Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

รู้จัก Reels ทำไมถึงเป็นที่นิยม และเทคนิคสร้างรายได้เสริมเพิ่มเติม

รู้จัก Reels ทำไมถึงเป็นที่นิยม และเทคนิคสร้างรายได้เสริมเพิ่มเติม

อย่างที่เรารู้กันดีว่าในตอนนี้ กระแสวิดิโอสั้นนั้นเป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคอย่างมาก ซึ่งนั่นก็อาจมีสาเหตุมาจาก ผู้ชมชื่นชอบการรับชมความบันเทิงที่สามารถได้มาในเวลาอันสั้น หรือกล่าวง่าย ๆ ว่า ความสนุกนั้นได้มาง่ายดาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก ที่จะทำให้ผู้คนใช้เวลาดูคลิปสั้นจำนวนมากและหลากหลายคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์นั้น ๆ เป็นเวลานาน โดยไม่รู้ตัว  

Reels ก็ถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบวิดีโอสั้นบนแอปพลิเคชันอย่าง Instagram และ Facebook ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากไม่แพ้คลิปสั้นบนแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง TikTok จำนวนผู้ใช้ Reels ในแต่ละเดือนนั้นมีมากถึง 2.35 พันล้านคน อะไรคือสิ่งที่ทำให้ Reels เป็นที่นิยม? วันนี้บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบกัน 

Reels คืออะไร

facebook reel

Reel คือ ฟีเจอร์จากเครื่อข่าย Meta (Facebook และ Instagram) ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์ผลงาน คลิปวิดีโอผ่านเครื่องมือต่าง ๆ จากตัวแอป เช่นการตัดต่อ เพิ่มข้อความประกอบ ใส่เสียง ใส่เอฟเฟกต์ ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้คลิปมีความน่าสนใจมากขึ้น และคลิปจะต้องมีความยาวไม่เกิน 90 วินาที

นอกจากการอัดวิโอแล้ว แพลตฟอร์มก็อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถแชร์หรือส่งต่อคลิปสั้น Reels ไปยังหน้า Feed ของตัวเองเพื่อให้ Follower เราเห็นด้วยได้ และยิ่งถ้าเป็นบัญชีสาธารณะแล้วนั้น ก็ยิ่งมีโอกาสในการเข้าถึงผู้คนจำนวนมาก เพราะสามารถพบเห็นได้จากหน้า Explore ถือว่าเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้คนกลุ่มใหม่ ๆ แถมยังสามารถเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกได้อีกด้วย

ทำไม Reels ถึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

อย่างที่เรารู้กันดีว่าพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นได้หันมาสนใจวิดีโอแบบสั้นกันมากขึ้น ทำให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น TikTok, Facebook, Instagram หรือ YouTube เอง ต้องออก ฟีเจอร์วิดีโอสั้นเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค หากวิเคราะห์จากสถิติดังต่อไปนี้ อาจทำให้คุณเข้าใจได้มากขึ้นว่า ทำไม Reels ถึงเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของวิดีโอสั้นที่เป็นที่นิยม 

  • ผู้คนเสพย์สื่อบนโลกออนไลน์ผ่านโทรศัพท์หรือ Smartphone มากกว่า จึงทำให้วิดีโอสั้นนั้นตอบโจทย์กับเครื่องมือเหล่านี้มากกว่า เพราะหากพวกเขาต้องการรับชมวิดีโอที่มีความยาว อย่างเช่นหนังหรือซีรีส์ ผู้คนมักจะดูผ่านทีวีกันมากกว่า 
  • 68% ของผู้คนนั้นมีแนวโน้มที่จะชื่นชอบการรับชมวิดีโอโฆษณาที่น้อยกว่า 1 นาที แต่ทั้งนี้ ปัจจัยหลักสำหรับวิดีโอโฆษณาในการดึงดูดผู้ชมได้ดีคือความบันเทิงและความน่าสนใจในการเล่าเรื่อง

Reel เเตกต่างกับ TikTok Shot อย่างไร

อย่างที่เรารู้กันว่าทั้งเครือข่าย Meta และ TikTok ต่างก็เป็นแพลตฟอร์มที่มีฟีเจอร์ในการผลิตวิดีโอสั้น

reel vs tiktok

1. ความยาววิดีโอ: คุณลักษณะเด่นอย่างแรกที่เห็นได้ชัดระหว่างสองแพลตฟอร์มนี้คือความยาวของวิดีโอ TikTok นั้นมีความยาวคลิปที่เริ่มได้ตั้งแต่ 15 วินาที จนถึง 10 นาที ในทางกลับกัน ความยาวสูงสุดของ Instagram Reels ในปัจจุบันอยู่ที่ 90 วินาที 

2. คลังเพลง (Music) และคลังเสียง (Audio): แม้ว่าจะมีฟีเจอร์เพลงทั้ง Reels และ TikTok แต่สำหรับการเพิ่มเพลงลงใน Reels ยังมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ รวมไปถึงจำนวนเพลงที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึง แต่สำหรับ TikTok นั้นผู้ใช้สามารถอัปโหลดและสร้างเสียงได้ด้วยตัวเอง ทำให้เกิดเทรนด์หรือคลิปที่มีเสียงประกอบที่มีความฮาและเป็นเอกลักษณ์ของ TikTok 

3. เครื่องมือตัดต่อ ฟิลเตอร์และสติกเกอร์ : ทั้ง TikTok และ Instagram มีเครื่องมือพื้นฐานสำหรับการตัดต่อวิดีโอจากภายในแอปกันทั้งคู่ ไม่ว่าจะการรวมและแยกวิดีโอ, เพิ่มและลดความเร่งวิดีโอ, ฟิลเตอร์, เอฟเฟกต์, สติกเกอร์และอีกมากมาย นอกเหนือจากนั้น สำหรับ TikTok ถือว่ามีเครื่องมือที่มีลูกเล่นมากว่าเพิ่มเข้ามาอย่าง เช่น การตัดแต่ง การซิงค์วิดีโอ คำบรรยาย เสียงบรรยายแล้ว GIPHY Green Screen และอื่น ๆ

4. อัปโหลดวิดีโอจากคลัง: ทั้ง Reels และ TikTok อนุญาตให้ผู้ใช้อัปโหลดคลิปจากคลังในโทรศัพท์ของตัวเองได้ ถือว่าเอื้อประโยชน์อย่างมาก ในกรณีที่ครีเอเตอร์ต้องการสร้างวิดีโอที่มีคุณภาพสูงและเพิ่มลูกเล่นอื่น ๆ นอกเหนือจากเครื่องมือที่แพลตฟอร์มมีให้ เพราะครีเอเตอร์สามารถตัดต่อโดยโปรแกรมภายนอกแล้วจึงอัปโหลดลงแพลตฟอร์มได้เช่นเดียวกัน

5. รูปแบบคอนเทนต์: Reels ที่อยู่บนแพลตฟอร์มของเครือข่าย Meta นั้นมักมีรูปแบบคอนเทนต์เชิงไลฟสไตล์เป็นหลักและเน้นความสวยงาม แต่สำหรับ TikTok แล้ว คอนเทนต์ถือว่ามีอยู่หลากหลายรูปแบบ ครีเอเตอร์บน TikTok นั้นสามารถผลิตคอนเทนต์ตามเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีความสวยงามมากนัก แต่เน้นความเข้าถึงง่าย

6. การยิงโฆษณา (Ads): ทั้งสองแพลตฟอร์มนั้นมีฟีเจอร์ที่ให้เหล่าครีเอเตอร์สามารถยิง Ads ได้เหมือนกัน และอาจมีการทำงานต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่หากพิจารณาข้อมูลจากการทดสอบโดย WordStream แล้วนั้น พบว่า ประสิทธิภาพในการยิง Ads ของ Instagram Reels นั้นมีมากกว่าการ ยิงAds บน TikTok ทั้งนี้ในการทดสอบได้มีการใช้งบประมาณเท่ากันทั้ง 2 แพลตฟอร์ม อีกทั้งยังใช้คอนเทนต์และตั้งเป้าหมายในการยิงโฆษณาไว้เหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือ Reels Ads สามารถสร้างยอด Impressions ได้มากกว่า TikTok Ads ถึง 2 เท่า และผลลัพธ์อื่น ๆ ตามรูปด้านล่างนี้

tiktok vs facebook

จุดประสงค์ของของการทำ Reel

1. กระตุ้นยอด Engagement ได้ดี

ทั้งครีเอเตอร์ Influencer และแบรนด์ สามารถกระตุ้นยอด Engagement ได้สูงมากขึ้นหากพวกเขาโพสต์คอนเทนต์ประเภท Reels ลงที่หน้าโปรไฟล์ของตัวเอง อย่างเช่น

Instragram ครีเอเตอร์รายหนึ่ง มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้น 2,800 คน เมื่อเขาโพสต์ Reels ทุกวันเป็นเวลาหนึ่งเดือน หรือแม้แต่บริษัทแพลตฟอร์ม Digital Marketing ที่ชื่อว่า Later เองนั้นก็ได้รับยอด Engagement เพิ่มมากขึ้น 500% จากการใช้ Reels มาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของการตลาดโซเชียลมีเดีย

2. สร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์หรือตัวครีเอเตอร์ให้เป็นที่จดจำ 

Reel ถือเป็นเครื่องมือที่ดีในการเล่าเรื่องของแบรนด์ เพราะแน่นอนว่าผู้คนต้องการรับชมคอนเทนต์ที่สมจริงผ่านการเห็น ใบหน้า ท่าทาง เสียง ความคิด และอารมณ์ที่แท้จริงในคอนเทนต์หนึ่ง ๆ นั่นหมายความว่า Reels ช่วยให้แบรนด์หรือครีเอเตอร์เป็นที่จดจำได้ง่ายผ่านการเล่าเรื่องราวที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน และยังทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงและใกล้ชิดกับแบรนด์หรือครีเอเตอร์มากกว่าการรับชมภาพ 2 มิติ ที่สำคัญ จากสถิติพบว่า ผู้บริโภคมากกว่า 76% กล่าวว่าพวกเขาจะซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงด้วยมากกว่าคู่แข่ง

3. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ

แบรนด์ที่โพสต์ Reels จะช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกพบเห็นในหน้า Explore มากขึ้น เพราะในตอนนี้อัลกิริทึมของแพลตฟอร์มนั้นให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ Reels อย่างมาก ระบบจึงจะช่วยดัน Reels ที่โด่งดังไปสู่หน้า Explore ซึ่งที่นี่ คือหน้าที่ผู้ใช้งาน Instagram ประมาณ 200 ล้านคนเข้าไปดูเป็นประจำทุกวัน อีกทั้งยังเป็นหน้าที่เปรียบเสมือนหน้ารวมคอนเทนต์แนะนำสำหรับผู้ใช้งาน นี่จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ได้มากขึ้นนั่นเอง 

4. กระตุ้นยอดขาย

86% ของผู้ใช้งาน Instagram กล่าวว่า พวกเขายินดีที่จะซื้อ, บอกต่อ, และลองสินค้าใหม่ ๆ จากการรับชมคอนเทนต์ Reels ที่มียอดแชร์ที่ดูน่าเชื่อถือได้ ซึ่งแน่นอนว่าหากคอนเทนต์สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ ตัวแปรอย่าง Impression และ Engagement นั้นสามารถเปลี่ยนสามารถเพิ่มการมองเห็นของตัวคอนเทนต์ได้มากขึ้นและกลายเป็นยอดขายหรือคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้ในท้ายที่สุดนั่นเอง

Reels สามารถทำรายได้เสริมได้หรือไม่

ครีเอเตอร์ สามารถสร้างรายได้จาก Reels ได้ แต่ทั้งนี้อาจมีเงื่อนไขในเรื่องของ จำนวนยอดวิวโดยรวมตามระยะเวลาหนึ่ง ๆ จำนวนของ Reels และ Performance ของ Reels เป็นต้น 

Facebook Reels 

สำหรับแพลตฟอร์ม Facebook ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้ผ่าน Reels ด้วยการ

Instagram Reels 

สำหรับแพลตฟอร์ม Instagram ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้ผ่าน Reels ด้วยการ

ทดลองฟรี mandala

เทคนิคการทำ Reel ให้มีศักยภาพมากที่สุด

1. ใช้ Effect

ในฟีเจอร์ Reels นั้นจะมี AR Effect ให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือที่เสริมสร้างความมีลูกเล่นให้คลิปของคุณได้อย่างมาก โดยเฉพาะยิ่งหากครีเอเตอร์ใช้เอฟเฟกต์ที่กำลังติดเทรนด์หรือและมีความเกี่ยวข้องกับอัฒลักษณ์ของแบรนด์ด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้เรื่องราวที่ต้องการจะสื่อเห็นภาพได้มากขึ้น

2. ใช้ Text

การเพิ่มข้อความหรือ Text ลงบนคลิปด้วยก็ถือเป็นเครื่องมือเสริมในการเล่าเรื่องได้อย่างดี เพราะสามารถให้ผู้ชมเข้าใจเนื้อหาของคอนเทนต์ได้แม้ไม่เปิดเสียง นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือที่ชื่อว่า Timed-Text ที่ให้ครีเอเตอร์สามารถแปะข้อความตามช่วงเวลาที่ต้องการได้อีกด้วย 

3. ใช้เพลงหรือเสียง

การใช้เพลงที่กำลังเป็นที่นิยมก็ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้อย่างดี แต่ทั้งนี้ก็ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องของเนื้อหา Reels ของคุณด้วย นอกจากนี้ก็ยังมี Voice Over ที่ครีเอเตอร์สามารถอัดเสียงตัวเองลงไปในคลิป หรือ Text-to-speech ที่เป็นการให้ระบบอ่านข้อความแทนให้ได้ด้วยเช่นกัน

4. กระตุ้น CTA และแนบลิงก์ไว้ที่หน้าโปรไฟล์

วิธีที่ดีที่สุดในการกระตุ้นการเข้าชมหรือ Traffic จาก Reels คือการใส่คำหรือข้อความที่กระตุ้นการตัดสินใจ (CTA) ในคลิปวิดีโอสั้นของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ข้อความในคลิป การใช้เสียงกระตุ้นในตอนท้ายของคลิป ทั้งนี้ก็อย่าลืมแนบลิงก์สินค้า หรือลิงก์เว็บไซต์ที่ต้องการไว้ที่หน้าโปรไฟล์ของคุณเอง เพื่อให้ผู้ชมสามารถค้นหาได้ง่ายและสะดวก

5. ใส่แฮชแท็ก 

การใส่แฮ็ชแท็กที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาก็สามารถช่วยให้ Reels ของคุณเป็นที่พบเห็นได้ง่ายขึ้น เพราะโดยปกติแล้วผู้คนมักจะเสิร์ชหาสิ่งที่พวกเขาต้องการด้วยคีย์เวิร์ดสั้น ๆ และระบบเองก็จะสามารถรุบะได้ว่าคอนเทนต์ของคุณมีเนื้อหาในหมวดหมู่ไหน และระบบจะช่วยดันคลิปไปยังผู้ชมที่มีความสนใจได้หมวดหมู่นั้นได้ด้วยเช่น 

6. ใช้ Align Tool 

อีกหนึ่งเครื่องมือที่เพิ่มลูกเล่นของคลิปให้ไม่น่าเบื่อ แถมยังลื่นไหลมากขึ้น นั่นคือ Align Tool ที่ให้ครีเอเตอร์สามารถเพิ่ม Transition ของคลิปได้อย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชุด เปลี่ยนองค์ประกอบของคลิป ฉากหลัง เครื่องแต่งกาย หรืออื่น ๆ 

7. ตามเทรนด์ให้ทัน

แน่นอนว่า หากเนื้อหาใด ๆ ที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่ นั่นก็ยิ่งมีโอกาสที่ผู้ชมจะหยุดดู ซึ่งทั้งนี้ก็อาจค้นหาได้จากการเข้าไปดูครีเตอร์ชื่อดังคนอื่น ๆ ว่ากำลังทำคลิปแบบไหน ใช้เพลงอะไร เพื่อเป็นการสร้างแรงบัลดาลใจและนำมาปรับใช้กับคลิปของตัวเองได้ 

8. โพสต์อย่างสม่ำเสมอ 

สำหรับผู้ชมแล้ว หากแบรนด์หรือครีเอเตอร์โพสต์คอนเทนต์น้อยไปก็อาจถูกมองว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ และพวกเขาอาจลืมตัวตันของคุณไปได้ หรือถ้าหากมีการโพสต์ที่ถี่เกินไปก็อาจไปสร้างความน่ารำคาญใจให้แก่พวกเขาได้ เพราะผู้ชมอาจต้องเห็นคอนเทนต์ของคุณทุกวันหรือในหน้าฟีดมีแต่คอนเทนต์จากบัญชีของคุณ ดังนั้นแบรนด์หรือครีเอเตอร์ควรโพสต์โดยทิ้งระยะห่างแต่สม่ำเสมอ ถือเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นที่จดจำโดยไปรบกวนผู้ชมมากเกินไป

9. แชร์ลงหน้าฟีดและสตอรี่

หากคุณต้องการเพิ่ม Awareness ให้กับบัญชีของคุณ การแชร์ Reel ลงไปที่หน้าฟีดของคุณเองก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการพบเห็นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ครีเอเตอร์ยังสามารถแชร์ผ่านสตอรี่และปกปิดส่วนหนึ่งของ Reel ด้วย GIF หรือรูปภาพ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมคลิกและดูวิดีโอเต็มได้เช่นเดียวกัน

10. โพสต์ทั้งทาง Instagram และ Facebook

ครีเอเตอร์สามารถใช้ประโยชน์จากการที่ทั้ง Instagram และ Facebook อยู่ในเครือขายของ Meta เหมือนกันได้ด้วยการโพสต์คลิป Reels บน Instagram และแชร์ไปยัง Facebook วิธีนี้จะช่วยให้คลิป Reel เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้หมายได้มากขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเป็นการสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดผู้ชมได้เช่นเดียวกัน

10. ขนาดวิดีโอที่ถูกต้อง

ตั้งค่าขนาดวิดีโอมาตรฐานให้ถูกต้อง เพื่อดึงความสนใจของผู้ชม และจะช่วยให้การทำคลิปต่าง ๆ ออกมาเป็นมืออาชีพมากขึ้น โดยควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับแพลตฟอร์มการใช้งานของผู้คนทั่วไป เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มคุณภาพในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ของคุณไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว

คลิป Reel แบบไหนที่ไม่สามารถสร้างรายได้

  • วิดีโอภาพนิ่ง: เนื้อหาที่มีภาพนิ่งหนึ่งภาพ และแทบจะไม่มีการเคลื่อนไหว
  • โพลภาพนิ่ง: เนื้อหาที่มีการโพสต์โดยมีจุดประสงค์เพื่อการเพิ่มจำนวนการมีส่วนร่วมเพียงอย่างเดียวโดยการขอให้ผู้คนตอบคำถามที่ตั้งขึ้นจากเนื้อหาดังกล่าว
  • สไลด์โชว์รูปภาพ: เนื้อหาที่แสดงภาพนิ่งเป็นหลักและเล่นแบบต่อเนื่อง
  • วิดีโอแบบวนซ้ำ: เนื้อหาที่เล่นซ้ำและแสดงส่วนเดิมซ้ำหลายครั้ง เนื้อหาแบบวนซ้ำอาจรวมถึงภาพ GIF และเนื้อหาที่มีความยาวแตกต่างกันไป
  • การตัดต่อข้อความเข้าด้วยกัน (Text Montages): เนื้อหาที่แสดงภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวเป็นหลัก โดยมีข้อความซ้อนทับกัน
  • โฆษณาแบบฝัง (Embedded Ads): เนื้อหาที่มีโฆษณาแบบฝังอยู่แล้วบนแพลตฟอร์ม 

Reel ยังคงเป็นรูปแบบ video ที่หลาย ๆ แบรนด์ หรือ Content Creator ให้ความสนใจสูง

เห็นได้ชัดกันแล้วว่าในตอนนี้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างก็ได้ปล่อยฟีเจอร์ที่รองรับการทำวิดีโอสั้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด และไม่ว่าคุณจะเป็นครีเอเตอร์ที่ต้องการสร้างรายได้จากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ หรือเป็นธุรกิจที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์และกระตุ้นยอดขาย Reels ถือเป็นฟีเจอร์บนแพลตฟอร์ม Social media ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งแบรนด์และครีเอเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในยุคที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจในการเสพย์สื่อวิดีโอสั้นกันอย่างล้นหลามแบบนี้

ฟรี mandala
  • หมวดหมู่ :
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.