Global Marketing คือ? การตลาดไร้พรมแดน ผลักดันธุรกิจสู่ตลาดโลก

การทำ Global Marketing หรือที่เรียกว่า ‘ตลาดโลก’ คือ การผลักดันแบรนด์ไปสู่กลุ่มลูกค้าที่กว้างมากขึ้น เปลี่ยนมุมมองการมองธุรกิจไปอีกมิติที่แตกต่างจากแบบเดิม เพราะการที่ขยายกลุ่มลูกค้า หรือยกระดับแบรนด์ไปสู่การตลาดระดับโลก ทำให้ภาพการทำการตลาดเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งการทำตลาดที่มีสเกลใหญ่ขึ้น นับเป็นโอกาสในการผลักดันธุรกิจให้เติบโต และขยายการลงทุนเป็นวงกว้าง อีกทั้งยังสามารถผลักดันธุรกิจไปสู่ระดับโลกได้อีกด้วย

เมื่อการตลาดที่ไร้พรมแดน ทั้งโลกคือกลุ่มเป้าหมาย แน่นอนว่าการยกระดับการตลาดในสเกลที่ใหญ่ขึ้นย่อมต้องทำความเข้าใจในแง่ของแบรนด์ กลุ่มเป้าหมาย และวิธีการขยายตลาด ซึ่งเราได้รวบรวมเอาไว้ให้นักการตลาดได้ลองหยิบไปใช้ หยิบไปเป็นแง่มุมในการปรับสเกลขยายตลาดเพื่อสร้างกำไรได้มากขึ้นนั่นเอง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

Global Marketing คืออะไร?

‘Global Marketing’ หรือ ‘ตลาดโลก’ เป็นการโฟกัสการขายสินค้าและบริการไปที่ลูกค้าทั่วโลก โดยมีมุมมองการทำตลาดที่มองว่าทั้งโลกคือตลาดเดียว ทำให้การสื่อสาร หรือการใช้ข้อความทางการตลาด ออกมาในรูปแบบเดียวกัน โดยมีสำนักงานใหญ่เป็นผู้กำหนดทิศทาง รวมถึงสินค้า วัตถุดิบ หรือบริการจะเป็นมาตรฐานแบบเดียวกันในทุกประเทศทั่วโลก ที่สำคัญอีกด้าน คือ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ทั้งโลกต้องมอง รับรู้ รู้สึก ให้เป็นแบบเดียวกัน เพื่อให้การสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้ามีการรับรู้ที่เหมือนกัน โดยการสื่อสารจะเป็นไปตามข้อกำหนดของสำนักงานใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังกำหนดกรอบและทำการตลาดที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้สาขาในแต่ละประเทศยังอยู่ภายใต้การทำตลาดในสเกลระดับโลกอยู่ ซึ่งสามารถดูตัวอย่างการทำตลาดของแบรนด์ดังระดับโลกได้ตามเคสที่ยกมาได้เลย

Nike ตัวอย่าง Global Marketing ที่ครองใจผู้คนทั่วโลก

Nike เป็นแบรนด์กีฬาที่รู้จักกันดีทุกคนโดยนับว่าเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการทำ Global Marketing ได้อย่างน่าสนใจซึ่งเป็นการผสานกลยุทธ์การทำตลาดโลกกับกลยุทธ์การเป็นสปอนเซอร์และพาร์ทเนอร์ระหว่างประเทศได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้คนทั่วโลกเกิดภาพจำและจดจำแบรนด์นี้ได้ อีกทั้งแบรนด์ Nike เป็นแบรนด์แรก ๆ ที่ทำการตลาดแบบดิจิทัลอีกด้วย ทั้งทำการตลาดผ่าน E-mail และการทำการตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียอีกด้วย

จะเห็นได้ว่า Nike ใช้การผสานกลยุทธ์การทำตลาดผ่านพาร์ทเนอร์และสปอนเซอร์ภายใต้การสื่อสารของแบรนด์ที่ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใด ก็สื่อสารและสร้างการรับรู้ต่อคนทั่วโลกด้วยความรู้สึกเดียวกัน โดยแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศที่ทำการตลาดอีกด้วย

ประโยชน์จากการทำ Global Marketing

การทำการตลาดระหว่างประเทศเรียกได้ว่ามีวิวัฒนาการทางการตลาดมาเป็นระยะเวลายาวนาน การทำการตลาดแบบนี้ย่อมมีข้อดีและประโยชน์ที่น่าสนใจโดยการทำการตลาดแบบนี้จะสร้างแคมเปญใหญ่มาแคมเปญเดียวและใช้เพื่อทุ่มไปที่ลูกค้าทุกคน การทำแบบนี้จะช่วยลดต้นทุนและช่วยเพิ่มการผลิตจำนวนมาก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั่วโลกนั่นเอง นอกจากประโยชน์เหล่านี้แล้วยังมีประโยชน์อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการทำการตลาดเหล่านี้ด้วยนั่นคือ 

1. ขยายลูกค้าสร้างฐานลูกค้าเพิ่ม เมื่อขยายสเกลไปสู่ตลาดระหว่างประเทศแล้ว ก็จะก้าวข้ามข้อจำกัดในเรื่องจำนวนของลูกค้าในประเทศนั่นเอง รวมถึงเป็นการกระจายความเสี่ยงเมื่อต้องลงทุนในตลาดเดียวอีกด้วย
2. สร้างการรับรู้ของแบรนด์ การที่แบรนด์ยกระดับและทำการตลาดในสเกลที่ใหญ่ขึ้นนั้นจะสร้างภาพจำและสร้างความได้เปรียบได้ในการแข่งขันกับแบรนด์อื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้สร้างภาพจำแบรนด์และเข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายขึ้นด้วย
3. มีข้อมูลเชิงลึกหลากหลาย การที่แบรนด์ขยายและทำการตลาดในระดับโลก ก็จะมาพร้อมกับข้อมูลและการประเมินจากผู้คนหลากหลาย ทำให้แบรนด์สามารถนำข้อมูลไปใช้และนำไปปรับปรุงคุณภาพให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้นนั่นเอง

จะเห็นว่าประโยชน์จากการทำการตลาดระดับนี้จะมีประโยชน์และข้อดีที่สามารถส่งเสริมการตลาดของแบรนด์ได้เป็นอย่างดีทั้งการลดต้นทุน ขยายฐานลูกค้า สร้างภาพจำและสามารถปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการให้มีประสิทธิภาพ ตรงกับความต้องการของลูกค้าทั่วโลกมากขึ้นอีกด้วย

5 วิวัฒนาการก่อนก้าวสู่เป็น Global Marketing

การวิวัฒนาการก่อนก้าวไปสู่การทำตลาดแบบ Global Marketing ล้วนมีจุดเริ่มต้นและวิวัฒนาการเป็นลำดับ ซึ่งแต่ละระยะก็มีจุดเปลี่ยนและอุปสรรคที่แตกต่างกัน ซึ่งวิวัฒนาการแต่ละลำดับที่น่าสนใจสามารถเรียงได้ดังนี้

1. การตลาดภายในประเทศ (Domestic Marketing) 

เป็นการเริ่มต้นทำการตลาดในประเทศโดยโฟกัสกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่อยู่ในประเทศเป็นหลัก ถึงแม้จะมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดมากขึ้นแต่ก็จะเน้นที่ลูกค้าในประเทศเป็นลำดับแรกเสมอ ยกตัวอย่างเช่น ‘Diamond Grain’ ที่เริ่มจากขาย ‘กราโนล่า’ อาหารที่มีส่วนผสมของธัญพืช ที่เริ่มต้นขายที่ตลาดภายในประเทศ โดยเป็นการฝากขายในร้านกาแฟที่ปั๊มน้ำมันเป็นที่แรกและเติบโตสร้างกำไรมากขึ้นนั่นเอง

2. การตลาดส่งสินค้าออก (Export Marketing)

การส่งออกสินค้าไปขายในต่างประเทศ ก็เป็นอีกวิธีในการทำการตลาดและดำเนินการมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการทำตลาดทั่ว ๆ ไป เพราะจำเป็นต้องเตรียมเอกสารเพื่อส่งออก เอกสารสั่งซื้อสินค้า ค่าระวางในการส่งสินค้า ค่าขนส่ง ภาษี เป็นต้น รวมถึงยังมีเรื่องของภาษา การหาคู่ค้าในการกระจายสินค้า การทำการตลาดในประเทศปลายทางอีกด้วย

3. การตลาดนานาชาติ (International Marketing)

เมื่อจำเป็นต้องทำการตลาดในประเทศปลายทาง การลดระยะเวลา การลดช่องว่างทางด้านภาษา วัฒนธรรม จึงเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน การสร้างสาขา ขยายสำนักงานมาที่ประเทศปลายทางจึงเป็นทางเลือกที่สำคัญ เพื่อใช้เป็นฐานในการเจาะตลาดต่างประเทศทั้งการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคู่ค้า การวางระบบการจัดการ การดำเนินการสร้างออฟฟิศ เพื่อทำธุรกิจระหว่างประเทศจึงมีความสำคัญอีกด้วย

4. การตลาดหลายประเทศ (Multinational Marketing)

เป็นการสร้างความร่วมมือกันระหว่างสาขา หรือภูมิภาคของประเทศที่ตั้งของแต่ละสาขา เพื่อทำการพัฒนา วิจัย ผลิตสินค้า รวมถึงวางแผนการทำการตลาดในระดับภูมิภาค เพื่อให้เป็นทิศทางเดียวกันและสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย

5. การตลาดทั่วโลกหรือไร้พรมแดน (Global Marketing)

เป็นการโฟกัสกับทำตลาดโลกเป็นตลาดเดียว การสร้างแคมเปญการตลาด เพื่อทำการขายสินค้าหรือบริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน มีทิศทางเหมือนกัน ซึ่งต้องใช้นักการตลาดในแต่ละสาขาทั่วโลกร่วมคิด ร่วมวางแผนการตลาด รวมถึงเป็นที่ปรึกษา เพื่อป้องกันผลกระทบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้นั่นเอง

แนวทางการพัฒนาของแบรนด์ในแต่ละช่วงก็ขึ้นอยู่กับแบรนด์แต่ละแบรนด์จะวางตัวเองอยู่ที่จุดใด และพัฒนาไปถึงจุดไหนก็ขึ้นอยู่กับแนวทางการทำธุรกิจของแบรนด์ต่าง ๆ อีกด้วย

สิ่งที่ควรคำนึงในการทำ Global Marketing

สิ่งที่ควรคำนึงในการทำการตลาดแบบ ‘Global Marketing’ ที่ทุกแบรนด์ต้องเผชิญ คือ ‘กำแพงด้านวัฒนธรรม’ ที่แต่ละประเทศล้วนแตกต่างกัน ถึงแม้ว่ากละยุทธ์ทางการตลาดจะมีข้อกำหนดและทิศทางเป็นแกนหลักอยู่แล้ว การนำไปทำการตลาดที่ใหญ่ขึ้น จำเป็นต้องคำนึงถึง วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา อีกด้วย จะเห็นได้ว่าข้อความหรือโฆษณาในประเทศหนึ่งอาจจะได้รับความนิยม แต่อีกประเทศกลับไม่ได้รับความนิยมนั่นเอง นอกจากวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยมในแต่ละประเทศแล้ว ยังมีกฏหมายและข้อกำหนดต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักถึงก่อนที่จะออกแคมเปญการตลาดอีกด้วย

ใช้ Mandala AI. ศึกษาตลาดโลก เพื่อก้าวสู่ธุรกิจระดับนานาชาติ

การศึกษาตลาดเป็นอย่างดี ต้องอาศัยเครื่องมือที่ค้นหาและแสดงข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ สามารถนำไปตัดสินใจและวางแผนได้อย่างดี เพื่อยกระดับธุรกิจไปสู่ระดับโลกมากขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน การที่จะหยิบข้อมูลที่เป็นกระแสบนโลกออนไลน์ ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เพื่อไม่ให้พลาดกระแสที่น่าสนใจแบบเรียลไทม์ จึงเป็นอีกความท้าทายที่น่าสนใจ 

การใช้เครื่องมือ Social Listening อย่าง Mandala Cosmos ที่มีฟีเจอร์อย่างการรวบรวมข้อมูล ที่กำลังเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ ประเด็นที่มีการพูดถึงบนสื่อโซเชียลแบบเรียลไทม์ จึงเป็นเครื่องมือที่น่าสนใจ ตอบโจทย์การใช้เครื่องมือเพื่อช่วยศึกษาตลาดโลกได้อย่างดี

อีกทั้งหากใช้เครื่องมือ Mandala Analysis ผสมผสานเข้าไปด้วยจะช่วยในการหาข้อมูลเชิงลึกอย่าง ‘Insight’ เพื่อค้นหาความต้องการในการพัฒนาสินค้าและบริการได้ตรงกับความต้องการ รวมถึงใช้ภาษาที่ต้องการเก็บข้อมูลได้อีกด้วย 

แน่นอนว่าเครื่องมือนี้สามารถใช้ได้ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อวิเคราะห์ตลาดที่ต้องการได้ด้วย แน่นอนว่าหากมีเครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการศึกษาตลาดเพิ่มขึ้น ก็ช่วยสร้างการตัดสินใจบนข้อมูล ตัวเลข และสถิติได้แม่นยำมากขึ้น เพื่อยกระดับธุรกิจไปสู่ระดับโลกได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง