หากคุณเป็นผู้ใช้งานหรือ ทำการตลาดบน TikTok คงจะเคยได้เห็นวิดีโอเชิงสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบกันมาบ้าง เพราะแพลตฟอร์มนี้เป็นพื้นที่การแชร์เรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งหนึ่งในรูปแบบที่เราเห็นกันได้บ่อยมากคือ วิดีโอ Point-of-view (POV) ที่เป็นวิดีโอในมุมมองหนึ่งๆ ของตัวครีเอเตอร์ขณะทำท่าทางหรือกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเดิน วิ่ง ขับรถ หรือแม้แต่สถานการณ์ในเหตุการณ์จำลองหนึ่ง ๆ
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจมากนักที่วิดีโอแนวนี้ สามารถดึงดูดผู้ชมได้เป็นอย่างมาก แต่คำถามที่น่าสนใจคือ วิดีโอ POV เกิดขึ้นมาได้อย่างไร? มีจุดเริ่มต้นมาจากไหน? แล้วองค์ประกอบสำคัญอะไร ที่ต้องมีในการทำวิดีโอ POV?
วันนี้บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยและพาไปรู้จักกับ POV อย่างละเอียด และไม่ว่าคุณจะเป็นครีเอเตอร์มือใหม่, Influencer หรือ YouTuber ที่มากประสบการณ์และต้องการสร้างความหลากหลายให้กับช่องทางการสื่อสารของคุณเอง บทความนี้จะช่วยให้คุณสร้างวิดีโอ POV ของตัวเองให้ดึงดูดผู้ชม โดดเด่น และมีเอกลักษณ์มากที่สุด
POV คืออะไร
POV ย่อมาจาก Point of view ซึ่งถูกนำมาทำเป็นเทรนด์การถ่ายวิดีโอสั้นจากมุมมองของบุคคลที่หนึ่งหรือครีเอเตอร์ โดยทั่วไปแล้วจะมีการวางตำแหน่งกล้องเพื่อให้เกิดภาพว่าบุคคลที่ถ่ายทำกำลังโต้ตอบกับวัตถุหรือบุคคลที่อยู่ในภาพ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ชมได้รับมุมองเดียวกันกับครีเอเตอร์นั้นเอง
เทรนด์นี้ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากผู้ชมนั้นรู้สึกได้รับความบันเทิงและรู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งกับวิดีโอนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาประเภทใดก็ตาม ซึ่งทุกวันนี้ผู้ใช้ TikTok จำนวนมากก็หันมาทำวิดีโอ POV โดยใช้ประโยชน์จากเครื่องมือตัดต่อต่างๆ ของแอปที่มีลูกเล่นที่หลากและทำได้ง่ายแม้ไม่มีสกิลการตัดต่อ
ทำไม POV ถึงนิยมในกลุ่มวัยรุ่น
วิดีโอแนว POV ถือได้ว่าเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น และเป็นหนึ่งในกระแสในการทำการตลาดบน Tiktok ซึ่งสาเหตุก็อาจมาจากที่โดยปกติแล้วกลุ่มวัยรุ่นเสพย์สื่อ Social media เพื่อหลบหนีจากชีวิตจริงที่น่าเบื่อหน่าย และสื่อใน Social media เองก็มีอยู่หลายชิ้นงานที่ทำขึ้นมาเพื่อสร้างความบันเทิงและมีเนื้อหาเกินจริง ซึ่งนี่น่าจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจพวกเขาได้อย่างดี
สำหรับวิดีโอ POV นั้น สามารถมอบประสบการณ์ที่เสมือนจริงให้กับพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์นั้น ๆ เข้าถึงสถานการณ์ได้อย่างดีเหมือนกับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองจริง ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมกับเจ้าของวิดีโอรวมไปถึงคนอื่น ๆ ที่รู้สึกสนุกและบันเทิงไปกับเนื้อหานั้น ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน
ลองนึกภาพง่าย ๆ เมื่อเราเจอคลิปตลกที่ถูกใจ เรามักจะไม่ปัดผ่านมันไปเฉย ๆ แต่จะเข้าไปดูคอมเมนต์ว่าคนอื่น ๆ มีความคิดเห็นอย่างไร หนำซ้ำคอมเมนต์ของคนอื่น ๆ ยังเพิ่มความตลกและความสนุกให้กับเนื้อหาได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งนี่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกสนุกและรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมกับผู้อื่นใน community นั่นเอง
จุดประสงค์การสร้าง POV
เพราะการทำวิดีโอเชิง POV นั้นไม่ได้มีข้อจำกัดว่าสามารถทำได้ในหัวข้อไหนหรือสถานการณ์ใดบ้าง เรียกได้ว่าไร้ขอบเขตของไอเดียเลย สำหรับครีเอเตอร์นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพราะเมื่อไม่มีโจทย์ที่กำหนดมาให้ ครีเอเตอร์หรือแบรนด์ก็ต้องมานั่งวางแผนว่า ช่องของตัวเองสามารถทำวิดีโอ POV ในหัวข้อไหนได้บ้าง ถือว่าเป็นการสะท้อนไอเดียสร้างสรรค์ของเจ้าของช่องหรือแบรนด์นั่นเอง
POV มีรูปแบบไหนบ้าง
1. มุมมองบุคคลที่ 1
คือ การเล่าเรื่องผ่านสายตาหรือมุมมองของครีเอเตอร์หรือตัวละครหลัก ซึ่งทั้งนี้ผู้ชมจะมองไม่เห็นตัวละครนั้นๆ ในคลิปแต่ผู้ชมจะรู้สึกเหมือนเป็นตัวละครนั้น ๆ แทนเอง
2. มุมมองบุคคลที่ 2
คือ เรื่องเล่าจากมุมมองของผู้อ่านหรือผู้ชม มีความคล้ายกับมุมมมองบุคคลที่ 1 แต่จะมีจุดที่แตกต่างตรงที่ มุมมมองบุคคลที่ 1 คือ คุณกำลังมองเหตุการณ์หรือบุคคลอยู่ แต่มุมมมองบุคคลที่ 2 คือคุณกำลังถูกมองหรือถูกสื่อสารอยู่ เช่นเดียวกันกับการที่คุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ คุณกำลังอยู่ใน POV ในมุมมองบุคคลที่ 2 นั่นเอง
3. มุมมองบุคคลที่ 3
คือ การเล่าเรื่องราวโดยที่ผู้ชมจะเห็นทุกเห็นองค์ของสถานที่และตัวบุคคล เปรียบเหมือนผู้ชมกำลังเดินตามคน ๆ หนึ่งอยู่
วิธีการทำ POV ใน TikTok
1. วางคอนเซปต์
ก่อนที่เราจะไปทำวิดีโอ POV สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการวางคอนเซปก่อนว่าเราต้องสื่อสารเรื่องอะไร ไปในทิศทางไหน ทั้งนี้ครีเอเตอร์สามารถหาแรงบันดาลได้จากหลายแหล่ง เช่น การปรึกษาระดมความคิดกับเพื่อนหรือครอบครัว การสำรวจพฤติกรรมของผู้ชมส่วนใหญ่บน TikTok หรือเทรนด์ที่กำลังเป็นกระแส เพื่อนำมาเป็นแรงบัลดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน หรือ การใช้ social listening tools ในการค้นหาเทรนด์ใน social สิ่งสำคัญที่สุดเลยคือ คอนเซปต์และ Mood and tone ของวิดีโอ POV ควรมีเนื้อหาที่เข้าถึงง่าย ทำให้ผู้คนหยุดดูจนจบได้
2. เลือกใช้กล้องที่มีคุณภาพและให้ความสำคัญกับมุมกล้อง
เพราะวิดีโอ POV คือ วิดีโอที่มีจุดมุ่งหมายให้ผู้ชมเห็นมุมมองที่เหมือนจริง ดังนั้นการใช้กล้องที่มีเลนส์คุณภาพดีและมุมกล้องที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของวิดีโอก็มีผลต่อการรับชมด้วยเช่นกัน เพราะหากใช้เคลื่อนไหวแบบติด ๆ ขัด ๆ กับการดำเนินเรื่อง อาจทำให้ผู้ชมรู้สึกสะดุดและเลื่อนผ่านไปได้ การใช้กล้องคุณภาพดี มุมกล้องช่วยให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์การรับชมที่ลื่นไหลได้
3. ฝึกซ้อม ท่องบท ก่อนถ่ายทำ
ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการถ่ายทำ ครีเอเตอร์ควรฝึกซ้อมท่องบทเพื่อให้การดำเนินเรื่องลื่นไหลมากที่สุด ทั้งนี้ครีเอเตอร์สามารถเขียนสคริปต์บทพูดและฝึกซ้อมกับโทรศัพท์ คอยอัดคลิปตอนซ้อมไว้เพื่อเช็คว่าตัวเองต้องปรับจุดไหน อย่างไรบ้าง และอย่าลืมว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการทำคลิปบนแพลตฟอร์มนี้ ดังนั้นควรวางสคริปต์ให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่พอเหมาะจะดีที่สุด
4. ถ่ายทำและตัดต่อ
เมื่อทำการซ้อมจนมั่นไม่ใจแล้ว ก็สามารถเริ่มถ่ายทำได้เลย ทั้งนี้ก็สามารถถ่ายคลิปสำรองไว้ 2 – 3 คลิป เผื่อไว้ตัดสินใจได้ด้วยเช่นกัน และเมื่อได้คลิปมาแล้วก็สามารถทำการตัดต่อโดยใช้เครื่องมือที่ของแพลตฟอร์มได้เลย หรือหากใครมีโปรแกรมข้างนอก ก็สามารถตัดคลิปที่โปรแกรมนั้น ๆ และนำมาอัพโหลดบน TikTok ก็ได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับการตัดต่อคลิปบน TikTok แพลตฟอร์มเองก็มีเครื่องมือที่หลากหลายสามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
- เพลง
- ข้อความบนวิดีโอ
- Filter
- Effect
- Transition เป็นต้น
5. โพสต์คลิป
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่แสนง่ายดายคือการโพสต์คลิป แต่ก่อนที่จะกดโพสต์คลิปกอย่าลืมคำนึงถึงแคปชันใต้วิดีโอ สามารถใส่เป็นข้อความ Call to action เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับคลิป อย่างการ Duet ได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ก็สามารถติด Hashtag เพื่อให้อัลกอริทึมดันคลิปของช่องคุณให้ถูกเห็นได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มฐานผู้ชมและจำนวนผู้ติดตามในอนาคตได้อีกด้วย
เริ่มทำวิดีโอ POV เพื่อดึงดูดผู้ชม
เทรนด์ POV ถือเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการบอกเล่าเรื่องราวและแสดงถึงเอกลักษณ์ บุคลิกของครีเตอร์ อินฟลูเอเซอร์ ได้อย่างดี นอกจากนี้ก็ได้กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการดึงดูดและมีส่วนร่วมกับผู้ชมได้อย่างเป็นกันเองมากขึ้นเพราะเมื่อผู้ชมรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งกับคอนเทนต์แล้วก็ทำให้พวกเขามีแนวโน้มจะคอมเมนต์หรือแชร์ต่อได้ ที่สำคัญก็อย่าลืมหาไอเดียใหม่ ๆ มาทำคลิป POV อยู่เรื่อย ๆ เพื่อเป็นการขยายฐานผู้ติดตามและเพิ่มโอกาสในการเป็นครีเอเตอร์ที่เปนที่รู้จักมากขึ้นในอนาคต