Social Media MarketingSocial ListeningFacebook MarketingInstagram MarketingTikTok Marketing
Try Mandala For Free

Customer Journey Map คือ? มีประโยชน์อย่างไร พร้อมวิธีสร้างแมพดูการซื้อของลูกค้า

Customer Journey Map คือ? มีประโยชน์อย่างไร พร้อมวิธีสร้างแมพดูการซื้อของลูกค้า

เจาะลึก Customer Journey Map ตัวช่วยศึกษาข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า พร้อมต่อยอดสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดและสื่อสาร แถมเคล็ดลับและขั้นตอนการทำ ที่แม้แต่มือใหม่ก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ 

Customer Journey Mapping คืออะไร

Customer Journey Map หรือแผนที่ประสบการณ์ลูกค้า เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ใช้วิเคราะห์และแสดงประสบการณ์ของลูกค้าในทุกจุดสัมผัส (Touchpoint) กับแบรนด์ ตั้งแต่ก่อนซื้อ ระหว่างซื้อ และหลังการซื้อ โดยการแสดงผลจะเป็นในรูปแบบของแผนที่ที่เข้าใจง่าย และเป็นที่มาของการเรียกว่า Map นั่นเอง

ทำไม Customer Journey Map ถึงสำคัญ

ความสำคัญของ customer journey map

จากผลสำรวจของ Salesforce บริษัท CRM ชื่อดังระดับโลก พบว่า 80% ของผู้บริโภคให้ค่ากับประสบการณ์ที่ได้รับจากแบรนด์หรือการซื้อสินค้า Customer Journey Mapping จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ โดยผู้บริโภคคาดหวังที่จะได้รับความสะดวกสบาย และคอนเทนต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับความสนใจเฉพาะบุคคล (Personalization) ตลอดเส้นทางตั้งแต่ก่อนไปจนถึงหลังซื้อ ดังนั้นหาก Customer Journey ของแบรนด์เรามีความยุ่งยาก ล่าช้า หรือไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็จะส่งผลลูกค้าเลือกซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์คู่แข่งแทน

องค์ประกอบสำคัญในการทำ Customer Journey Map 

  • กระบวนการการซื้อ (Buying Process)

การวิเคราะห์กระบวนการซื้อของลูกค้าช่วยให้เราวาด Customer Journey Map ได้อย่างแม่นยำ ตั้งแต่การเข้าถึงแบรนด์ครั้งแรก ไปจนถึงการซื้อ โดยการวิเคราะห์ Buying Process ควรเริ่มจากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคผ่านข้อมูลที่เรามี เช่นเว็บไซต์ การมีส่วนร่วมบนช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์ การเสิร์ช แบบสอบถามหลังการใช้บริการ หรือข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ จากนั้นจึง Map เข้ากับ Marketing Funnel ต่าง ๆ ตั้งแต่การรับรู้ (Awareness) ไปจนถึงการซื้อ (Purchase) 

  • อารมณ์ (Emotions)

การทำความเข้าใจอารมณ์ของผู้บริโภคตลอด Customer Journey Map ช่วยให้แบรนด์เข้าใจความเป็นไปและตอบสนองได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลงในแต่ละ Funnel ช่วยลดแรงปะทะ และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้กับแบรนด์ โดยการศึกษาอารมณ์ของผู้บริโภคสามารถทำได้ผ่านแบบสำรวจ แบบประเมินความพึงพอใจ การสัมภาษณ์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และการใช้ Social Listening Tools

  • กิจกรรม (User Actions) 

การทำความเข้าใจกิจกรรมของผู้บริโภคในแต่ละ Touchpoint ช่วยให้แบรนด์เข้าใจว่าอะไรคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจทำกิจกรรมต่อไปใน Marketing Funnel ที่ลึกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ปิดการขายได้มากขึ้นตามไปด้วย โดยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์กิจกรรมของผู้บริโภค ได้แก่ จำนวนการเข้าชมหน้าเว็บ การคลิกปุ่ม CTA (Call-to-Action) การเปิดอีเมล การลงทะเบียนรับจดหมายข่าว หรือจำนวนการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน

  • การค้นหา (User Research)

การทำความเข้าใจว่าผู้บริโภคค้นหา หรือพยายามศึกษาข้อมูลแบบไหนตลอด Customer Journey จะช่วยให้แบรนด์เข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายให้ค่ากับเรื่องอะไร และควรสร้างคอนเทนต์ หรือสร้างตัวตนในช่องทางที่ผู้บริโภคใช้ในการค้นหาเพื่อรองรับความต้องการ เช่น ถ้าผู้บริโภคใช้ Google ในการค้นหา ก็ควรสร้างเว็บไซต์รองรับ หรือถ้าผู้บริโภคใช้โซเชียลมีเดียในการค้นหา ก็ควรสร้าง Page ให้กับแบรนด์ 

  • วิธีแก้ปัญหา (Solutions)

หลังจากที่ได้วิเคราะห์ข้อมูลในด้านต่าง ๆ ทั้งอารมณ์ กิจกรรม และสิ่งที่ลูกค้าค้นหา แบรนด์จะสามารถระบุข้อบกพร่องใน Customer Journey ที่ทำให้ลูกค้าประสบปัญหา หรือมีประสบการณ์ที่ไม่ดีได้ และสิ่งที่แบรนด์ควรทำต่อไปคือการหาวิธีการแก้จุดบกพร่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มช่องทางในการติดต่อสื่อสารให้มากขึ้น ปรับเนื้อหาคอนเทนต์ให้ตรงใจผู้บริโภค ปรับเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายขึ้น ส่งสินค้าให้ไวขึ้น เป็นต้น

4 ขั้นตอนการทำ Customer Journey Mapping

การทำ Customer Journey Mapping

Step 1 : กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน 

กำหนดเป้าหมายให้การสร้าง Customer Journey Map ในแต่ละครั้งว่าทำไปเพื่อสินค้าอะไร แบรนดอะไร เพื่ออะไร 

ตัวอย่าง: Customer Journey Map นี้ ใช้สำหรับครีมยี่ห้อเอ เพื่อเพิ่มยอดขายให้คนมาซื้อครีมมากขึ้น

Step 2 : กำหนด Buyer Persona และ Scenario

ขั้นตอนต่อไปคือการกำหนด Buyer Persona หรือกลุ่มเป้าหมายของเราว่าเขาน่าจะเป็นคนแบบไหน และ Scenario ก็คือสถานการณ์ที่เหมาะสมกับ Customer Journey Mapping ของเรา เช่น 

ตัวอย่าง

  • Buyer Persona: ครีมยี่ห้อเอ มีผู้ใช้เป็นผู้หญิงอายุ 18-25 ปี สนใจติดตามเทรนด์ความงาม 
  • Scenario: กำลังมองหาครีมยี่ห้อใหม่ที่เหมาะกับตัวเอง

Step 3 : กำหนดหัวข้ออื่น ๆ   

หลังจากได้ Buyer Persona และ Scenario ที่เป็นธีมใหญ่ครอบคลุมการทำ Customer Journey Mapping ของเราแล้ว ก็ถึงเวลาลงรายละเอียดในหัวข้ออื่นๆ ซึ่งแล้วแต่ความต้องการของแต่ละแบรนด์และสินค้า แต่เราจะแนะนำหัวข้อหลักที่ควรมีในทุก Customer Journey Map ได้แก่

  • Buying Process: ตัวบ่งชี้ว่าลูกค้ากำลังอยู่ในขั้นตอนไหนของ Customer Journey Map เช่น เพิ่งเริ่มรู้จักแบรนด์ (Awareness) กำลังพิจารณา (Consideration) หรือกำลังตัดสินใจซื้อ (Purchase)
  • Action: กิจกรรมที่ลูกค้าจะทำในแต่ละช่วงของ Customer Journey Map 
  • Emotion:  อารมณ์หรือความรู้สึกของลูกค้าในแต่ละช่วงของ Customer Journey Map 
  • Touch Point: ช่องทางที่แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในแต่ละช่วงของ Customer Journey Map
  • Pain Point: ปัญหาที่ลูกค้าพบเจอในแต่ละช่วงของ Customer Journey Map 
  • Solution: วิธีในการสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ให้ดีที่สุด เมื่อได้ศึกษาหัวข้อข้างบนทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว

ตัวอย่าง

  • Buying Process: อยู่ในช่วงกำลังพิจารณาครีมของแบรนด์เอ
  • Action: หาข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบกับสินค้าของคู่แข่ง ผ่านเว็บไซต์ และการรีวิว 
  • Emotion: จริงจัง ต้องใช้ความคิดเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง
  • Touch Point: Google, YouTube, TikTok, Facebook, Instagram
  • Pain Point: ตัวเลือกในตลาดที่มีมากมาย ไม่รู้ว่าครีมไหนที่เหมาะสมกับผิวของตัวเองที่สุด
  • Solution: สร้างเว็บไซต์ และคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมตสรรพคุณและข้อดีของครีม ทำงานร่วมกับ KOL ในการสร้างคอนเทนต์รีวิว Before & After พร้อมซื้อโฆษณาบนช่องทาง Google, YouTube, TikTok, Facebook และ Instagram เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด

Step 4 : หมั่นรีวิว Customer Journey Map

 Customer Journey Mapping ไม่ใช่เครื่องมือที่ทำง่าย แต่ความแม่นยำจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เรานำมาใช้อ้างอิงในการสร้าง Journey แต่ละครั้ง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็มักจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะในปัจจุบันที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนค่อนข้างไว มีแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ดังนั้นการทำ Customer Journey Map จึงควรอัปเดตให้ทัน เพื่อให้ได้ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุด

ใช้ Mandala AI. เครื่องมือช่วยเข้าถึงประสบการณ์ของลูกค้าจริง

Social Listening Tools เป็นหนึ่งในตัวช่วยให้แบรนด์ทราบความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงในตลาดอยู่เสมอ ช่วยให้สร้าง Customer Journey Map ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และสร้างกลยุทธ์ที่สร้างประสบการณ์ผู้ใช้ได้ดีที่สุด

mandala ai ฟรี
สมัครสมาชิกเนื้อหาการตลาดฟรีของเรา

เราจะส่ง Email เนื้อหาใหม่ให้คุณทุกสัปดาห์

This email is already subscribe.