การค้าขายมีขึ้นก็ย่อมมีลง เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ได้คงที่อยู่กับคำว่า “ดี” เสมอไป แต่ในขณะเดียวกันก็มีกรณีที่ร้านค้าอื่นขายดีแบบเทน้ำเทท่า แต่พอเป็นเรากลับขายของไม่ได้เลย แถมยอดยังตกจนน่าหวั่นใจ ลองมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุนอกเหนือจากภาวะเศรษฐกิจที่อยู่เหนือการควบคุมดูสักนิด แล้วคุณจะพบว่าหากแก้ไขให้ถูกจุด ยอดขายก็เพิ่มขึ้นได้ แถมยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ส่วนใครสนใจอยากเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่สามารถเติมเต็มเป้าประสงค์ทางการตลาด เพื่อเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองคลิกด้านล่างนี้เลย
วิเคราะห์สาเหตุที่ขายของไม่ได้เลย ต้องทำไงดี ?
เคยไหม ? ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ แต่กลับขายของไม่ได้เลย จนไม่รู้จะทำไงดีกับยอดขายที่นิ่งสนิท อย่าเพิ่งกังวลไป เพราะเราจะมาตีแผ่สาเหตุที่ทำให้ขายของได้ไม่ดีเท่าที่ควรกัน
1. ปัจจัยด้านสินค้า
- สินค้าไม่ตรงกับความต้องการของตลาด : บางทีสินค้าที่ผลิต หรือนำมาจำหน่ายนั้น อาจจะยังไม่ได้สเปกตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ทั้งเรื่องคุณภาพ หรือแม้แต่ราคาก็ตาม ฉะนั้น ทางแก้ไขง่าย ๆ คือลองวิเคราะห์ดูก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณต้องการอะไร จะได้หาสินค้ามาขายได้ตรงใจพวกเขามากขึ้น
- คุณภาพสินค้าไม่ดี : อาจเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคซื้อแค่ครั้งเดียว หรือไม่สนใจที่จะซื้อขาย เนื่องจากมีคุณภาพไม่ตรงตามมาตรฐานการใช้งาน แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมสร้างความผิดหวังให้แก่ลูกค้า และส่งผลต่อชื่อเสียงของร้านค้าในระยะยาว
- ราคาสินค้าสูงเกินไป : เมื่อเทียบกับคุณภาพหรือสินค้าทดแทนในตลาด หากมีราคาขายที่สูงเกินกว่ามาตรฐานทั่วไป ก็อาจจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจไม่ซื้อได้
2. ปัจจัยด้านกลยุทธ์การขาย
- ช่องทางการขายไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย : ความผิดพลาดจากการเลือกแพลตฟอร์มการทำธุรกิจ เปิดหน้าร้านออนไลน์ที่ไม่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ส่งผลให้สินค้าของคุณอาจจะไปไม่ถึงกลุ่มคนที่ต้องการ
- ไม่มีการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ : ทั้งในแง่ของเนื้อหา รูปภาพ สื่อต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์ออกมาแล้วยังไม่ดึงดูดความสนใจ ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ย่อมส่งผลต่อยอดขายในระยะยาว
- บกพร่องเรื่องการบริการลูกค้า : ตอบคำถามช้า ตอบไม่ครบ หรือมีข้อผิดพลาดในการบริการบางอย่าง ก็อาจจะส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า ทำให้ลูกค้าไม่กลับมาซื้อซ้ำ หรือร้ายแรงถึงขั้นทำให้ขายของไม่ได้เลย
ก้าวข้ามปัญหาที่ขายของไม่ได้เลย ด้วยการทดลองรับข้อมูลเชิงลึกที่วิเคราะห์โดย AI เพื่อปรับปรุงแผนการขายสินค้าและบริการ ผ่านเครื่องมือการตลาดที่ครอบคลุมทุกความต้องการอย่าง Mandala Analytics จาก Mandala AI ทดลองใช้ฟรีด้านล่างนี้เลย
แนวทางแก้ไขจากยอดขายตก ให้พุ่งจนฉุดไม่อยู่
หลังจากเห็นสาเหตุที่ทำให้ช่วงนี้ขายของไม่ค่อยได้ เงียบมากยังไม่พอ ลูกค้ายังไม่กลับมาซื้อซ้ำอีก ทีนี้จะแก้ไขให้ยอดขายที่ตก กลับมาพุ่งกระฉูดแบบฉุดไม่อยู่ได้อย่างไรกัน ? หากสงสัยอยู่ เราก็มีคำตอบมาฝาก
1. ทำความเข้าใจกับสินค้าและตลาดใหม่
เพราะบางทีข้อผิดพลาดที่ทำให้ขายของไม่ได้เลย อาจมาจากการที่คุณยังไม่เข้าใจถึงตลาดและกลุ่มเป้าหมายได้ลึกซึ้งมากพอ ลอง Back To Basic กลับมาที่ขั้นตอนการวิเคราะห์เบื้องต้นกันอีกครั้ง อย่างการหาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT) ของสินค้าและบริการ ควบคู่กับการศึกษาเทรนด์ตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค และคู่แข่ง เพื่อมองหาช่องว่างทางการตลาดที่ยังไม่มีใครจับจอง จะได้ตั้งตัวลุยทำธุรกิจใหม่อีกครั้งหนึ่ง
2. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายอย่างจริงจัง
พอรู้ท่าทีความเป็นไปพื้นฐานแล้ว ลองมาเจาะลึกเพิ่มขึ้นไปอีก กับการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายแบบจริงจัง เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการ ปัญหา และพฤติกรรมต่าง ๆ ของกลุ่มเป้าหมายทั้งหลักและรอง และเริ่มเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ เพื่อนำมาวิเคราะห์ ควบคู่กับการพัฒนาสินค้าและบริการ แถมยังเอาไปช่วยออกแบบกลยุทธ์การตลาด เพิ่มอิมแพคในการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมั่นใจ
3. อย่ามองข้ามคุณภาพสินค้า หมั่นพัฒนาเสมอ
แม้สินค้าจะมีคุณภาพที่ดีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องหยุดพัฒนา เพราะธรรมชาติของพฤติกรรมผู้บริโภค ต่างก็เลือกที่จะมองหาอะไรใหม่ ๆ ที่ดีที่สุดเพื่อตัวเอง ดังนั้น อย่าลืมที่จะทำการรักษาคุณภาพสินค้าให้ดี และพัฒนาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ ผ่านการรับคำติชม ทั้งทางตรงที่ให้ฟีดแบ็กมากับแบรนด์ และทางอ้อมจากการพูดคุยในช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อที่จะนำมาใช้ประกอบการปรับปรุงสินค้าและบริการนั่นเอง
4. เลือกช่องทางการขายและการชำระเงินให้หลากหลายเข้าไว้
สำหรับใครที่ทำทุกอย่างแล้ว แต่ก็ยังขายของไม่ได้เลยจนไม่รู้จะทำไงดี ลองสำรวจตัวเองอีกที เพราะบางครั้งอาจจะมาจากช่องทางการขายที่น้อยเกินไป จนจำกัดไม่ให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย วิธีแก้ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่เพิ่มช่องทางบนโซเชียลมีเดียให้มากขึ้น รวมถึงช่องทางการขายบน E-Commerce และหน้าร้านแบบออฟไลน์ เพื่อรองรับลูกค้าหลาย ๆ กลุ่ม และที่สำคัญ อย่าลืมที่จะเพิ่มช่องทางการรับชำระเงินให้ครอบคลุม จะได้ไม่มีอุปสรรคเวลาจะปิดยอดขายนั่นเอง
5. ปรับกลยุทธ์การสื่อสารและการยิงโฆษณาให้เหมาะสม
สุดท้าย กลยุทธ์การสื่อสารและการสร้างสรรค์แคมเปญ ก็ยังคงเป็นอาวุธสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหลาย ๆ ครั้งยอดขายมักเกิดจากการโฆษณาที่สร้างอิมแพค จนไปทริกเกอร์โดนจุดของผู้บริโภค ทำให้พวกเขาเกิดความสนใจ อยากสอบถาม และจับจองเป็นเจ้าของ ฉะนั้น ต้องตามให้ทันเทรนด์ที่เขาพูดคุย เพื่อนำมาพัฒนาเป็นคอนเทนต์ รวมถึงการเลือก Format ที่เหมาะสมกับช่องทางในการโปรโมต และการตั้งค่า วัดผล พร้อมปรับกลยุทธ์โฆษณาอยู่เสมอ รับรองว่าแค่ทำตามนี้ ยังไงก็มีโอกาสสร้างยอดขายทะลุเป้าได้แน่นอน
แม้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือกลาง ก็อย่ามองข้ามเรื่องการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของวิธีเพิ่มยอดขายที่ได้ผลดีที่สุด ซึ่งทาง Mandala AI ก็พร้อมสนับสนุนคุณ ด้วย Mandala Analytics เครื่องมือทำการตลาดที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงความต้องการของลูกค้าและติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ แบบเรียลไทม์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือทดลองใช้ได้ที่ด้านล่างนี้เลย
ข้อมูลอ้างอิง:
How To Increase Sales: 16 Effective Marketing Strategies. สืบค้นวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 จาก https://brame.io/blog/how-to-increase-sales/
