ปัจจุบัน การช็อปปิงออนไลน์กลายเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ ทำให้เหล่าผู้ประกอบการหันมาเปิดแบรนด์ออนไลน์กันมากขึ้นเพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย แต่การจะประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การผลิตสินค้าหรือบริการที่ดีอย่างเดียว เพราะยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องให้ความใส่ใจ ซึ่งรวมไปถึง “ชื่อร้าน” ด้วย
ชื่อร้านออนไลน์ก็เปรียบเสมือนหน้าบ้านของแบรนด์ เนื่องจากเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าจะเห็นและจดจำเรา ดังนั้น การตั้งชื่อร้านออนไลน์เก๋ ๆ ให้ลูกค้าจำง่าย เรียกติดปาก ก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น
ทั้งนี้ การตั้งชื่อร้านออนไลน์ก็ควรสอดคล้องกับสินค้าและกลุ่มเป้าหมายเช่นกัน ถ้าอยากทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายให้ลึกซึ้งมากขึ้น สามารถใช้เครื่องมืออย่าง Mandala Analytics จาก Mandala AI เป็นตัวช่วยค้นหาข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าได้ รับรองว่าการตั้งชื่อร้านจะดึงดูดและตอบโจทย์ลูกค้าได้ไม่ยาก
ทำไมการตั้งชื่อร้านออนไลน์เก๋ ๆ จึงสำคัญ ?
- ดึงดูดความสนใจ : ชื่อร้านที่ดีเปรียบเสมือนแม่เหล็กดึงดูดสายตา กระตุ้นความสนใจ จูงใจให้ลูกค้าอยากคลิกเข้ามาดูสินค้าหรือบริการเพิ่มเติม ชื่อร้านที่แปลกใหม่ น่าสนใจ จะช่วยให้ร้านของคุณโดดเด่นท่ามกลางร้านค้าออนไลน์มากมาย เพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ และเอาชนะคู่แข่งได้
- สร้างการจดจำ : ชื่อร้านที่จดจำง่ายจะทำให้ลูกค้านึกถึงชื่อร้านของคุณได้โดยไม่ต้องพยายามมาก ช่วยเพิ่มโอกาสให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำ หรือบอกต่อเพื่อน
- เพิ่มโอกาสในการค้นหา : ชื่อร้านที่ดีจะช่วยให้ลูกค้าค้นหาร้านของคุณบนโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้าเป้าหมาย
- สร้างความน่าเชื่อถือ : ชื่อร้านที่ดีควรสื่อถึงความน่าเชื่อถือ มืออาชีพ และน่าไว้วางใจ ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าหรือบริการ กล้าตัดสินใจซื้อโดยไม่ต้องกังวล ชื่อร้านควรสื่อความหมายในเชิงบวก สื่อถึงคุณภาพ มาตรฐาน และความใส่ใจ
10 ไอเดียตั้งชื่อร้านออนไลน์ให้ยอดขายปัง !
ชื่อร้านเปรียบเสมือนหน้าบ้านดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเยี่ยมชมและตัดสินใจซื้อ สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ที่กำลังมองหาไอเดียตั้งชื่อร้านออนไลน์ให้ยอดขายปัง มาลองดู 10 ไอเดียเด็ด ๆ ที่เราเตรียมมาแนะนำ ด้านล่างนี้เลย !
1. สื่อถึงเอกลักษณ์ของธุรกิจอย่างชัดเจน
ชื่อร้านที่สื่อถึงประเภทสินค้าหรือบริการได้อย่างตรงไปตรงมา จะทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ทันทีว่าร้านค้านั้นขายสินค้าหรือให้บริการอะไร ซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น เช่น “แต่งดีมีสไตล์” บ่งบอกได้ทันทีว่าเป็นร้านขายเสื้อผ้า หรือ “Gadget DeeDee” บอกอย่างชัดเจนว่าเป็นร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
2. เล่นคำให้ติดหู
การใช้คำคล้องจอง พ้องเสียง หรือซ้ำคำ จะทำให้ชื่อร้านมีจังหวะ สร้างความน่าสนใจ และติดหูลูกค้า ตัวอย่างเช่น “ของฝากถูกใจ ซื้อได้ที่บ้านของฝาก” มีการคล้องจองคำและซ้ำคำ ทำให้ฟังติดหู หรือการตั้งชื่อร้านเครื่องเขียนว่า “เขียนดีมีสไตล์” ก็มีคำพ้องเสียง สร้างจังหวะให้จดจำได้ง่าย
3. ผสมผสานคำสร้างสรรค์
การผสมผสานคำให้ได้คำแปลกและไม่ซ้ำใคร จะช่วยดึงดูดความสนใจ และทำให้ลูกค้าจำชื่อร้านได้ง่ายขึ้น เช่น ร้านกาแฟที่ตั้งชื่อร้านว่า “Coffeeholic” โดยใช้เป็นคำผสมระหว่าง Coffee และ Alcoholic ซึ่งเป็นการผสมที่แปลกใหม่และจดจำง่าย
4. ผสมผสานหลายภาษา
การใช้คำจากภาษาต่างประเทศที่ต่างกันแล้วนำมาผสมกัน จะทำให้ร้านดูทันสมัยและมีเอกลักษณ์ เช่น ชื่อร้าน “Bag Voyage” ใช้คำว่า Bag จากภาษาอังกฤษผสมกับคำว่า Voyage จากภาษาฝรั่งเศส
5. ใช้ชื่อมงคลเสริมดวง
หลายคนมีความเชื่อว่าการตั้งชื่อที่มีความหมายแห่งสิริมงคล จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้า ราบรื่น เช่น ร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งชื่อร้านว่า “เฟอร์นิเจอร์รุ่งเรือง” ใช้คำว่า “รุ่งเรือง” สื่อถึงความก้าวหน้า หรือร้าน “รวยเจริญเคหะภัณฑ์” ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้าง มีคำว่า “รวย” แสดงถึงความมั่งคั่ง ร่ำรวย
6. ใช้ชื่อเจ้าของหรือชื่อเล่น
การใช้ชื่อเจ้าของหรือชื่อเล่นเป็นชื่อร้าน จะสร้างความรู้สึกใกล้ชิด เป็นกันเอง และติดหู เช่น “ก๋วยเตี๋ยวเจ๊แดง” ชื่อร้านจะทำให้ลูกค้ารู้สึกเสมือนซื้อของจากเจ๊แดงในละแวกบ้านตนเอง นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้าง Brand Identity ที่ไม่ซ้ำใคร ช่วยให้ลูกค้าจดจำร้านค้าและสินค้าได้ง่ายขึ้นด้วย
7. สื่อถึงกลุ่มเป้าหมาย
การใช้ชื่อที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย จะช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มนั้นโดยเฉพาะ เช่น “ของเล่นเด็กดื้อ” ตรงกับกลุ่มเด็กก่อนวัยเรียน หรือ “Pet Fashionista” ตรงกับกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง
8. ล้อเลียนคำให้แปลกใหม่
การนำคำที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลงสร้างสรรค์ใหม่ จะทำให้ได้ชื่อร้านที่โดดเด่นแปลกตา เช่น “ร้านชำสะดวก” ล้อเลียนมาจากชื่อร้านสะดวกซื้อที่คุ้นเคย หรือ “สั่งปุ๊บ อร่อยปั๊บ” ก็ดัดแปลงคำบอกความรวดเร็วและรสชาติอร่อย
9. ใช้ภาษาพื้นเมือง
การใช้ภาษาถิ่นหรือภาษาพื้นเมืองของท้องถิ่นนั้น ๆ จะทำให้ร้านมีเอกลักษณ์โดดเด่นและดึงดูดลูกค้าในท้องที่นั้นได้ดี นอกจากนี้ ภาษาพื้นเมืองยังสามารถกระตุ้นความสนใจของลูกค้าได้มากกว่าภาษากลางธรรมดา เช่น ร้านของฝากทางภาคเหนือที่ตั้งชื่อว่า “ของฝากล้านนา” หรือร้านอาหารอีสานที่ตั้งชื่อร้านว่า “แซ่บเวอร์”
10. ใส่คำว่า BKK, Official, Shop หรือ Store
การใส่คำบางคำ เช่น BKK, Official, Shop หรือ Store จะช่วยบอกลูกค้าว่าเป็นร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือ และมีความเป็นทางการ เช่น “BKK Fashion Shop” คำว่า BKK บ่งบอกพิกัดว่าเป็นร้านในกรุงเทพฯ หรือ “Cosmetic Official Store” มีคำว่า Official แสดงถึงความเป็นร้านทางการที่เชื่อถือได้
นอกจากไอเดียการตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ทั้ง 10 ข้อนี้ พ่อค้าแม่ค้าอาจโปรโมตร้านผ่านโซเชียลมีเดียควบคู่ไปด้วยก็ได้ ก็จะช่วยให้ร้านเข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็ว และเป็นที่รู้จักแพร่หลายในกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์จริง ๆ
อยากค้นหาไอเดีย เทรนด์ หรืออัปเดตใหม่ ๆ สำหรับทำการตลาดทางโซเชียลมีเดีย สามารถเข้ามาใช้ Mandala Cosmos จาก Mandala AI ช่วยได้ รับรองว่านำมาปรับใช้แล้วเพิ่มยอดขายได้ไม่ยากแน่นอน

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่กำลังมองหาไอเดียตั้งชื่อร้านค้าออนไลน์ให้ยอดขายปังมากที่สุด ก็สามารถนำ 10 ไอเดียที่เราแนะนำนี้ไปปรับใช้กันได้ รับรองว่าลูกค้าจำได้ ขายของออนไลน์ แล้วได้ยอดขายเพิ่มไม่ยาก
ทั้งนี้ เทคนิคเพิ่มยอดขายไม่ได้มีเพียงแค่การตั้งชื่อร้านออนไลน์เก๋ ๆ เท่านั้น แต่ยังควรทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า เพื่อที่จะนำเสนอแผนการตลาดและสินค้าให้ตอบโจทย์พวกเขาด้วย ถ้าใครกำลังมองหาตัวช่วยอยู่ สามารถใช้เครื่องมือ Mandala Analytics จาก Mandala AI ช่วยรวบรวมข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย เทรนด์ และภาพรวมของตลาด ให้คุณสามารถนำมาวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์ในการขายได้อย่างตรงจุด ! ทดลองใช้ได้แล้ววันนี้
ข้อมูลอ้างอิง
- 6 เทคนิคตั้งชื่อร้านขายของยังไงให้ขายดี. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567. จาก https://www.page365.net/all-articles/online-shop-name-ideas.
