การสร้างแบรนด์ดิ้ง หรือ Branding ให้ประสบความสำเร็จ ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญในเรื่องของการออกแบบ Brand CI หรือออกแบบโลโก้ให้สวยงามเท่านั้น แต่การทำ Branding ให้ประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องที่มีกระบวนการซับซ้อน และมีเทคนิคของการวาง Branding Strategy ไปถึงเรื่อง Branding Marketing กันเลยทีเดียว เพราะกว่าจะทำให้แบรนด์เป็นเอกลักษณ์และเกิดการจดจำในสายตาของผู้บริโภคได้ ทุกอย่างต้องใช้จังหวะและเวลา
ดังนั้นเราขอแนะนำเทคนิคและกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ง่าย ๆ เพื่อให้คุณนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแบรนด์ของตนเอง เผื่อจะช่วยให้แบรนด์ของคุณ ก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้!
Branding คืออะไร

Branding คือ กระบวนการสร้างตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์และการกำหนดจุดยืน ให้กับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือบุคคล เพื่อทำให้ผู้บริโภคเกิดการจำจด ผ่านกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ และวาง Branding Strategy ต่าง ๆ จนทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในแบรนด์ และเกิดการตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการได้ในที่สุด
สิ่งสำคัญของการ Brand Strategy คือ การกำหนดตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งประกอบไปด้วยชื่อแบรนด์ โลโก้ สีโลโก้ รวมไปถึงข้อความต่าง ๆ เรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ที่ต้องการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
เท่านั้นยังไม่พอ ‘การสร้างแบรนด์’ ยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภค (Brand Marketing) ด้วย เพื่อจะได้สื่อสารเบื้องหลังเกี่ยวกับแบรนด์ออกไป ทำให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงแบรนด์อย่างลึกซึ้งมากขึ้น โดยจุดประสงค์ในการทำ Brand Marketing คือ การสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์สินค้าและบริษัทนั่นเอง
การสร้างแบรนด์ที่ดีจะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณมากขึ้น และมีผลในการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ทำให้เกิดความต้องการ ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณมากขึ้นด้วย ซึ่งนี่คือประโยชน์ของแบรนด์ที่จะได้รับ
และปัจจุบันนี้การทำ Branding ให้ประสบความสำเร็จ ไม่เพียงแค่การสร้างความรู้จักในตลาดออฟไลน์เท่านั้น แต่ยังต้องนำเสนอตัวตนของแบรนด์ในโลกออนไลน์ด้วย โดยการใช้โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์และสร้างความไว้วางใจกับกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
เป้าหมายการทำ Branding และ Marketing ต่างกันอย่างไร
Branding: เน้นการสร้างแบรนด์ สร้างภาพลักษณ์ สร้างตัวตนของแบรนด์เป็นหลัก อาจเกิดขึ้นผ่านการบริการลูกค้า รวมถึงการเข้าใจกระบวนการตัดสินใจซื้อของกลุ่มเป้าหมาย
Marketing: การสร้างแคมเปญการตลาด มุ่งหวังสร้างยอดขายในช่วงใดช่วงหนึ่ง และปรับแผนการทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หากไม่ได้ผลก็ต้องมีการปรับกลยุทธ์เรื่อย ๆ จนได้ผลลัพธ์ตามต้องการ
ทำไมหลาย ๆ แบรนด์ถึงให้ความสำคัญกับ Branding

การสร้าง Branding เป็นสิ่งสำคัญเพื่อการเป็นที่ยอมรับในตลาด และนี่คือเหตุผลที่ทำให้หลาย ๆ แบรนด์ ต้องสร้าง Branding ให้กับแบรนด์ตนเอง
- ช่วยทำให้การวางแผนทำ Brand Strategy และการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การสร้าง Branding จะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า บริการ หรือบุคคล ให้แตกต่างจากคู่แข่งได้ และทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ชัดเจน ทำให้กลุ่มเป้าหมาย เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพในสินค้าหรือบริการของคุณ
- ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้ เพราะยิ่งแบรนด์มีความน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อใจและไว้วางใจในสินค้าและบริการมากเท่านั้น
- ช่วยสร้างการรับรู้และการจดจำให้กับแบรนด์ ส่งผลให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้ และนำไปสู่การตัดสินใจซื้อหรือเป็นลูกค้าในอนาคต
- ช่วยสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้เกิดส่วนแบ่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง เกิดการซื้อซ้ำ และเกิดผลดีในการดำเนินธุรกิจระยะยาว
- ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทได้ เพราะการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จะช่วยเพิ่มมูลค่าของบริษัท ทำให้บริษัทมีความมั่นคงและสร้างผลกำไรที่มากขึ้นนั่นเอง
- ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับทีมงานได้ เพราะการสร้างแบรนด์ที่มีความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภคและมีความแข็งแกร่งในตลาด จะทำให้ทีมงานเกิดความภูมิใจในการทำงาน เกิดความเชื่อมั่นและเห็นคุณค่าของการทำงานในบริษัท เกิดผลลัพธ์การทำงานที่ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้บริษัทเกิดความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจได้ง่ายขึ้นด้วย
การที่เราเห็นความสำคัญของแบรนด์และให้ความสำคัญกับการทำ Branding นั้น ไม่เพียงแค่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายมีความเชื่อมั่นและความไว้วางใจในแบรนด์ของคุณ แต่ยังช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความเข้มแข็ง และสามารถเจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมที่มีแข่งขันอย่างดุเดือดได้
เทคนิคการสร้าง Branding ให้ประสบความสำเร็จ
การสร้าง Branding ให้ประสบความสำเร็จนั้น มีเทคนิคง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

1. ต้องรู้จักตัวเองให้ชัดเจน
วิธีที่ดีที่สุดในการเล่าเรื่องราวของคุณให้กับผู้บริโภคได้รู้จัก ไม่ใช่การใช้ชื่อเรื่องที่กระชับและรูปภาพที่สะดุดตา แต่ควรจะมีความเชื่อมโยงระหว่างชื่อธุรกิจของคุณกับสินค้าหรือบริการของคุณด้วย แนะนำให้เริ่มต้นด้วยการสร้างความเข้าใจพื้นฐานว่าคุณเป็นใคร และทำไมคุณถึงขายหรือให้บริการสิ่งนี้
2. รู้จักกลุ่มเป้าหมายของตนเอง
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่คุณคาดว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ เป็นขั้นตอนจำเป็นที่ต้องทำ ก่อนจะเริ่มดำเนินธุรกิจ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องวิเคราะห์ตลาดและกลุ่มเป้าหมาย ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และความต้องการที่แท้จริงของพวกเขา
3. สร้างพันธกิจและวิสัยทัศน์สำหรับแบรนด์ของคุณ
วัตถุประสงค์ของบริษัทคืออะไร และจะให้ประโยชน์อะไรกับกลุ่มเป้าหมายบ้าง นี่คือสิ่งที่พันธกิจของแบรนด์จะต้องอธิบายให้ชัด และมุ่งเน้นการดำเนินการนี้ให้สำเร็จทั้งเป้าหมายในระยะสั้นและระยะยาว
4. ถามคำถามกับลูกค้าของคุณ
สิ่งสำคัญในการสร้าง Branding ให้ประสบความสำเร็จ คือ คุณต้องรู้ว่าลูกค้าคิดอย่างไรกับคุณ เพราะนี่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในสร้างกลยุทธ์ทางการตลาด ในการเตรียมแคมเปญการตลาดครั้งต่อ ๆ ไป โดยวิธีที่ดีที่สุดในการวัดว่าลูกค้าคิดอย่างไรกับแบรนด์ของคุณนั้น ก็มาจากการขอข้อมูลจากพวกเขาโดยตรงหรือใช้เครื่องมือ Social Listening Tools เพื่อช่วยให้คุณเก็บข้อมูล Insight ของกลุ่มเป้าหมายบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้สะดวกยิ่งขึ้น และคุณต้องเปิดรับความคิดเห็นทั้งเชิงบวกและเชิงลบด้วย
5. ความสอดคล้องของข้อมูลและความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ
ขั้นตอนแรกในการพัฒนาความสม่ำเสมอของแบรนด์ คือ การทำ Branding Design ให้ชัดเจน ด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานของแบรนด์ว่าจะสื่อสารด้วยภาพแบบไหน Brand CI และรูปแบบฟ้อนต์เป็นอย่างไร น้ำเสียง อารมณ์ ระดับภาษา รวมถึงข้อความที่จะใช้สื่อสารกับลูกค้าในแต่ละช่องทางด้วย
โดยข้อความที่จะใช้สื่อสารกับลูกค้า ต้องสอดคล้องกันในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Website, Facebook, Instagram, TikTok ฯลฯ นอกจากความสอดคล้องกันแล้ว ก็จะต้องมีความสม่ำเสมอกันด้วย เพราะมิเช่นลูกค้าจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่า แบรนด์ของคุณมีจุดยืนอย่างไรกันแน่ หากกลยุทธ์การสร้างแบรนด์และการสื่อสารของคุณในแต่ละช่องทางแตกต่างกัน
6. ตระหนักถึงสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่าง
อีกเทคนิคสำคัญในการทำ Branding ให้ประสบความสำเร็จ คือ การสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ (Brand Identity) และการสร้างจุดขายที่แตกต่าง (USP) ลูกค้าจะต้องรู้ว่าอะไรที่ทำให้ผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ของคุณ แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ที่พวกเขาได้รับการนำเสนอเมื่อเร็วๆ นี้ หรือแตกต่างจากที่ใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้เอง การศึกษาคู่แข่งจึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณจะต้องรู้ว่าคู่แข่งของคุณมีแนวคิดและการวางตำแหน่งแบรนด์อย่างไร แล้วคุณต้องอธิบายคำจำกัดความของแบรนด์ตัวเอง และสิ่งที่แตกต่างจากคู่แข่งของคุณ “ให้ได้”
7. รวมโลโก้บริษัทเข้ากับทุกสิ่งที่คุณทำ
เมื่อพูดถึงการสร้างแบรนด์ “โลโก้” เป็นมากกว่าสัญลักษณ์ที่สวยงาม “คุณต้องทำให้โลโก้เป็นที่น่าจดจำ เพียงพอที่จะทำให้บริษัทของคุณแตกต่างจากบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน” เพราะหลายครั้งที่โลโก้เป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าใหม่และผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้า จะมองเห็นเกี่ยวกับบริษัท ดังนั้นคุณจะต้องสื่อสารในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ให้กลายเป็นภาพโลโก้นั่นเอง
8. สร้างข้อความและเรื่องราวให้กับแบรนด์
คุณจะต้องระบุพันธกิจและคุณค่าของแบรนด์ให้เฉพาะเจาะจงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เลือกใช้น้ำเสียงของแบรนด์ให้เหมาะสม และเนื้อหาทุกชิ้นที่คุณผลิต ควรเชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ของแบรนด์ด้วย โดยคุณต้องบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณควรใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ในขณะเดียวกันก็ต้องกระตุ้นความรู้สึกให้กับตัวผู้อ่านหรือผู้ฟังได้ด้วย และที่สำคัญอย่าลืมนำเสนออย่างสม่ำเสมอ
9. สร้างแบรนด์ให้เชื่อมโยงกับสิ่งต่าง ๆ (Brand Association)
การเชื่อมโยงแบรนด์ให้เข้ากับสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงกับบุคคลที่มีชื่อเสียง โดยการใช้พรีเซนเตอร์ การเชื่อมโยงกับทัศนคติ เช่น เป็นแบรนด์ที่ผลิตแต่สินค้าออร์แกนิก 100% เป็นต้น ซึ่งการสร้างแบรนด์ให้เชื่อมโยงกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งในสมอง เกิดเป็นภาพจำให้กับลูกค้าได้
10. การวางแผนระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ
การวางแผนระยะยาวเป็นกระบวนการสำคัญที่จะช่วยกำหนดทิศทางและเป้าหมายของธุรกิจหรือองค์กร รวมไปถึงมีส่วนช่วยในการวางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ แผนการดำเนินงาน การปรับปรุงแผนกลยุทธ์การตลาด การเงิน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดในอนาคตได้
แล้ว Branding Strategy ของคุณเป็นอย่างไร?
อย่างไรก็ตาม เทคนิคในการทำ Branding ให้ประสบความสำเร็จ ไม่ได้อยู่แค่วิธีการสร้างความรู้จัก ความเข้าใจ ความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในระยะเริ่มต้นในการทำสินค้าหรือบริการออกมา แต่การสร้างแบรนด์ให้มีคุณภาพและมีความเชื่อมั่น จำเป็นต้องได้รับการจัดการและการดูแลอย่างต่อเนื่องด้วย เพื่อสร้างความยั่งยืนในตลาดนั่นเอง