าเป็นการสร้างคุณค่าให้แบรนด์ไปในตัว | |
ได้เปรียบคู่แข่ง เพราะธุรกิจที่ทำ Green Marketing มักโดดเด่นเหนือคู่แข่ง | |
ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน |
Green Marketing สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนในสายตาผู้บริโภค
Green Marketing เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับธุรกิจในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่และสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม สำหรับธุรกิจใดที่ต้องการจับตามองคู่แข่ง พร้อมหาไอเดียหรือแนวทางในการทำ Green Marketing นั้น Mandala AI สามารถช่วยให้การทำ Green Marketing ประสบความสำเร็จและสร้างคุณค่าในสายตาผู้บริโภคอย่างยั่งยืนได้ง่ายขึ้น ผ่านการเจาะลึกทุกข้อมูลโซเชียล เพื่อยกระดับและสร้างโอกาสทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อระบุกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม การติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญ Green Marketing การวิเคราะห์ข้อมูลตลาดและเทรนด์ เพื่อค้นหาโอกาสใหม่ ๆ ในการทำ Green Marketing ช่วยองค์กรตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง