Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

คอนเทนต์ คืออะไร ทำคอนเทนต์อย่างไรให้น่าสนใจ [พร้อมเทรนด์ 2024]

คอนเทนต์ คืออะไร ทำคอนเทนต์อย่างไรให้น่าสนใจ [พร้อมเทรนด์ 2024]

เราอยู่ในโลกดิจิทัล ที่จำนวนผู้ใช้ Social Media นั้นมีอยู่อย่างมหาศาล แถมช่องทางการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ก็มีอยู่หลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่าผู้คนนั้นได้รับสารผ่านรูปแบบที่หลากหลายแต่ท้ายที่สุด ข้อมูลเหล่ามักมาในรูปแบบของคอนเทนต์

คอนเทนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับธุรกิจในการสื่อสารแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย 73% ของนักการตลาด B2B และ 70% ของนักการตลาด B2C ใช้ Content Marketing มาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาด ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่ไม่น้อยเลย 

วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกความสำคัญของคอนเทนต์ต่อธุรกิจ พร้อมวิธีการสร้างคอนเทนต์และเทคนิคเพื่อให้คุณสามารถสื่อสารแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คอนเทนต์ คืออะไร ?

คอนเทนต์ถือเป็นเนื้อหาหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ใช้สำหรับถ่ายทอดคุณค่าของแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายผ่านรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง ข้อความ วิดีโอ และสำหรับมุมการตลาดเอง คอนเทนต์มีไว้เพื่อเป็นตัวกลางในการสื่อสารแบรนด์ ให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้แบรนด์และยังคงมีความสนใจในตัวแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

ความสำคัญของการทำคอนเทนต์

อย่างที่เรารู้กันว่าทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากที่อยู่บนโลกออนไลน์ล้วนเข้ามาเสพคอนเทนต์กันทั้งนั้น ซึ่งนั่นก็ชี้ให้เห็นได้เลยว่า คอนเทนต์สามารถส่งผลต่อธุรกิจได้ในหลาย ๆ ด้าน เพราะคอนเทนต์ถือเป็นตัวกลางในการสื่อสารแบรนด์ 

หากคุณสามารถสื่อสารเนื้อหาที่สร้างคุณค่าให้แก่ผู้คนได้ นั่นก็ถือเป็นการสร้าง Brand Awareness ให้ธุรกิจของคุณ และยิ่งคอนเทนต์นั้น ๆ เป็นที่ถูกใจก็ยิ่งกระตุ้นการโต้ตอบหรือการมีส่วนร่วม ก่อให้เกิดเป็น Community และส่งผลเชิงบวกต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในท้ายที่สุด

วิธีสร้างคอนเทนต์ที่ดี ต้องเริ่มจากอะไร ?

1. กำหนด Persona ของกลุ่มเป้าหมาย

การสร้าง Persona คือการสร้างตัวตนให้กลุ่มเป้าหมายของคุณโดยเป็นการอิงข้อมูลจากพฤติกรรมการซื้อสินค้าหรือการสื่อสารของพวกเขาต่อแบรนด์ เมื่อแบรนด์สามารถกำหนด Persona ได้ ก็จะทำให้รู้แนวทางการสื่อสารที่ตรงจุด เพราะอิงจากความสนใจ ความชอบ ความต้องการของพวกเขานั่นเอง

2. สร้าง Idea และแรงบันดาลใจ

หลังจากกำหนดลักษณะและความชอบของคนที่เราต้องการจะสื่อสารด้วยได้แล้วนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการระดมความคิดว่าควรทำคอนเทนต์แบบไหน หรือการหาแรงบันดาลใจจากคอนเทนต์ตัวอย่าง เช่น คอนเทนต์ที่กำลังมาแรง แต่ทั้งนี้ธุรกิจไม่ควรไปคัดลอกคอนเทนต์ของคนอื่นมาเสียทั้งหมด ควรนำมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับอัตลักษณ์ของแบรนด์

3. วางแผนคอนเทนต์

เมื่อ Idea เกิดแล้ว ก็สามารถวางแผนการโพสต์คอนเทนต์ตามวันเวลาที่เหมาะสมรวมถึงการกำหนดช่องทางในการปล่อยคอนเทนต์นั้น ๆ เพราะแต่ละแพลตฟอร์มก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป เช่น ในช่องทางหนึ่งผู้คนอาจมีความชื่นชอบในการเสพคอนเทนต์แบบข้อความ แต่ในอีกช่องทางพวกเขาอาจเพลิดเพลินกับการรับชมรูปหรือวิดีโอมากกว่า

4. เริ่มสร้างคอนเทนต์

เมื่อมีการกำหนดชัดเจนแล้วว่าคอนเทนต์รูปแบบไหนจะถูกโพสต์ที่ช่องทางไหน ก็สามารถเริ่มสร้างคอนเทนต์ได้เลย ทั้งนี้ก็อย่าลืมคำนึงถึงระยะเวลาในการสร้างคอนเทนต์แต่ละชิ้น เพื่อให้สามารถโพสต์ในวันเวลาที่กำหนดได้ 

5. โพสต์คอนเทนต์ตามแพลนที่วางเอาไว้

เมื่อสร้างคอนเทนต์เสร็จแล้วก็สามารถทำการโพสต์ลงตามช่องทางที่ได้กำหนดไว้ตามกลยุทธ์ทางการตลาดของแบรนด์หรือเรียกอีกอย่างว่าการทำ Media Planning ที่สำคัญก็ไม่ควรโพสต์คอนเทนต์ในวันเดียวหลาย ๆ ชิ้น และเว้นระยะการโพสต์นานเกินไป เพราะนั่นอาจทำให้แบรนด์ดูไม่น่าเชื่อถือได้ 

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Hashtag เข้ามากำกับใน Caption ได้เพื่อให้คอนเทนต์ถูกพบได้ง่ายขึ้น และอย่าลืมทำการตรวจสอบ Feedback ของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำไปปรับในการสร้างคอนเทนต์ครั้งต่อไปให้เป็นที่ถูกใจมากยิ่งขึ้น

รูปแบบคอนเทนต์มีอะไรบ้าง ?

1. รูปภาพ

รูปแบบของคอนเทนต์ที่เป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะรูปภาพสามารถช่วยให้การสื่อสารเข้าใจง่ายมากขึ้น เพราะโดยปกติแล้วนั้น 90% ของข้อมูลที่ผู้คนได้รับมักจะถูกสมองของเราสั่งการให้ประมวลออกมาเป็นภาพ

ตัวอย่างคอนเทนต์รูปภาพ

mandala picture

2. Infographic

รูปแบบคอนเทนต์รูปภาพที่มาพร้อมข้อมูล ซึ่งคอนเทนต์ประเภทนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพในการสื่อสารข้อมูลที่อาจมีจำนวนมากให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ผู้คนมักจะชื่นชอบและแชร์ Infographic มากกว่าคอนเทนต์ประเภทอื่น ๆ ถึง 3 เท่า

ตัวอย่างคอนเทนต์ Infographic

mandala infographic one piece

3. Video

วิดีโอถือเป็นหนึ่งในรูปแบบคอนเทนต์ที่ผู้คนชอบมากที่สุดและ 62% ของผู้ดูวิดีโอมักทำการรับชมเนื้อหาอย่างละเอียด เพราะเป็นการทำความเข้าใจเรื่องราวได้อย่างต่อเนื่องผ่านภาพที่เคลื่อนไหวได้พร้อมกับเสียง วิดีโอจึงถือเป็นคอนเทนต์ที่นำไปใช้กับเนื้อหาหลายแบบเช่นวิธีการใช้งานสินค้า, Behind the scenes, การโปรโมทอีเวนต์ เป็นต้น

ตัวอย่างคอนเทนต์ Video

4. Social Media Content

คอนเทนต์ที่อยู่บน Social Media แพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่หลายรูปแบบมาก ๆ อย่างรูปภาพ, Infographic, วิดีโอ ที่เราได้ทำความรู้จักกันไปนั้นก็สามารถเป็น Social Media Content ได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมี Reel บน Instagram, TikTok Shot, และ Thread บน Twitter เป็นต้น

ตัวอย่างคอนเทนต์ Social Media Content

@tumkinaeng

หมูกรอบ ไม่ต้องตาก ไม่ต้องทอด กรอบนอกนุ่มฉ่ำข้างใน #tiktokพากิน #ห้องครัวtiktok #เมนูนี้ฉันอ้วน #อาหารทําเอง #ทําอาหาร #ทํากินเอง #ความรู้คู่ครัว

♬ เสียงต้นฉบับ – ทำกินเอง

5. Live Stream

Live Stream ก็ถือเป็นคอนเทนต์ที่มาในรูปแบบวิดีโอแต่มีความแตกต่างคือผู้ชมสามารถรับชมได้แบบ Real-time เป็นคอนเทนต์ที่เหมาะอย่างมากสำหรับการถ่ายทอดสดอีเวนต์ต่าง ๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่สามารถไปร่วมงานได้ นอกจากนี้แบรนด์ก็สามารถสร้างคอนเทนต์ Live เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างกลุ่มเป้าหมายกับแบรนด์ได้ด้วย

ตัวอย่างคอนเทนต์ Live Stream

6. Blog

คอนเทนต์แบบ Blog นั้นเป็นคอนเทนต์ที่มาในรูปแบบข้อความแบบยาว มักจะมีความยาวอย่างน้อย 1,500 คำมุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย อย่างเช่นในบทความนี้ก็เป็นตัวอย่างของคอนเทนต์ประเภท Blog เช่นกัน เนื้อหาในบล็อกอาจมีแง่มุมต่างๆ มากมาย เช่น How-to, การตั้งคำถาม, ลิสต์รายการของหัวข้อหนึ่ง ๆ เป็นต้น

ตัวอย่างคอนเทนต์  Blog

blog content example

7. Email

คอนเทนต์ที่อยู่ในรูปแบบการเขียนเมลล์ สามารถมีได้ทั้งข้อความและรูปภาพ โดยปกติแล้วมักใช้ในการแจ้งโปรโมชันหรืออัพเดทข่าวสารของธุรกิจไปยังลูกค้าหรือสมาชิก เพื่อกระตุ้นให้พวกเขามีส่วนร่วมกับแบรนด์นั่นเอง 

ตัวอย่างคอนเทนต์ Email

mandala email

8. Report

คอนเทนต์ที่อยู่ในรูปแบบการรายงาน การสำรวจ หรือกรณีศึกษาในหัวข้อหนึ่ง ๆ ถือเป็นการให้มูลที่มีหลักการและทฤษฏีประกอบ ปกติแล้ว Report จะถูกเก็บไว้ในไฟล์ฉบับเดียว ส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปแบบ PDF

9. Website

ถือเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถรวมคอนเทนต์ต่าง ๆ ของแบรนด์ไว้ในแหล่งเดียว เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ของแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสินค้า, รูปภาพ, วิดีโอ, เสียง, Blog, Case Studies และอื่น ๆ 

เทคนิคการสร้างคอนเทนต์

  • เนื้อหาต้องมีความชัดเจนและเกี่ยวข้อง

ในการสร้างคอนเทนต์หนึ่ง ๆ ควรมีความชัดเจนในการสื่อสารเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจได้ง่าย นอกจากนี้แบรนด์ก็ต้องทำการสำรวจปัญหาหรือสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ เพื่อสร้างเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา ทั้งนี้ก็เพื่อให้พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงกับสารที่จะได้รับและเกิดความสนใจในคอนเทนต์ของแบรนด์ 

  • เน้นความเข้าถึงง่าย 

การสร้างคอนเทนต์ที่มีข้อมูลที่ซับซ้อนอาจทำให้กลุ่มเป้าหมายดูหรืออ่านคอนเทนต์นั้นไม่จบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นคอนเทนต์บน Social Media เพราะหลาย ๆ คนเข้าไปบนแพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านั้นเพื่อคลายเครียดจากชีวิตประจำวัน จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์ในการผลิตเนื้อหาที่ง่ายต่อการเข้าใจและยิ่งหากมีความสนุกและความฮาด้วยก็ยิ่งสามารถดึงดูดให้พวกเขาเสพคอนเทนต์ของแบรนด์จนจบได้  

  • ใช้ข้อความที่น่าดึงดูด 

การเลือกใช้ข้อความหรือคำหนึ่ง ๆ ก็มีส่วนสำคัญในการเสพคอนเทนต์ของกลุ่มเป้าหมาย หากแบรนด์สามารถเลือกใช้คำที่ดึงดูดและชวนติดตาม ก็ทำให้กลุ่มเป้าหมายหยุดดูคอนเทนต์ได้ ไม่ว่าจะเป็นหัว Email, คำบน Infographic, ชื่อ Blog, แคปชันบนโพสต์ของ Social Media เป็นต้น

  • รูปแบบคอนเทนต์ต้องรองรับกับมือถือ

อย่างที่รู้กันดีว่าทุกวันนี้จำนวนผู้ใช้ Smartphone นั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผู้คนหาข้อมูลหรือรับข่าวสารผ่าน Smartphone กันมากขึ้น ดังนั้นในการสร้างคอนเทนต์รูปแบบใดก็ตาม นอกจากจะต้องคำนึงถึงการแสดงผลบนจอเดสก์ทอปแล้ว ก็ยังต้องให้ความสำคัญกับการแสดงผลบนหน้าจอโทรศัพท์ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นขนาดของตัวหนังสือ รูปภาพและวิดีโอในการแสดงผล ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

ส่องเทรนด์การทำคอนเทนต์ปี 2024

1. Short Video กำลังได้รับความนิยม

ทุกวันนี้ Short Video มาแรงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบน TikTok, Instagram, Facebook หรือแม้แต่ YouTube ก็มีคอนเทนต์วิดีโอแบบสั้นให้เราได้รับชมกันแล้ว จึงไม่ใช้เรื่องแปลกนักที่เหล่านักการตลาดจะให้ความสำคัญในการสร้างคอนเทนต์ Short Video ในการสื่อสารแบรนด์ 

ข้อมูลจาก Wyzowl ได้ระบุไว้ว่า 73% ของผู้บริโภคชื่นชอบการรับชมวิดีโอแบบสั้นในการศึกษาข้อมูลสินค้าและบริการของแบรนด์ และนอกจากนี้ Short Video ยังสามารถสร้าง ROI ได้สูงสุดเป็นอับดับ 1 ในกลยุทธ์การตลาดอีกด้วย

2. Influencer มีความสำคัญในการสร้าง Brand Awareness

ทุกวันนี้ผู้บริโภคเกือบครึ่งหนึ่งเชื่อใจในคำแนะนำจาก Influencer ในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า 

เรียกได้ว่าพวกเขามีอิทธิพลอย่างมากในการช่วยเหลือแบรนด์สื่อสารและโปรโมทกับกลุ่มเป้าหมาย และหากพิจารณาจากสถิติในหัวข้อ Short Video ที่เราเพิ่งทำความเข้าใจกัน จะเห็นอีกด้วยว่า Influencer Marketing ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ให้ ROI รองลงมาเป็นอันดับ 2 ในเทรนด์การตลาด

3. คอนเทนต์ตลก ย่อยง่าย คือหัวใจสำคัญของคอนเทนต์ 2024

คอนเทนต์ตลกและย่อยง่ายนั้นมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างมากในปี 2024 เพราะมีการลงทุนมากเป็นอันดับ 2 จากคอนเทนต์ทุกประเภท นอกจากนี้ 49% ของนักการตลาด Social Media ก็มีการวางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณในการผลิตคอนเทนต์ประเภทนี้อีกด้วย และหากคุณลองเข้าใช้งานแอปฯอย่าง TikTok ก็จะพบได้ว่า มีคอนเทนต์ประเภทนี้อยู่จำนวนมาก นี่จึงไม่ใช้เรื่องน่าแปลกใจมากนักที่แพลตฟอร์มนี้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ใคร ๆ ต่างก็ชอบเสพสื่อที่มีความบันเทิงและสร้างเสียงหัวเราะให้เราได้กันทั้งนั้น

4. สร้างคอนเทนต์ด้วยเทคโนโลยี AI

ai content example

ในยุคที่มนุษย์ทำงานร่วมกับ AI เทคโนโลยี AI ถูกพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่อาจขึ้น และต่อยอดการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา ได้ไอเดียใหม่ ๆ ประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยให้คุณเห็น Insight ในการวางแผนกลยุทธ์ต่อไป สายคอนเทนต์จึงเริ่มมีการเลือกใช้เครื่องมือ AI ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ดีขึ้นไป

5. SEO เป็นคอนเทนต์อีกรูปแบบที่มีความจำเป็นสำหรับธุรกิจ

SEO นั้นมีส่วนสำคัญใน Content Marketing อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคอนเทนต์บน Website จากการวิจัยของ HubSpot พบว่า นักการตลาดเกือบหนึ่งในสามใช้เว็บไซต์เพื่อสร้าง Lead ในการขาย และ Traffic ส่วนใหญ่นั้นมาจาก Search Engine 

ทั้งนี้แบรนด์ก็สามารถนำเทคนิค SEO ไปปรับใช้กับคอนเทนต์อื่นนอกจากบน Website ได้ด้วยเช่นกัน โดยเน้นใช้คำหรือคีย์เวิร์ดที่ผู้คนนิยมค้นหาไปใช้ ทั้งนี้ก็ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องของบริบทอื่น ๆ ของคอนเทนต์ด้วย

6. คอนเทนต์เน้นให้ความรู้

เป็นคอนเทนต์ที่เน้นเนื้อหาสาระความรู้และความถนัดให้กับผู้อ่าน เพื่อให้ลูกค้าประทับใจ และเปลี่ยนให้ผู้อ่านกลายมาเป็นลูกค้าในที่สุด เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น คอนเทนต์ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้า เป็นต้น

7. Interactive Content มาแรง

Interactive Content คือ คอนเทนต์เนื้อหาเชิงตอบโต้ เช่น คำถามแบบ Multiple Choices สร้างโพลล์ เป็นต้น โดย Forbes ได้กล่าวว่าในช่วงปี 2566-2567 มีธุรกิจที่ใช้ Interactive Content ประเภทนี้เพิ่มถึงเกือบสองเท่า! โดยเน้นเพิ่มประสบการณ์การมีส่วนร่วมของลูกค้า และคาดหวังปฏิกิริยาตอบสนองจากผู้ชม

ทำคอนเทนต์ให้คนหยุดดู เข้าถึงง่าย มัดใจลูกค้า

หากอ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงเข้าใจแล้วว่า คอนเทนต์นั้นมีความสำคัญในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอย่างไร และอย่างที่เราทำความเข้าใจกันไปแล้วว่าในทุกวันนี้คอนเทนต์มีความหลากหลายของเนื้อหาและรูปแบบ และความนิยมของคอนเทนต์แต่ละรูปแบบก็มีแนวโน้มที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามพฤติกรรมของผู้บริโภค 

อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญในการสื่อสารแบรนด์ คือการที่คุณสามารถเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการจะสื่อสารด้วย อีกทั้งยังสามารถคงคุณค่าของแบรนด์คุณไว้ได้อยู่ ทั้งนี้ความสอดคล้องของเนื้อหา แพลตฟอร์ม และจุดประสงค์ในการสร้างคอนเทนต์หนึ่ง ๆ ก็มีความสำคัญในสร้างคอนเทนต์ที่เป็นตัวกลางการสื่อสารแบรนด์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 

mandala ทดลองใช้ฟรี
  • หมวดหมู่ :
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.