เจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดที่กำลังจะเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ อย่าเพิ่งเริ่มทำ ! หากว่ายังไม่ได้อ่านบทความนี้ เพราะการวางโครงสร้างเว็บไซต์นั้นมีความสำคัญมาก จะต้องออกแบบให้สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้ ใช้งานได้ง่าย สามารถซื้อของจ่ายเงินได้เพียงไม่กี่คลิก
โครงสร้างเว็บไซต์คืออะไร ?
โครงสร้างของเว็บไซต์ คือ แผนผังของเว็บไซต์ที่จัดลำดับความสำคัญของหน้าเพจและเนื้อหาของเว็บไซต์ โดยมีเมนูหลักและเมนูย่อยลงไป เพื่อให้เว็บไซต์เป็นระเบียบ ใช้งานง่าย และทำให้ User มีประสบการณ์ที่ดีในการเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของแบรนด์ รวมถึงการให้ Search Engine เข้าใจ Index ของเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยให้อันดับในการค้นหาดีขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ โครงสร้างเว็บไซต์ยังสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาซึ่งกันและกัน โดยสามารถใช้หมวดหมู่ แท็ก หรือ Internal Link ในการจัดระเบียบเว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของโครงสร้างเว็บไซต์
การสร้างเว็บไซต์นั้น UX Designer มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางโครงสร้างเว็บไซต์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ User โดยเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของแบรนด์ และทำให้ Target Audience มี Journey การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีจนสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้
ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ e-Commerce วัตถุประสงค์คือ ต้องการให้ลูกค้าซื้อสินค้า ดังนั้น โครงสร้างเว็บไซต์จะต้องสร้าง Jouney ตั้งแต่การเลือกซื้อสินค้า การตรวจสอบตะกร้าสินค้า และมีช่องทางการจ่ายเงินที่เชื่อมโยงและง่ายดาย
การสร้างโครงสร้างเว็บไซต์ที่ทรงอานุภาพ มีข้อดีดังต่อไปนี้
สร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์
เว็บไซต์ไม่ได้มีแค่สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่แบรนด์เท่านั้น แต่การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี จะช่วยสร้าง Conversion Rate ได้มากถึง 400% เพราะหากว่าเว็บไซต์ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย มีการเชื่อมโยงหากันอย่างเป็นระบบระเบียบ จะช่วยสร้างความรู้สึกและประสบการณ์การใช้งานที่ดี และส่งผลให้ User เกิดความประทับใจ และมีการสมัครและสั่งซื้อมากขึ้น ไปจนถึงการแนะนำให้เพื่อนหรือคนรู้จักมาเป็นลูกค้าของแบรนด์มากขึ้นอีกด้วย
วางแผนเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ
สามารถจัดกลุ่มเนื้อหา หรือหน้าเพจได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องมาคิดว่า เนื้อหานี้จะต้องใส่อยู่ในเมนูไหน หมวดหมู่ไหน นอกจากแบรนด์จะสามารถทำงานได้ง่ายขึ้นแล้ว User ที่เข้ามาก็สามารถเลือกเมนูที่ต้องการใช้ได้ง่ายอีกด้วย
Search Engine เข้าใจเว็บไซต์ของเรามากขึ้น
โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี จะช่วยทำให้ Search Engine อย่าง Google สามารถ Crawl เพื่อตรวจสอบว่าเว็บไซต์มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่ออันดับการค้นหา และเมื่อลูกค้าเจอเว็บไซต์บนหน้าค้นหา ก็เพิ่มโอกาสในการขายให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
รูปแบบของโครงสร้างเว็บไซต์
การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ในปัจจุบันมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ภายในเว็บไซต์มีการเชื่อมโยงเนื้อหาเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีรูปแบบที่นิยมใช้กันอยู่ 4 รูปแบบด้วยกัน
1. Basic/Hierarchical Layout
Hierarchical Layout คือ รูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยแบ่งเว็บไซต์เป็นหมวดหมู่ หรือที่เรียกว่า Parent Page จากนั้นค่อยย่อยหัวข้อออกมาเป็น Child Page ไปเรื่อย ๆ เหมือนกับแผนผังต้นไม้ ใช้ได้ทั้งเว็บไซต์เล็ก ๆ ที่มี 10 หน้าไปจนถึงเว็บใหญ่ที่มีมากกว่า 100 หน้า
2. Linear or Sequential Layout
Linear Layout คือ โครงสร้างเว็บไซต์ที่ให้ User มี Journey ไปในทิศทางเดียวกันเป็นเส้นตรง เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาน้อย เน้นความมินิมอล กระชับ
3. Webbed Layout
เพิ่มความซับซ้อนของโครงสร้างเว็บไซต์ ด้วย Webbed Layout ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังเพจอื่น ๆ ได้จากหน้า Home โดยมักจะทำเป็นเมนูบาร์ หรือเป็น Internal Link เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาจำนวนไม่มาก และไม่ค่อยมีความซับซ้อน
4. Hybrid Layout
Hybrid Layout เป็นการออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์แบบผสมผสาน โดยอาจจะนำโครงสร้างแบบ Hierarchical มาผสมกับแบบ Webbed เพื่อเชื่อมโยงหน้าเพจที่เกี่ยวข้องกันได้ง่าย และสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานได้มากขึ้น
ขั้นตอนการออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์
การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ สามารถทำได้ง่าย ๆ ใน 5 ขั้นตอน ดังนี้
1. วิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่ง
เมื่อเราได้ Target Audience และคู่แข่งหลักของแบรนด์แล้ว แนะนำให้ลองไปใช้งานเว็บไซต์ของคู่แข่ง แล้วเขียนวิเคราะห์การใช้งานตามความรู้สึกจริง เพื่อนำไปพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้เหนือกว่า สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่า
2. ระบุเป้าหมายในการทำเว็บไซต์
แต่ละเว็บไซต์จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการออกแบบ เพื่อให้ User ไม่สับสน หากว่าแบรนด์เน้นทำเว็บไซต์เพื่อสร้าง Awareness ต้องการเน้นเนื้อหา ไม่เน้นขาย เพราะต้องการให้ลูกค้ามาที่หน้าร้าน แนะนำให้หน้า Home เน้นไปที่เนื้อหา และมี Journey ที่เพิ่ม Traffic ในเว็บไซต์ แต่หากว่าต้องการให้ลูกค้าซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ อย่างเว็บ e-Commerce ก็ต้องมีโครงสร้างเว็บไซต์ที่ทำให้ลูกค้าซื้อของได้สะดวกสบาย ตั้งแต่การเลือกสินค้าไปจนถึงขั้นตอนการชำระเงิน
3. สร้าง Diagram เพื่อระบุทิศทางในการใช้งานเว็บไซต์
ก่อนที่จะตัดสินใจให้ลองสร้าง Diagram เพื่อระบุทิศทางของเว็บไซต์ทั้งเว็บ โดยดูว่าจากเพจนี้จะเชื่อมต่อไปยังหน้าไหนได้บ้าง มีความยุ่งยากหรือสิ่งที่ทำให้ติดขัดหรือไม่ Journey ของ User เป็นอย่างไร เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
4. สร้าง Internal Link และปุ่มกดที่เชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน
การสร้าง Internal Link หรือปุ่มกดที่เชื่อมโยงเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกัน มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยดึงรั้งให้ User ใช้งานในเว็บไซต์ของเรานานยิ่งขึ้น เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเช่นเดียวกัน และเป็นการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมแต่ละเพจให้มากยิ่งขึ้น
5. สร้าง Sitemap ของเว็บไซต์
อาจจะทำไว้ที่ Footer เพื่อให้ User สามารถเลือกเข้าชมเมนูที่ต้องการ และยังทำให้ Search Engine เข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์มากขึ้นอีกด้วย
โครงสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพและใช้งานได้อย่างลื่นไหล จะช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ นอกจากช่วยเพิ่มทราฟฟิกในการเข้าชมเว็บไซต์แล้ว ยังกระตุ้นยอดขายได้อีกด้วย สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ยิ่งขึ้น อย่าลืมใช้ Mandala Analytics เครื่องมืออันทรงพลังจาก Mandala AI โซลูชันที่ช่วยให้เข้าใจเทรนด์และ Social Listening เพื่อใช้ในการติดตามผลลัพธ์และเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้คุณปรับปรุงเว็บไซต์ได้อย่างตรงจุดตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการติดตามประสิทธิภาพของแต่ละแคมเปญ เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ของแบรนด์ให้มีประสิทธิภาพและทรงพลัง ทดลองใช้งานฟรีแล้วได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ของเรา หรือหากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.mandalasystem.com/contact_us
ข้อมูลอ้างอิง
- โครงสร้างเว็บไซต์ เข้าใจ Site Structure หรือ โครงสร้างเว็บไซต์ อย่างละเอียด. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567
- What Is Website Structure and Why Is It Important?. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567
- Website Structure 101 with Examples. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567
- How to structure your website (and why it’s important). สืบค้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567
