Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

5 เคล็ดลับสานฝันคนอยากเป็น Influencer ที่ประสบความสำเร็จ

5 เคล็ดลับสานฝันคนอยากเป็น Influencer ที่ประสบความสำเร็จ

โซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม ไม่เพียงแต่จะเป็นช่องทางสื่อสารและสร้างยอดขายสำหรับธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางการสร้างรายได้ที่มีประสิทธิภาพสำหรับบุคคลทั่วไปเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผันตัวเองมาเป็น Influencer บนโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ

สำหรับใครที่อยากเป็น Influencer เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ตนเอง แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะเริ่มเป็น Influencer ได้อย่างไร มาดูทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการเป็น Influencer ตลอดจนวิธีเป็นอินฟลูเอนเซอร์แบบ Step by Step กัน

และหากว่าต้องการหาเทรนด์ใหม่ ๆ ที่กำลังอยู่ในกระแส สร้างไวรัล เพิ่มผู้ติดตาม สามารถใช้ Mandala Cosmos จาก Mandala AI อัปเดตเทรนด์ได้ในคลิกเดียว

ช่วย Influencer ให้ทำการตลาดให้คุณได้ดีกว่าเดิมด้วย Mandala AI

รู้จักความแตกต่างของ KOL และ Influencer ก่อน

การรู้จักความแตกต่างระหว่าง KOL และ Influencer ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้รับงานได้ตรงกับความถนัดของตัวเอง ตลอดจนตรงกับความต้องการและบรีฟของธุรกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยให้มือใหม่ตัดสินใจได้ด้วยว่า ตนเองต้องการจะเดินในเส้นทาง KOL หรือ Influencer กันแน่

KOL หรือ Key Opinion Leader เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เน้นการทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับความเชี่ยวชาญและความสนใจเฉพาะด้านของตน เช่น ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับฟิตเนสและการออกกำลังกายอย่างเดียว ไปจนถึงการทำคอนเทนต์สอนทำอาหาร หรือท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้ ผู้ติดตาม KOL ส่วนใหญ่จึงมักเป็นผู้ที่มีความสนใจในด้านที่ KOL นำเสนอจริง ๆ ทำให้การใช้บริการ KOL จึงเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

ในทางตรงกันข้าม Influencer จะเป็นผู้ที่นำเสนอไลฟ์สไตล์หลาย ๆ ด้านของตนเอง ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายและมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก โดยหากยิ่งมีผู้ติดตามมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีชื่อเสียงและมีอิทธิพลในโลกออนไลน์มากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การใช้บริการ Influencer จึงเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างและมีความหลากหลายในเวลาเดียวกัน

เข้าใจประเภทของ Influencer

ก่อนที่จะเริ่มเป็น Influencer ลองมาดูถึงประเภทของ Influencer ที่แตกต่างกันไปตาม ‘ยอดฟอล’ เพื่อช่วยให้ผู้ที่อยากเป็น Influencer วางแผนสร้างและพัฒนาคุณภาพของคอนเทนต์ เพื่อสร้างฐานผู้ติดตามให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบัน Influencer จะสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้

ประเภทจำนวนผู้ติดตามส่วนใหญ่มักเป็นใคร
Mega Influencerมากกว่า 1,000,000ผู้ที่มีชื่อเสียงในกว้างอย่างดารา นักแสดง นักกีฬา ศิลปิน และผู้มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ 
ทำคอนเทนต์เข้าถึงคนได้ในวงกว้างและหลากหลายมาก
Macro Influencer 100,000 – 1,000,000KOL อินฟลูเอนเซอร์ที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจน Blogger ที่โด่งดังในสมัยก่อน
มีเอกลักษณ์ชัดเจน เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจงขึ้น
Micro Influencer10,000 – 100,000
Nano Influencer1,000 – 10,000ผู้ที่เพิ่งเริ่มเป็น Influencer ได้ไม่นาน ตลอดจนผู้ซึ่งเป็นที่รู้จักในกลุ่มสังคมใดสังคมหนึ่ง
ยังพัฒนาเอกลักษณ์และฐานผู้ติดตามอยู่ เหมาะสำหรับแบรนด์เล็กที่อยากทำการตลาดในวงแคบก่อน
วิธีเป็นอินฟลูเอนเซอร์แบบ Step by Step

5 เคล็ดลับวิธีเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ประสบความสำเร็จ

เมื่อทำความเข้าใจพื้นฐานที่ต้องรู้ของการเป็น Influencer แล้ว สำหรับใครที่อยากเป็น Influencer แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหน ลองมาเตรียมตัวให้พร้อมกับ 5 เคล็ดลับง่าย ๆ ดังนี้

1. ค้นหาความชอบและสไตล์ของตัวเองให้เจอ

‘คุณภาพของคอนเทนต์’ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Influencer แต่ละคนมีประเภทและยอดของผู้ติดตาม หรือ ‘ยอดฟอล’ แตกต่างกันไป ซึ่งจะส่งผลให้สร้างรายได้จากยอดวิวและปฏิบัติตาม KPI แต่ละแพลตฟอร์มที่ไม่เท่ากัน ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อ ‘ยอดฟอล’ แตกต่างกัน โอกาสที่จะดึงดูดธุรกิจให้เข้ามาใช้บริการ อย่างการรีวิว ตลอดจน Tied-In สินค้า และการรับค่าคอมมิชชันจากยอดขายก็จะแตกต่างกันด้วย

ดังนั้น ผู้ที่อยากเป็น Influencer จึงควรตามหาความชอบและสไตล์ของตัวเองให้เจอ ทั้งนี้เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับคอนเทนต์ จนสร้างฐานลูกค้าที่หลากหลายและแตกต่างจาก Influencer อื่น เพื่อเข้าถึงธุรกิจที่หลากหลายขึ้นในอนาคต

2. มองหาความมั่นใจในตัวเองให้เจอ

คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่า ผู้ที่เริ่มเป็น Influencer จำเป็นต้องมีหน้าตาที่ใครเห็นก็ต้องบอกว่าสวย หล่อ หรือน่ารัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเป็น Influencer ที่สามารถเติบโตได้ในระยะยาวจำเป็นที่จะต้องมี Character ควบคู่ไปกับความสามารถเฉพาะตัวด้วย

ดังนั้น สำหรับใครที่มีความตั้งใจอยากเป็น Influencer แทนที่จะไปโฟกัสเรื่องหน้าตา ลองมาดูก่อนว่า ตนเองมีความถนัดด้านไหน มี Character ใดที่โดดเด่น รวมไปถึงมีความสามารถแบบใดที่แตกต่างจากผู้อื่น จากนั้นจึงค่อย ๆ เริ่มทำคอนเทนต์จากส่วนนี้และต่อยอดต่อไปเรื่อย ๆ

3. สร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

เมื่อสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความชอบ และเข้ากับ Character ที่เป็นตัวเรามากที่สุด หลังจากที่ปล่อยคอนเทนต์ลงโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม นอกจากจะดูตัวเลขอย่างยอด Like ยอด Share รวมไปถึง Engagement Rate และตัวแปรต่าง ๆ แล้ว อย่าลืมสังเกตถึงคอนเมนต์และทิศทางของผู้ติดตามให้ดีด้วย เพราะอย่าลืมว่าความคิดเห็นจากผู้ติดตามเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราพัฒนาตัวเองในฐานะ Influencer ได้

อย่างไรก็ดี เมื่อได้รับคอมเมนต์จากทางกลุ่มผู้ติดตามมาแล้ว ขอให้พิจารณาและเลือกนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์ของตัวเอง จากนั้นจึงค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะปรับและพัฒนาคุณภาพของคอนเทนต์ต่อไป พร้อมมีการกำหนดเวลาในการลงคอนเทนต์ที่สม่ำเสมอ เพื่อเป็นการขยายฐานผู้ติดตามต่อไป

แต่ถ้าใครที่ยังนึกไม่ออกว่า จะสร้างคอนเทนต์มีคุณภาพที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร สามารถหาไอเดียที่น่าสนใจด้วยเครื่องมือ Social Monitoring จาก Mandala AI ตัวช่วยรวบรวมไอเดียใหม่ ๆ จากทุกแพลตฟอร์ม พร้อมให้คุณนำไปพัฒนาเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ

ช่วย Influencer ให้ทำการตลาดให้คุณได้ดีกว่าเดิมด้วย Mandala AI

4. เพิ่มผู้ติดตามแบบมีประสิทธิภาพ ไม่ซื้อยอดฟอล

แม้การซื้อยอดฟอลจะช่วยทำให้ Influencer เข้าถึงโอกาสประสบความสำเร็จได้ไว แต่ท้ายที่สุด เมื่อระบบมีการล้างยอดฟอลที่เป็น Spam หรือบัญชีปลอม ยอดฟอลที่ซื้อมาก็เสี่ยงที่จะหายไป

นอกจากนี้ เมื่อธุรกิจ หรือผู้ใช้บริการรู้ว่ามีการปั่นยอดฟอลเกิดขึ้น แน่นอนว่าตัวเราเองก็จะหมดความน่าเชื่อถือไปด้วย แถมยังกลับมาสร้างฐานผู้ติดตามได้ยากอีก

ดังนั้น หากอยากเป็น Influencer ที่เติบโตได้ในระยะยาว ขอแนะนำให้พัฒนาคุณภาพของคอนเทนต์และ Character ของตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ ดีกว่า แม้จะใช้เวลานาน แต่ก็สามารถสร้างฐานผู้ติดตามอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงกว่าแน่นอน

5. ทำ Rate Card และอัปเดต Portfolio อยู่เสมอ

นอกจากจะพัฒนาคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ผู้ที่อยากเป็น Influencer จำเป็นที่ต้องทำ Rate Card และอัปเดต Portfolio อยู่เสมอ เพื่อความสะดวกต่อการรับงานและนำเสนองานต่อธุรกิจ โดยทั่วไปแล้ว Influencer จะต้องสร้าง Rate Card และ Portfolio ที่มีรายละเอียดเบื้องต้น ดังนี้

  1. จำนวนผู้ติดตาม
  2. กลุ่มเป้าหมาย
  3. ประเภทของสินค้าที่ถนัด หรือมีความเชี่ยวชาญ
  4. Engagement Rate ของทุกแพลตฟอร์ม
  5. ประสบการณ์ที่ผ่านมา
  6. สโคปการทำงานที่ชัดเจน เช่น 
  • ทำคอนเทนต์รูปแบบใด เช่น วิดีโอ คลิปสั้น รูปภาพ
  • นำเสนอสินค้าช่วงไหน 
  • ลงคอนเทนต์แพลตฟอร์มใด 
  • ระยะเวลาในการทำงาน
  • ข้อกำหนดและข้อห้ามที่สอดคล้องกับแบรนด์และ Influencer เอง
  • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น การซื้อโฆษณา ค่าเดินทาง ค่าขนส่งสินค้า ค่าดำเนินงาน ค่าลิขสิทธิ์รูปภาพ

เท่านี้ใครที่อยากเริ่มเป็น Influencer ก็สามารถเตรียมตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเข้าใจการทำงานเบื้องต้นของ Influencer เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ดี เมื่อตัดสินใจจะเป็น Influencer หรือ KOL การติดตามเทรนด์ใหม่ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากยิ่งทำคอนเทนต์ได้เร็วและนำหน้าคนอื่นได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีโอกาสเพิ่มผู้ติดตามและสร้างความสำเร็จได้มากเท่านั้น

Mandala AI มาพร้อมกับเครื่องมือ Social Listening Tool ผู้ช่วยให้ Influencer และ KOL เท่าทันทุกเทรนด์บนโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม มาพร้อมระบบประมวลผลข้อมูลที่แม่นยำและพร้อมนำไปใช้ วางแผนทำคอนเทนต์เพื่อเพิ่ม Follower ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนใจทดลองใช้งาน กรอกแบบฟอร์มนี้ได้ทันที

ช่วย Influencer ให้ทำการตลาดให้คุณได้ดีกว่าเดิมด้วย Mandala AI

สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.